Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เกาเหลาไกด์...ไม่งอก - ตอน 1 "ทำฝันให้เป็นจริง"

    ถ้าให้ลองนับดูเล่นๆว่าคุณมีความฝันอยู่กี่อย่าง....เราเชื่อว่าหลายๆคนมีความฝันมากมายนับได้ไม่ถ้วนนิ้ว (มือนะไม่รวมเท้า)      แล้วถ้าลองตัดความฝันที่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนหนังหน้าอย่างเรา    
             ไอ้ประเภท..อยากเป็นนายแบบเหมือนมาริโอ้   นางงามจักรวาลอย่างพี่ปุ๋ย  ดาราหนังเทียบเฉินหลง   นักร้องดังอย่างพี่บี้   เป็นคนรวยเหมือนเสี่ยธนินทร์  ประธานาธิบดี   แอร์โฮสเตส    นักบินอวกาศ    ซุปเปอร์แมน   มดเอ็กซ์   โดเรมอน  เจ้าหญิงสโนไวท์   ฯลฯ    ดูตัวเองและหาสิ่งที่เหมาะสมกับเราแล้วค่อยฝันว่าอยากทำอะไร ?   คิดว่ามันคงหายไปอีกหลายอย่างเลยแหละ    
            อะ...ให้เวลาชั่วหม้อข้าวเดือด...ไปคิดมาว่าจริงๆแล้วในชีวตเรามีฝันที่อยากจะทำอะไรกันแน่ ?    

             ส่วนเรา....ความฝันมันเยอะน่ะ    หนึ่งในความฝันของเราก็อย่างเรื่องที่จะเล่าให้ฟังนี่ไง....ล้อมวงกันเข้ามา...เร้ว

             “รับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลทั่วไปเพื่อศึกษาหลักสูตรมัคคุเทศก์...”   ประโยคนี้ปรากฏอยู่บนหนังสือพิมพ์แต่ลอยเด่นขึ้นมาในสายตาเรา    
             ไกด์….เราทวนคำนั้นอยู่ในใจหลายรอบ   นี่แหละฝันของเรา !!  
             ใช่แล้ว..ไกด์นี่แหละ

             “ทำไมถึงอยากเรียนไกด์ ?”  
             คำถามสัมภาษณ์วันนั้น   ทำให้เราทบทวนอีกครั้งว่าเราต้องการเป็นไกด์เพราะอะไร    
             นอกจากความสนใจเรื่องศิลปวัฒนธรรมแล้ว   ความภูมิใจในความเป็นไทยนั้นทำให้เราอยากบอกกล่าวให้คนชาติอื่นได้รับรู้  
             “เพราะเรารู้ว่า...เมืองไทย...มีดี” (คุณอาจจะไม่รู้ก็ได้นะ)  
             ความที่ชอบเที่ยวด้วยมั้ง...หลายคน(หลอก)ให้เราเชื่อว่าเป็นไกด์แล้วจะได้เที่ยว    
            แล้วเราก็มานั่งอยู่ในห้องเรียนนี้จริงๆ  
            ไม่น่าเชื่อว่าอาชีพไกด์นี้จะเป็นที่สนใจของคนหลากหลายวงการมาก    ทั้งคนที่ทำงานอยู่ในวงการท่องเที่ยวอยู่แล้วและทั้งที่ไม่ใช่   ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ , ไกด์ , นักศึกษา , อาจารย์ , เภสัชกร ,  สัตวแพทย์ , วิศวกร , ทหาร , พนักงานโรงแรม  ฯลฯ      ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบรรยากาศห้องเรียนของเราถึงได้ทั้งคึกคักและทั้งครึกครื้น    
             แปลกใจจัง..ทำไมใครๆก็อยากเป็นไกด์ ?  

             ชั่วโมงแรกของการเรียนกับอาจารย์หม่อม  (ศ.ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์)    วิชาประวัติศาสตร์ศิลป์     มีคน(ทะลึ่ง)ถามว่า ....  
             “วิชาอาจารย์ต้องอ่านหนังสืออะไรบ้าง?”    อาจารย์ยิ้มมุมปากแล้วว่า  
             “หนังสือทั้งไทยและเทศที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลป์ทุกเล่ม...บนโลกใบนี้”    
             โหย...เล่นเอาอึ้ง   วิชานี้..มันแน่      

             “เวลาจะบอกอะไรนักท่องเที่ยว  เราต้องรู้จริง  อย่าตอบอะไรมั่วๆ  อย่าง “กินนร” ไปบอกเขาว่า Eat-sleep animal   ไม่ได้”    
             ลองมาดูชื่ออย่างเป็นทางการของ “กินนร” มั้ย   “Mythical being in the form of half-human and half-bird”   แหะ แหะ  เป็นเรานะเราก็บอกว่า Eat-sleep animal  อ่ะ    
             ถ้าเป็น  “กินนรี”   เราจะบอกว่า  Eat-woman animal  โฮะ  โฮะ  น่ากลัวดีมั้ย ?

             “ป้อมปราการที่ยังเหลืออยู่ตรงฝั่งธนฯเรียกว่าป้อมอะไรใครรู้บ้าง ?”   อาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ถาม
             “ป้อมวิชเยนทร์ค่ะ”   คำตอบมั่นใจมาก
             “ใครตอบ ?”   เรายกมืออย่างภาคภูมิใจ   เพื่อนมองอย่างชื่นชม  
             “ป้อมวิชัยประสิทธิ์ต่างหาก”   ....โห่ๆๆๆๆๆๆๆ ...ตูจาไม่ตอบอีกแย้ววววว

             “เราเป็นไกด์ไม่ใช่คนรับใช้   เพราะฉะนั้นต้องหยิ่งในศักด์ศรีและทำหน้าที่ผู้นำทางและนำความเข้าใจอันถูกต้องเกี่ยวกับเมืองไทยสู่นักท่องเที่ยว   เพื่อภาพพจน์อันดีของชาติเรา”   อาจารย์ไกด์รุ่นเก๋าส์บอก    
    อืมม์  
             จดใส่กบาล...จารใส่กระโหลก   ต้องหยิ่ง..ต้องหยิ่ง

             อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก   สอนเรื่องศาสนา  ความเชื่อแนววิถีพุทธ    
             มีคนถามแกเรื่องชื่อ   เพราะรู้ว่าอาจารย์ถนัดเรื่องแปลชื่อ  (แปลกเนอะ...ชื่อตัวเองแท้ๆอยู่กันมาจนแก่แล้วยังต้องมาให้คนอื่นแปลอีกอ่ะ)  
    ชื่อคนไทยกว่า 90% เป็นชื่อแนวบาลี สันสกฤต    เลยได้แปลชื่อกันสนุกไปเลย    
             แล้วชื่ออาจารย์ล่ะ ?   แปลว่าอะไร ?  
             “เสถียร  แปลว่า  มั่นคง   พงษ์  แปลว่า  ตระกูล , โคตรเหง้า    เพราะฉะนั้น   เสถียรพงษ์   แปลว่า   โคตรมั่นคง”    
    โอ๊ะโอ๋.....ชื่อหรือเนี่ย ?  
             ตั้งแต่นั้น   เราเรียกแกว่า ... “อาจารย์โคตรมั่นคง”  (ในใจนะ...อย่าไปบอกแกล่ะ)  

    แม้แต่การตีความเกี่ยวกับสถาบันสูงสุดของชาติ  เราก็ได้จากที่นี่     อาจารย์จุลทัศน์....
    “คำว่า  “เจ้าชีวิต”  ไม่ได้หมายความว่าจะสั่งประหารใครก็ได้     แต่หมายถึงพระราชภาระที่ต้องดูแลชีวิตของคนทั้งชาติให้ร่มเย็นเป็นสุข       คำว่า  “เจ้าแผ่นดิน”   ก็เหมือนกัน    ไม่ได้หมายถึงว่าจะสามารถนำแผ่นดินไปใช้เพื่อหาประโยชน์ส่วนตน    แต่หมายถึงพระราชภาระที่ต้องดูแลแผ่นดิน  ดูแลชาติให้เป็นแผ่นดินที่เป็นปึกแผ่นสำหรับลูกหลานไทย”

             “รู้มั้ยว่าเวลาในหลวงเสด็จขึ้นครองราชย์ในฐานะของพระมหากษัตริย์    พระมหาพิชัยมงกุฎที่ถวายบนพระเศียรพระองค์นั้น    หนักเท่าไหร่ ?   7 กิโล!!    
             ถ้าคนมองแต่วัตถุ..ก็จะคิดว่าดูสิได้เครื่องประดับยศเป็นมงกุฎที่มีทั้งเพชรทั้งทอง  แต่ความจริง..นั่นเป็นกุศโลบายว่าเมื่อดำรงพระอิสริยยศเป็นพระมหากษัตริย์นั้น   น้ำหนักพระมหาพิชัยมงกุฎเพียงแค่นี้ยังถือว่าเป็นเรื่องเล็ก    เพราะพระราชภาระในวันข้างหน้ามีอีกมากมายนัก”    
             จริง...เราเห็นด้วย    
             ในหลวงของเราทรงงานมานานกว่า  50  ปีแล้ว   โดยไม่เคยหยุดพักเลย    ถ้าสามารถนำเอาน้ำหนักความเหนื่อยยากพระวรกายของพระองค์มาชั่งน้ำหนักได้    คนไทยนี่แหละที่จะตกใจเป็นที่สุด
            ตกใจที่ทำไมเราปล่อยให้พระองค์เหนื่อยได้ขนาดนี้ !!

             อยากบอกว่าทุกครั้งที่เราพานักท่องเที่ยวนั่งรถผ่านพระราชวังสวนจิตรลดา  วังที่ประทับของในหลวง   เราจะเล่าให้เขาฟังทุกครั้งว่าในหลวงท่านโปรดเกล้าฯให้มีการสร้างโรงสีข้าว  มีแปลงข้าวทดลอง  มีโรงเลี้ยงปศุสัตว์   มีโรงผลิตอาหารที่ได้จากผลิตผลทางการเกษตร  เพื่อช่วยเหลือชาวนาให้ได้อยู่ดีมีสุข  ซึ่งเราบอกได้เต็มปากเต็มคำว่า  ไม่มีพระราชวังที่ไหนในโลกมีแบบนี้   แต่เมืองไทยมีได้เพราะในหลวงรักประชาชนของพระองค์มาก
             ทุกครั้งนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น  ฝรั่ง  จีน  แขก   ก็มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า....พวกเขาล้วนแต่ได้ยินเรื่องราวพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านมานาน   และเชื่อว่าคนไทยทุกคนรักและเทิดทูนในหลวงมากจนสุดจะบรรยาย

             กลับมาที่ห้องเรียนไกด์ของเรา    หลายวิชามากมายในการเตรียมตัวเป็นไกด์    การเรียนดำเนินไปเรื่อยๆ   จนเช้าวันหนึ่ง ... อาจารย์ท่านหนึ่งพูดหน้าห้องเรียน
             “พวกคุณรู้มั้ยว่าเพื่อนร่วมห้องคุณน่าสนใจมาก”    
             ทั้งห้อง...??...
              “ผมคุยกับเขาแล้ว ...ผมเลยอยากเล่าให้พวกคุณฟัง”  
             อาจารย์เล่าเรื่องของคุณลุงทหารชื่อทองใบ  ที่นั่งอยู่ในห้องเรียนของพวกเรา      แกดูอายุมาก...อาวุโสสูงสุดเลยทีเดียว  
    ใครๆยังว่าแกเรียนไปจะไปทำทัวร์ไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้    เดินมากๆเข้าเดี๋ยวจะเป็นลมตายไปเสียก่อน  
             จริงๆแกเป็นทหารที่มาทำความฝันให้เป็นจริงตอนเกษียณ   ยังไงเหรอ?    
             สมัยหนุ่มๆคุณลุงเรียนธรรมศาสตร์    ภาพชินตาของแก  คือ  ไกด์ที่พานักท่องเที่ยวมาเที่ยววัดพระแก้ว..วัดโพธิ์   แกรู้สึกว่าไกด์พวกนั้นเก่งเหลือเกิน   ที่พาคนชาติต่างๆเดินชมสถานที่แล้วพากย์  (ศัพท์ไกด์ คือ เล่า , อธิบาย)  ให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์บ้านเมืองเราได้   อยากเป็นบ้าง   แต่ช้าก่อน...แกเรียนจบแล้วก็ได้เป็นทหาร  
             ความภูมิใจในหน้าที่นั้นทำให้แกทำงานอย่างขยันขันแข็งทุกวัน  ทุกเดือน ทุกปี  จนวันเกษียณมาถึง   สิ่งแรกที่แกนึกถึง คือ  ความฝันที่อยากเป็นไกด์ !!    คุณลุงมุ่งตรงมาที่ศิลปากรเพื่อทำฝันให้เป็นจริง     ไงล่ะ ...อึ้งเลยดิ
       
             ตั้งแต่นั้น..พวกเราพูดคุยกับแกมากขึ้น  ความต่างเรื่องวัยหายไปโดยสิ้นเชิง    
             เราเชื่อว่าแต่ละคนก็ต่างมีเหตุผลในการที่อยากจะเป็นไกด์   ต่างคนต่างมีจุดมุ่งหมายต่างกันที่มานั่งอยู่ในห้องนี้   แต่จะเป็นไรไป    อย่างน้อย   บนจุดตัดของถนนชีวิตที่เรามาพบกัน..ตอนนี้..เรามีจุดหมายเดียวกัน  

              เรารู้สึกชื่นชมที่คุณลุงกล้าตัดสินทำสิ่งที่ตัวเองฝันมานาน   ไม่ยอมให้อายุหรือสังขารมาเป็นอุปสรรคต่อความฝันของแกแต่อย่างใด   แม้ฝันนั้นจะนอนรออยู่ในใจแกมาแสนนานแต่เรารู้ว่ามันกลายเป็นจริงได้อย่างมีความสุข  
              เป็นเรา..ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมาเรียนไกด์ตอนอายุ 60 ได้หรือเปล่า    
             
               ถ้าเป็นคุณล่ะ...วันที่เกษียณคุณจะกลับไปทำสิ่งที่คุณเคยฝันไว้ตอนเด็กๆให้เป็นจริงหรือเปล่า?

     
     

    จากคุณ : สร้อยสยาม - [ 18 มิ.ย. 52 13:20:57 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com