เวลาเราอ่านเรื่องผีของแต่ละสถาบันแล้ว อดคิดถึงเรื่องเล่าของสถาบันเราบ้างไม่ได้ ..... อยู่โรงเรียนเก่าตอนม.ต้นก็ไม่ค่อยมีอะไร แต่ตอนม.ปลายนี่สิ เรื่องเพียบ เริ่มจากที่แถวนั้นเป็นบริเวณวังเก่า...จุดที่สร้างโรงเรียนเราเป็นลานประหาร ขุดเจอศพ (ตั้ง 100 ปีมาแล้วเนี่ยนะ ?) กลางคืนจะได้ยินเสียงคนลากโซ่ตรวนไปตามพื้น ...บ้างก็ได้ยินเสียงคนทุ่มของลงน้ำ กลิ่นธูป..ควันเทียน ว่ากันไป แม้แต่อาคารเรียนเราที่เป็นอาคารไม้เก่าแก่...ใช้เป็นห้องเรียนดนตรีไทยก็ว่ากันว่า...เวลาเย็นๆถ้าใครเดินผ่านจะได้ยินเสียงดนตรีเล่นเอง แต่พอเดินเข้าไปดูก็ไม่มีใคร บรื๋อออออส์...
เรื่องเล่ามักจะมาจากพวกรุ่นพี่นี่แหละ..ตัวดี ไม่ต่างจากตอนที่เราเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยเลย (ก้อมันรั้วเดียวกันนิ) โชคดีที่เราไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมอยู่ที่มหาลัยเท่าไหร่ เป็นเด็กเดินเรียนไม่ใช่เด็กหอ(กลับบ้านทุกวัน) แต่เวลามีกิจกรรมต้องไปอยู่หอกับเพื่อนก็ไม่มีอะไรดูปกติดี แม้แต่บางคืนที่ครึ้มๆนอนไม่หลับ ตื่นมานั่งที่ระเบียงแล้วเปิดเพลงฟังพร้อมกับเขียนกลอนเล่น ก็ไม่มีอะไรให้เราต้องผวา (นับว่าโชคดีหรือเกิน) แต่เพื่อนเล่าให้ฟังว่า....
ที่หอหญิง...ชั้นบนสุด ห้อง 413 (ถ้าจำไม่ผิดนะ) เป็นห้องสุดท้ายติดบันไดหนีไฟ ......มีรุ่นน้องเจอพี่ผู้หญิงอยู่หน้าห้องก็คุยกับเขาอยู่ทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอตอนมืดๆเข้าใจว่าคงเรียนเสร็จเพิ่งกลับจากห้องสมุดหรือติวกับเพื่อน ก็คุยกันดี .... แต่วันหนึ่งไปเคาะประตูเพื่อที่จะเอาของกินไปฝาก ห้องกลับเงียบสนิท...รุ่งขึ้นเช้าไปเคาะอีกก็ไม่มีใคร เลยเล่าให้เพื่อนฟัง แม่บ้านหอก็เลยบอกว่าห้องนั้นไม่มีใครอยู่มานานแล้ว...เพราะเจ้าของตายเลยไม่มีใครกล้าอยู่ ปิดตายเอาไว้ น้องคนนี้ไม่เชื่อ...ขอพิสูจน์ แม่บ้านเลยเปิดประตูเข้าไปให้...พบว่าเป็นห้องเปล่าที่มีแต่กลิ่นอับ ไม่มีวี่แววว่าใครจะอยู่ได้แน่ๆ ..... โปรดใช้วิจารณญาณ
หอพักชาย...เพื่อนคณะจิตรกรรมมาพักที่หอด้วย รุ่งเช้า...เดินลงจากหอมาด้วยกัน เพื่อนคนนั้นก็ออกปากว่า อ้าว ? หายไปไหนหมดแล้วล่ะ ? เพื่อนงง...อะไร ? อ้าว...ก็เมื่อคืนกูจะเดินขึ้นหอ กูยังเห็นหุ่นไม่มีหัวตั้งหลายตัว...ตั้งอยู่หน้าหอนี่ ....ใครย้ายไปไหนแล้วล่ะ ? แกคิดว่าคงมีงานแสดงประติมากรรมว่าจะมาดูเสียหน่อย เพื่อนขนหัวลุก...เอ็งไม่รู้เหรอว่าเมื่อ 100 ปีที่แล้ว..แถวนี้มันเคยเป็นลานประหาร...ตัดคอคนมาไม่รู้เท่าไหร่ ....เพื่อนอึ้ง ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มีหลักฐานยืนยัน
ถนนเส้นหนึ่งในมหาลัยที่ไม่มีใครอยากผ่านตอนกลางคืนถ้าไม่จำเป็น ..... ทางโรยกรวดนั้นครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ตลอด...มีบ้านโบราณหลังย่อมซึ่งเล่ากันว่าเป็นบ้านของข้าราชบริพารเก่า แต่เป็นทางลัดที่จะไปหอได้ง่ายที่สุด คืนหนึ่ง....เด็กปีหนึ่งปั่นจักรยานมากับเพื่อน ผ่านตรงต้นมะขามร้อยปีนี่พอดี ..... ทั้งดึก ทั้งมืด ทั้งเงียบ .... ได้ยินแค่เสียงล้อจักรยานที่บดไปบนกรวดแต่ละเม็ด ต่างคนต่างรู้กันว่าต้องปั่นผ่านจุดนี้ไปให้เร็วที่สุด ...... เสียงลมหายใจที่หอบถี่ของเด็กหนุ่มทั้งสองสะท้อนแนวไม้แถวนั้นแผ่วๆ ข้ามสะพานไม้เล็กๆแล้วก็ถึงหอพักชายพอดี จอดจักรยานแล้ว....คนแรกก็หันมาเห็นเพื่อนที่ตามมายืนเงียบ..หน้าซีด เป็นไรวะ ? เอ็งไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ? อะไร ? มีอะไร ? ...... ก้อตอนเอ็งผ่านตรงต้นไม้นั่นน่ะ ..... กูเห็นผู้หญิงซ้อนจักรยานเอ็งมาด้วย...แล้วอยู่ๆก็หายไป บ้าเป่าวะ ? จักรยานกูมีที่ซ้อนที่ไหนล่ะ ? เอ็งน่ะตาฝาด...กูไม่ได้ตาฝาด กูยังเห็นเลยว่าเขาห่มสไบ...ผ้าสไบงี้ปลิวเชียว .... ไม่จำเป็นอย่าผ่านไปทางนั้นเด็ดขาด
อีกเรื่องหนึ่ง...เกิดขึ้นกับเพื่อนเราเอง เพื่อนคนนี้ติดอันดับดาวคณะ ...น่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย วันหนึ่ง....เจ้าตัวไม่สบายมากถึงกับนอนซมอยู่ที่หอ ส่วนเพื่อนๆก็ไปเรียนกันหมด ความที่ไข้สูง...นอนอย่างไม่รู้วันรู้คืน แต่ไม่ว่าจะลืมตาขึ้นมากี่หน...ก็จะเห็นผู้หญิงนุ่งโจง ห่มผ้าแถบ ผมทรงดอกกระทุ่ม หมอบอยู่ปลายเตียงและชะเง้อมองด้วยสายตาห่วงใย เป็นอยู่อย่างนี้จนวันที่เธอหายไข้ ถึงได้เล่าให้เพื่อนฟัง .... เพื่อนห้องเดียวกันพากันขนลุก...ว่าแล้วก็ไปทำบุญอุทิศกุศลไปให้ ...... เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังไง เท็จจริงแค่ไหน?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โจษจันกันมากที่สุด... ค่ำวันหนึ่ง..เด็กคณะหนึ่ง...เป็นแฟนกัน ก็ไปหาที่เงียบๆพลอดรักกันริมสระน้ำในมหาลัย พูดคุยกันไปตามประสาคนรัก...ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงเหมือนใครเอาอะไรโยนลงน้ำ เสียงนั้นไม่ได้ดังมากนักแต่ได้ยินชัดกันทั้งคู่ ....ก็ไม่ได้สนใจยังคุยกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ้นเสียงนั้นไม่นาน ....ฝ่ายสาวก็มองเห็นเงาตะคุ่มๆเหนือผิวน้ำ....ความที่มืดสนิท มองไม่ชัดว่าเป็นอะไรแต่เจ้าสิ่งนั้นเคลื่อนมาตามผิวน้ำใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จึงชี้ให้ฝ่ายหนุ่มดู แต่พอช่วยกันเพ่งดูดีๆก็เห็นเหมือนกันทั้งคู่ว่า...เป็นหัวคนลอยน้ำมา...ใกล้เข้ามา....ใกล้เข้ามา สาวเจ้ากรี๊ดจนสุดเสียง...ส่วนหนุ่มไม่ต้องพูดถึง วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ....กว่าสาวจะมีสติพอจะก้าวขาวิ่งหนีไปบ้างก็หลายอึดใจ เช้ามาเรื่องนี้ก็โจษกันไปทั่วมหาลัย..ว่านักศึกษาเจอผีหัวขาดลอยน้ำมากลางดึก...จับไข้หัวโกร๋นกันทั้งคู่ ตกสายวันนั้นเรื่องก็ไปอยู่ในวงสนทนาของบรรดาอาจารย์ที่ทราบเรื่อง ... พอเล่ากันฟังเท่านั้น นักการที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็ตบเข่าฉาด...ผมว่าแล้วเสียงใครกรี๊ดเสียลั่น...แถมวิ่งซะป่าราบ เมื่อคืน...ผมลงไปดักปลา...ลากอวน...ระดับน้ำมันก็ลึกพอดีคอผมเนี่ยแหละ มิน่า...ทำเอาผมตกใจเสียหมดนึกว่าเด็กมันเล่นอะไรกัน
คงไม่ต้องเดานะว่าหลังจากนั้น..คู่นั้นเขายังจะเป็นแฟนกันอยู่อีกหรือเปล่า งานนี้ผี...พิสูจน์น้ำใจแฟน...ใครจะลองใช้ดูก็ได้ว่าไอ้ที่มันว่ารักเราน่ะ..รักแค่ไหน?
จากคุณ :
สร้อยสยาม
- [
12 มิ.ย. 52 23:12:28
]