 |
แสงแดดยามเย็นที่เห็นเหนือฟ้ากรุงเทพฯ - Bangkok Panarama in the Sunset
อัลบั้ม Bangkok panorama in the sunset เป็นอะไรที่แบบ.....ไม่มีวันลืม....จริงๆ
รายงานข่าวเลยแล้วกัน......เหตุเกิดที่ตึกออฟฟิศเราเอง เรื่องมันเริ่มจากว่า...ตึกที่เราทำงานอยู่นั้นเวลามองจากห้องทำงานผู้บริหารที่เป็นหน้าต่างกระจกยาวตลอดห้อง จะได้เห็นกรุงเทพฯในมุมสูงแบบที่ไม่ได้เห็นจากที่อื่นมาก่อน ไม่ว่าจะเช้า..สาย...บ่าย...เย็น ยังไง แสงและเงาบนฟ้าจะเป็นตัวแตะแต้มระเรื่อยไปตั้งแต่อาคาร...ท้องถนน...จนถึงสายน้ำ
แต่ครั้นเราจะถือกล้องไปแช๊ะๆแถวหน้าโต๊ะ boss ก็จะโดนเตะเอาง่ายๆ...อย่ากระนั้นเลย ขนาดชั้นนี้ยังดูงามได้ขนาดนี้ถ้าชั้นสูงที่สุดของตึกล่ะ..จะงามขนาดไหน ?? หลังจากคิดอยู่ได้หนึ่งวันว่าอยากได้วิวตอนพระอาทิตย์ย่ำขอบฟ้า...ก็ปิ๊งไอเดีย
18.56 น. รีบออกมาและกดลิฟต์ไปชั้นบนทันที.....สวนทางกะคนอื่นที่เขาจะลงไปชั้นล่าง เฮ้ย...รีบว่ะ ทีแรกตั้งใจว่าจะขึ้นไปทีละ 10 ชั้น แล้วค่อยๆถ่ายภาพตึกสูงๆจากช่องกระจกหน้าลิฟท์แต่ละชั้น เพราะพื้นที่ที่เหลือจะเป็นออฟฟิศให้เช่าทั้งหมด ...มีแค่กระจกหน้าลิฟท์เท่านั้นที่จะเห็นวิวด้านล่างได้
ถามเพื่อนมาแค่ว่าไม่มีดาดฟ้าแต่ก็ไม่ได้ซักอะไรเขาเพิ่ม....ไม่มีดาดฟ้าก็คงไม่ค่อยน่าหวาดเสียวเท่าไหร่ เปลี่ยนใจ....เพราะเวลาแสงอาทิตย์หมดตอนเย็นจะเร็วมาก เดี๋ยวจะไม่ได้ภาพสวยๆ เรากดลิฟท์ทีเดียว ชั้น 55 เลย
ถึงชั้นบนสุดของอาคาร.........พอออกจากลิฟท์...เดินไปยังส่วนออฟฟิศเท่านั้นก็ตาค้าง......เพราะมันเป็นพื้นปูนโล่งๆตลอดยังไม่ได้ตกแต่งอะไรทั้งสิ้น สายไฟระโยงระยาง.......ล้อมไปด้วยหน้าต่างกระจกทั้งชั้น ฉากไม่ต่างจากหนังไทยที่ผู้ร้ายนัดพระเอกมาดวลปืนบนตึกร้างยังไงยังงั้น
ถ้าเจอแบบนี้จะทำยังไง ? แต่เอาเถอะ..ยังไม่ทันมืดหรอก สปิริตตากล้องพลุ่งพล่าน....เอาวะ...ไหนๆก็ขึ้นมาแล้ว กดไม่กี่รูปแล้วก็จะลงทันที มองไปรอบๆไม่มีคนอยู่แน่ๆ ก็รีบเดินบันทึกภาพจนครบรอบอาคาร ขณะเดียวกันก็ระแวงมองไปรอบๆตลอด ไม่น่าเลยตู ถ้าดูรูปดีๆจะเห็นเลยว่ามือสั่นเพราะภาพไหวหลายรูป
รีบ..รีบ...รีบ แสงเริ่มมืดลงแล้ว ....สภาพที่ไม่มีไฟซักดวง....คิดยังไง ? เผ่นดีกว่า...ไม่อยู่แล้วโว้ย
แต่พอจ้ำพรวดๆมาที่ลิฟท์ กด....ว่างเปล่า....ปุ่มเรียกลิฟท์มันหายไปไหนวะ ? มีแต่ช่องโบ๋ๆ มองหาที่ลิฟท์ทั้ง 6 ตัวก็ไม่มีเลย ...มีแต่สายไฟโผล่ออกมา แต่ไม่มีปุ่มกด ใจหายวาบยังกะโดนผีหลอก แล้วตะกี้ตูขึ้นมาได้ไงวะเนี่ย ? ใจเต้นตุ๊บๆ...หัวแล่นอย่างเร็ว...ก่อนที่จะมืด...ต้องลงไปชั้นล่างให้ได้ ทางไหนล่ะ ?
มีบันไดปูนลงมาได้ 1 ชั้น เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูว่ามันน่ากลัวขนาดไหน.....ยิ่งถ้าเกิดมียามเมาๆแอบมาหลับอยู่แถวนั้นซักคนสองคน ไม่ต้องคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น .....ทางหนีไฟ....รีบวิ่งแบบไม่คิดชีวิต
โชคดีที่ประตูหนีไฟใช้การได้......พอเราผลักออกไปที่บันไดแล้วก็จะผลักเข้าไม่ได้อีก.......และโชคดีมากที่ทางหนีไฟเขาเปิดไฟสว่างไว้หมดทุกชั้น นี่ถ้ามันกระพริบๆ..ติดๆ...ดับๆ..แล้วมีคนเดินสวนขึ้นมาพอหันไปอีกทีก็หายไปแล้วละก็....เราอาจจะช็อกแน่นิ่งอยู่แถวนั้นก็ได้
มองลงบันไดไป.....เป็นภาพขั้นบันไดวนไปวนมาเหมือนในหนังเด๊ะ.......ตัวเลขชั้น..สีแดง..ตัวใหญ่..ชัดเจน ชั้นที่54...53..52...51...50...49...48....47....ระหว่างที่เดินลงมาทีละขั้นนั้นหัวก็คิดติ๊กต็อกๆ กดโทรศัพท์...ใครจะมาช่วยเราได้หว่า ? ทำไมทางหนีไฟมันไม่มีโทรศัพท์ภายในวะ ? จะได้โทรเรียกยามมาช่วย เบอร์เพื่อนที่ทำงาน...มันกลับไปแล้ว..จะช่วยอะไรได้...แต่เจ้ากรรมไม่มีเบอร์ใครเลย เบอร์ตึก...ไม่มี ...โทรถาม 1133 แต่พอกดเข้าตึก...ไม่มีคนรับสาย มันเลิกงานหนีกลับบ้านกันหมดรึไงวะ นี่มันเพิ่งจะ 1 ทุ่ม 20 นาที ชั้นออฟฟิศเราก็คงกลับไปหมดแล้ว....ถ้าไปเคาะประตูหนีไฟ...หมาที่ไหนมันจะมาได้ยิน
แงะประตูหนีไฟแต่ละชั้น....ไม่มีการขยับเล้ย....ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม...ตอนนี้มันกะลังขังเราอยู่ ....ช่วยด้วยๆๆๆๆๆ....ตึกอะไรวะ ?? ชั้นบนสุดไม่มีปุ่มให้กดลงมาได้ก็ไม่ล็อกลิฟท์....ปล่อยให้ตูโง่ขึ้นไปด๊ายยยย....เหงื่อล่ะซึมไปทั่วตัว...แข้งขางี้สั่นพั่บๆ ....ความสูงตึกระดับเขาพระวิหารยังงี้.....ซวยชิกหาย ...เดินลงบันไดไป...ใจก้อคิดไปสารพัด...แต่ไม่มีอะไรดีเลยนะ....มีแต่ความกลัวล้วนๆ
โอ๊ย...ทำอะไรได้มั่งเนี่ย....ไม่เป็นไร...ใจเย็นๆ เดินไปเรื่อยๆ .....ถึงชั้นล่างก็คงเช้าพอดี...เวร....40....39....38...37...36......เดชะบุญ...ประตูหนีไฟบานนั้นมีลำแสงเล็กๆส่องลอดออกมา.....ตูรอดแย้ววววววววว คงจะมีใครซักคนเปิดประตูออกมาและไม่ได้ปิดกลับให้มันล็อก...เราก็เลยเปิดออกได้.....ไหว้ท่วมหัว...ไม่รู้จะขอบคุณใครดี....แต่...ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านช่วยไว้...ลูกช้างก็ขอบคุณท่านมากๆ
เจอลิฟท์แล้ว....กดลงมาแทบไม่ทัน.....ตูรอดแล้วเว้ย....ถึงชั้นล่างด้วยมาดสงบนิ่ง...เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....ไอ้ยามเวรตะไล 2 คน กะลังเก็บเก้าอี้กันจ้าละหวั่น....จะรีบกลับบ้านล่ะสิ ...ถึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์....แหม...อยากจะแถเข้าไปด่ามันให้สาแก่ใจ.....แต่เดี๋ยวจะเป็นเรื่องเป็นราว...เป็นข่าวโจษจันกันไปทั้งตึก...ว่านังเลขาฯหน้าใหม่กระแดะขึ้นไปถ่ายรูปวิวแล้วยังดันโง่ติดอยู่ตรงทางหนีไฟอีก
ช่างมันเถอะวะ...ไหนๆก็รอดตายแล้ว....ถือว่าคราวซวยของเราเอง..... ทุ่มครึ่งแล้ว....มืดแล้วด้วย..กลับบ้านดีกว่า...เชื่อมั้ยว่า..ออกจากตึกมาเห็นพื้นถนนนี่แทบจะทรุดลงไปจูบแผ่นดิน....อารมณ์แบบ...น้ำตาเอ่อๆ....ไชโย้.....ตีนตูแตะพื้นแล้วโว้ยยยยยย...........แต่พอดีไม่มีใครมาทำข่าวเลยไม่อยากเว่อร์
อะไรกันนักกันหนาวะ...ชีวิต...ทำงานยังไม่ทันถึงอาทิตย์ดีเลย...ก็มีเรื่องตื่นเต้นแทบจะหัวใจวายตายเสียแล้ว ..เฮ้อ ต่อไปไม่เอาแล้ว....ไอ้ความห้าวหาญบ้าระห่ำของตัวเอง....จะไม่มีวันทำอย่างนี้อีกเป็นอันขาด...ให้ตายเถอะ
ภาพถ่ายทุกภาพที่ได้มา...ถือเป็นภาพประวัติศาสตร์...เป็นจดหมายเหตุ...เป็นบันทึกความทรงจำ...ที่ไม่มีวันลืมเลือน...ไปตราบนานเท่านาน
จากคุณ :
สร้อยสยาม
- [
16 มิ.ย. 52 12:29:12
]
|
|
|
|
|