ลมหนาวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
กรูเกรียวปะทะต้นโพธิ์ใหญ่ที่หัวมุมป่าช้า
กระทั่งใบโพธ์แห้งว่อนกระจายไปแทบทุกมุมซอกหลืบ
แห่งสถานที่อันสงัด ฅนเป็น นั้น
ราวกับพระเมตตาคุณแห่งพระพุทธองค์
ที่ขจายขจรปกเศียรเกล้า แลหัวใจจิตต์อันอนุสนธิ์
แห่งวิญญาณพเนจร ทั้งหลาย
ผู้เร่ร่อน มิรู้ผุด มิรู้เกิด
เวียนว่ายอยู่ ณ สุสานอันเปน นิรันดร์ นี้ . . .
แลหากผู้ใดมีฌาณกสิณ
อันอาจสามารถ เพ่งภาพที่หัวมุม โคนโพธิ์ นั้นแล้ว
ก็จักได้เห็นภาพ
ผีสามตน
กำลังนั่งยอง ๆ ซุบซิบสนทนาปรับทุกข์กัน . . แผ่วเบา . . .
ผีตัวซ้ายมือ
ชะโงกหน้าข้ามผีตัวกลางมาถามผีตัวขวามือว่า
" เอ็งเป็นอะไรตายวะ . . . หน้าเขียวอื๋อเชียว . . ."
ผีตัวขวามือถอนใจเฮือก
" กูก็ไม่อยากตายหรอกว่ะ
แต่กูทนไม่ได้
ที่แฟนกูทิ้งกู ไปมีแฟนใหม่
เท่านั้นยังไม่พอ
ยังให้ของขวัญวันครบรอบวันที่เคยรักกันมาให้กู
เป็น เชือกยาว สี่เมตร ว่ะ
กูเลย ผูกคอตาย ฉลองศรัทธายัยนั่นสะเล้ย . . ."
ผีตัวซ้ายมือ ถอนใจตาม
อย่งสะลดในชะตากรรมของเพื่อนผู้ร่วมกรรม
ผีตัวขวามือจึงชักออกรสในการสนทนา
จึงชะโงกหน้าข้ามผีตัวกลาง ถามกลับไปบ้าง
" แล้วเอ็งล่ะ เป็นอะไรตาย
กะโหลกถึงได้เว้า ๆ แหว่ง ๆ ขนาดนั้น "
ผีตัวซ้ายมือกัดกรามตอบอย่างฮึดฮัด
" อีโบ๊ะ ไง เพื่อน ลูกซองไทยประดิษฐ์
แค่กูแซวมัน คำเดียว
คำตอบก็แล่นมาผ่ากะโหลกกู สะแล้ว
แล้วไอ้จิ๊กโก๋พวกนั้นยังกลัวกูไม่ตายจริง
เลยซ้ำด้วย จุดสามห้าเจ็ด แม็กนั่ม
กะโหลกกูจะเหลือเรอะ เพื่อน . . ."
ผีตัวซ้ายมือ ส่ายกะโหลกเว้าแหว่งไปมา
อย่างระอาต่อโลกและชีวิต
และในขณะที่บรรยากาศเงียบโดยอัตโนมัตินั้น
ผีผูกคอ และผีถูกยิง
ก็เฉลียวใจขึ้นมาโดยฉับพลัน
และมองไปยังผีตัวที่สาม
ซึ่งนั่งยองพยักหน้าเนิบ
ตามบทสนทนา อยู่ตรงกลาง
ด้วยความเกรงใจ
ว่าอาจเปน ผีผู้ใหญ่แถวนี้มาก่อน
แล้วผีตัวซ้าย
จึงรวบรวมความกล้า
ค่อย ๆ ถาม ผีตัวกลางอย่างเกรงใจ ว่า
" . . . ขอโทษครับพี่ . . .
พี่เป็นอะไรตายเหรอครับ . . ."
ผีตัวกลางซึ่งนั่งยอง ๆ นิ่ง ๆ
ฟังผีซ้ายขวาอภิปรายกันมานาน
จึงได้ค่อย ๆ หลุดปากตอบออกมา
ด้วยเสียงที่คล้ายกับจะร้องไห้ ว่า
" . . . กู ยั ง ไ ม่ ต า ย . . .
. . . กู ม า ขี้ . . . "
. . . . . . . . .
ดังนี้ ขอรับ.
แฮ่ . . .
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
18 มิ.ย. 52 22:04:01
]