ความคิดเห็นที่ 1 วันนี้เราจะทัวร์วัดทั้งวันค่ะ มีวัดพระธาตุหลายวัดมากในจังหวัดนครพนม วัดแรก ขึ้นนั่งในรถไม่ถึงห้านาที รถเลียบริมโขงไป...คนขับก็จอดหันมาบอกว่า. .....ถึงแล้วครับ......... ...............................แหม ไวจัง วัดแรก วัดมหาธาตุ ค่ะ ขอปิดหน้าหลานชายหน่อยนึง จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:21:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วัดมหาธาตุตั้งอยู่ริมฝั่งโขงภายในตัวเมืองนครพนม สร้างขึ้นเมื่อปี พศ 1150 โดยพระมหาอำมาตย์ป้อม แม่ทัพใหญ่จากเมืองเวียงจันทร์ เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง พร้อมๆกับการสร้างเมืองนครพนม จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:25:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลักษณะขององค์พระธาตุเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส สูงประมาณ 24 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มีพระพุทธรูปปางลีลาใต้ฉัตรทองคำ ประดิษฐานด้านซ้ายและขวาขององค์พระธาตุ จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อออกมาไกลๆ สัดส่วนพระพุทธรูปจะคล้ายช่วงองค์ด้านล่างสั้น   และพระเศียรโตผิดส่วน เมื่อเข้าไปอยู่ใกล้และมองขึ้นไปก็จะเป็นสัดส่วนที่พอดี คนโบราณช่างคิดค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:41:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลมพัดแรงจนฉัตรเอียง จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:44:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พระอุโบสถ สถาปัตยกรรมเก่าแก่พื้นบ้านที่งดงาม จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:49:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:50:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 . จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ศาลาซึ่งใช้ทำบุญตามเทศกาลต่างๆ จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:56:30 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จะไปต่อวัดอื่นนะคะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 11:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 วัดที่สอง วัดโอกาส(ศรีบัวบาน) ไม่ห่างจากวัดมหาธาตุเท่าไหร่ค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 12:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตัววัดตั้งอยู่ติดกับตลาดอินโดจีน ตรงข้ามกับลานชมจันทร์(ริมน้ำ)  ที่สร้างขึ้นมาใหม่ จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 12:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 น่านั่งเล่นตอนเย็นๆค่ะ วันที่ไปอากาศหนาว มีเด็กนักเรียนมาล้อมวงดูหนังสือ ทำการบ้าน ทำเอานึกถึงวัยหวาน...อิอิ จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 12:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รูปปั้นที่กำแพงวัดด้านหน้า จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 12:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พระอุโบสถสวยงามค่ะ (กล้องตัวเล็ก ถอยหลังเก็บภาพได้แค่นี้เอง) จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 12:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ภายในประดิษฐาน พระติ้ว พระเทียม เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารศรีวิชัย สร้างด้วยไม้ ตามตำนานเล่าว่าลอยน้ำมาจากประเทศลาวค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 12:12:46 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 12:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ประวัติพระติ้ว-พระเทียม http://www.gotweb.50megs.com/g5.htm นครพนมเคยถูกไฟไหม้หลายครั้ง รวมทั้งบริเวณวัดโอกาสด้วย ปัจจุบันทางวัดได้บูรณะซ่อมแซมจนสวยงามดังเดิม จากคุณ : จุดตานิด - [ 23 มิ.ย. 52 12:21:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พี่นิดไปเที่ยวอีกแล้วอะ เป็นอิจฉา จากคุณ : scottie - [ 23 มิ.ย. 52 23:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อวานโผล่เข้ามาทีนึงแล้ว ตอนก่อนออกจากบ้าน แต่พี่นิดเพิ่งตั้งกระทู้ ยังลงรูปไม่เสร็จ ผมเลยยังไม่อยากปาด กลับมาเที่ยววัดอีกรอบครับ พระพุทธรูปปางลีลาที่วัดมหาธาตุ มองจากข้างล่างขึ้นไปแล้ว สมส่วนจริงๆ ด้วยครับ และพระพักตร์งามมากเลย ผมชอบพระพักตร์ประมาณเนี้ยครับ ดูสงบใจดีจัง วัดโอกาส ข้างในพระอุโบสถ ตรงผนังหลังพระติ้วพระเทียม สวยแปลกตาดีจังครับ ไม่เคยเห็นแบบนี้เลยนะเนี่ย อย่างกับเปิดหน้าต่างมองออกไปข้างนอกแน่ะ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 24 มิ.ย. 52 08:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณก็อตตี้ คุณพีท         ยังง่วงอยู่เลยค่ะ  ระยะนี้อยู่แถวๆวิมเบิลดันจนดึก กว่าจะจบแมทช์มีหวัง สว.กลายเป็นแพนด้ายักษ์ ชมวัดที่นครพนมต่อนะคะ  ทริปนี้มีแต่วัดค่ะ ... วัดต่อไปเป็นโบสถ์คริสต์ "วัดนักบุญอันนา หนองแสง" โบสถ์สถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส ค่ะ วัดนักบุญอันนา หนองแสง ตั้งอยู่บนถนนสุนทรวิจิตร เลียบเขื่อนหน้าเมืองนครพนม สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1926 โดยคุณพ่อเอทัวร์ นำลาภ อธิการโบสถ์ วัดนักบุญอันนาหนองแสงนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนานาชาติที่มีคนหลายเชื้อชาติ อาศัยอยู่ สถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา ในช่วงก่อนวันคริสต์มาส ชาวคริสต์แต่ละชุมชน จะประดิษฐ์ดาวรูปแบบต่าง ๆ แล้วแห่มารวมกันไว้ที่นี่ จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตัวโบสถ์เป็นหินอ่อนสีเทา จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อีกมุมหนึ่ง จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตึกโบราณแบบฝรั่ง มีตัวหนังสือปีที่สร้างไว้ คศ.1952 จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:29:25 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รูปปั้นนักบุญอันนา จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 วัดนี้หันหน้าออกแม่น้ำโขงเหมือนวัดไทยริมน้ำแทบทุกวัดค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ต่อไป วัดประจำตัวของผู้ที่เกิดวันศุกร์ "วัดพระธาตุท่าอุเทน"ค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:36:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 วัดพระธาตุท่าอุเทนตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2454 เดิมมีชื่อว่าวัดอรัญญาวาสี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2496 จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 32 วัดนี้พระอาจารย์ศรีทัตถ์เป็นผู้สร้าง องค์พระธาตุท่าอุเทนมีลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งจำลองมาจากพระธาตุพนม ฐาน กว้างและยาวด้านละ 6 วา 3 ศอก สูง 1 เส้น 13 วา องค์พระธาตุสร้างเป็น 3 ชั้น จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ชั้นแรกเป็นอุโมงค์บรรจุพระพุทธสารีริกธาตุ ซึ่งท่านอาจารย์ศรีทัตถ์ได้อัญเชิญมาจาก เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า รวมทั้งพระพุทธรูปและของมีค่าต่างๆ ชั้นที่ 2 สร้างครอบอุโมงค์ สูงประมาณ 5 วา ชั้นที่ 3 คือเจดีย์องค์ใหญ่ สูงประมาณ 15 เมตร ในปี พ.ศ. 2540 จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนซุ้มประตูฐานชั้นล่างขององค์พระธาตุด้านทิศใต้ได้พังทลายลง กรมศิลปากรจึงได้ทำการ บูรณะขึ้นใหม่จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541 พร้อมทั้งได้ทำการเสริมคานคอนกรีตภายใน เพื่อให้เกิดความมั่นคง ป้องกันองค์พระธาตุพังทลาย จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พระธาตุนี้เป็นศิลปกรรมและปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งองค์หนึ่ง เพราะบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ขอบคุณ::: ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลข่าวสารเพื่อการท่องเที่ยวค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:50:50 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:53:16 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ภาพปริศนาธรรม อายุกว่า 100 ปี ............รีบยกกล้องถ่าย   แล้วเดินหนีอย่างรวดเร็ว...........อิอิอิ............. จากคุณ : จุดตานิด - [ 24 มิ.ย. 52 08:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ต่อไป "บ้านลุงโฮ" ค่ะ +++++ (บ้านท่านโฮจิมินห์) อยู่ที่บ้านนาจอก ตำบลหนองญาติ เข้าทางถนนเลี่ยงเมืองทางด้านซ้ายมือ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียตนาม นายโฮจิมินห์ได้เคยเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเจ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อกอบกู้เอกราชของประเทศเวียตนาม ระหว่างปี พ.ศ. 2467–2474 มีการจำลองบ้านพักของ"ลุงโฮ" หมู่บ้านนาจอกได้รับการจัดตั้งเป็นหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียตนาม มีการจัดนิทรรศการแสดงประวัติการทำงานและการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ของท่านโฮจิมินห์ หมู่บ้านนี้จะปลูกต้นไม้รอบบ้านอย่างร่มรื่น เช่น ต้นหมาก พลู กล้วย และชา นอกจากนี้บริเวณริมถนนยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวและอาหารเวียตนามขาย ขอบคุณข้อมูลจาก:::เที่ยวเมืองไทยดอทคอม จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 40 บ้านที่รถเลี้ยวเข้าไป ไม่ใช่บ้านลุงโฮนะคะ เป็นบ้านของลูกหลานที่คอยดูแลสถานที่ เดินลอดผ่านบ้านแรกไป จะเห็นมีบ้านเล็กอยู่สองหลัง หลังนี้ค่ะ บ้านลุงโฮ เป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่โดยอาศัยโครงบ้านเดิมที่ทรุดโทรมไป จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผู้บรรยายให้ฟัง นัยว่าเป็นลูกหลานเพื่อนลุงโฮ (ลุงโฮไม่มีภรรยา เนื่องจากมุ่งแต่ภารกิจกู้ชาติ) จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ภาพต่างๆของลุงโฮและบุคคลสำคัญ ลุงคนบรรยายบอกว่า นายกแทบทุกคนเคยมาเยี่ยมบ้านหลังนี้ จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ทุกอย่างคงสภาพเดิมไว้ จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 พื้นเดิมตงไม่ใช่กระเบื้อง จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตอนไปเวียตนาม รับรู้ถึงความรู้สึกชาวเวียตที่เคารพเทิดทูนลุงโฮมากๆ จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เรียบง่าย จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:21:42 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เดาว่าเป็นของใหม่เก่าปนกัน จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ของใช้บางส่วนที่เหลืออยู่ จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 49 จะมีบ้านหลังหน้าอีก 1 หลัง  สร้างขึ้นใหม่เช่นกัน จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เดาจากเครื่องใช้คงเป็นครัว จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ลูกหลาน(ของเพื่อน)ลุงโฮที่มาต้อนรับ หน้าตาผิวพรรณเป็นชาวเวียตนามเชียว มองไปบนบ้านใหญ่ ชั้นบน มีแต่รูปในหลวง รู้สึกจะไม่ได้คิดค่าเข้าชม แถมน้ำชาให้จิบอีกด้วย พวกเราก็ช่วยซื้อของเล็กๆน้อยๆที่ขายอยู่ใต้ถุนบ้าน หนูน้อยหน้าตารับแขกมาก ประมาณเหลนลุงโฮ คุณลุงคนบรรยายคุยแบบโวๆ ว่า คนมาเยี่ยมชม(บ้าน)มาก หลานรับแขกจนเก่ง จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:29:39 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ก่อนถึงวัดต่อไป แวะทานอาหารกลางวันค่ะ "ร้านนาจอกกุ้งเผา" ได้พิกัดจากข้อมูลการท่องเที่ยว........ และก็ไม่ผิดหวัง ออกจากบ้านลุงโฮไม่มาก เลี้ยวขวา มีป้ายบอกตลอดทางค่ะ ร้านตั้งอยู่บริเวณนาจอก ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม มีรูปนิดหน่อยค่ะ แบตเหลือน้อย จากคุณ : จุดตานิด - [ 25 มิ.ย. 52 11:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ต่อไปเป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่งค่ะ วัดพระธาตุพนม พระธาตุพนม เป็นปูชนียะสำคัญยิ่งของวัดและชาติด้วย มีคนรู้จักทั่วประเทศ การสร้างก็สร้างมาแต่พระพุทธเจ้านิพพานแล้วไม่ถึง ๒ เดือน มีการฉลองใหญ่เมื่อเดือน ๑๒ เพ็ญ วันพุธ พุทธปรินิพพานแล้วได้ ๗ ปีกับ ๖ เดือน และบูรณะใหม่มาแล้วอย่างน้อย ๓ ครั้ง จนถึงได้พังลงเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ เวลานี้ได้บูรณะองค์พระธาตุพนมเสร็จแล้ว ยังแต่บริเวณอาคารอื่นโดยรอบ มีการสมโภชใหญ่ประจำปีมาแต่โบราณ คือ แต่เดือน ๓ ขึ้น ๑๐ ค่ำ จนถึง แรม ๑ ค่ำ เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน เป็นงานชั้นเอกใหญ่ยิ่งมโหฬารของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ่านรายละเอียดมากกว่านี้ได้ที่ http://www.thatphanom.com/his_003.php จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 54 . จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 55 .. จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ... จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 57 . จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 58 .. จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คงมีใครมาทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:28:17 ]

ความคิดเห็นที่ 60 . จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เลื่อนกล้องลงอีกนิดค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ... จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 63 . จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 64 .. จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 65 . จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ลานหินอ่อนรอบองค์พระธาตุพนม จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ถ่ายไว้หลายมุมค่ะ  เมื่อไหร่จะได้มานมัสการอีกรอบ...ไม่มีใครรู้ จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ผู้คนมากราบไหว้ไม่ขาดสาย ลองเทียบขนาดคนยืน  จะเห็นว่าองค์พระธาตุมีขนาดใหญ่มาก จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:46:13 ]

ความคิดเห็นที่ 69 หยอดทำบุญได้ตามวันเกิด จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ภาพวาดสุภาษิตไทยริมกำแพงด้านใน จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:50:53 ]

ความคิดเห็นที่ 71 องค์พระสีทองอร่ามประดิษฐานอยู่ด้านหน้า นอกบริเวณลานหินอ่อนรอบองค์พระธาตุ จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 72 บริเวณนี้จะมีช่างภาพคอยตื๊อให้ถ่ายภาพร่วมสิบคน จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 11:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เคยเข้าไปอ่านในห้องกล้อง เขาสอนให้ถ่ายรูปแบบนี้ ลองดูบ้างค่ะ  เอาเข้าจริงคือกะแสงยากมาก เพราะแสงจะสาดเข้าตาพอดี ต้องกดเผื่อเสียหลายๆครั้ง และดวงอาทิตย์จะคล้อยเปลี่ยนองศาไปเรื่อยๆ สรุปว่า....ยังอนุบาลมากๆค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 12:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เรามาดูภายในโบสถ์ที่หัดถ่ายรูปเมื่อกี้ค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 12:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สวยจนไม่อยากย่อให้เล็กเท่าภาพอื่นค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 12:04:06 ]

ความคิดเห็นที่ 76 แหงนดูเพดาน ...แดงกว่านี้มีไหมคะ ?? จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 12:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 77 รูปสุดท้ายขององค์พระธาตุค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 12:08:18 ]

ความคิดเห็นที่ 78 จบด้วยรูปนี้นะคะ แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 52 12:10:22 จากคุณ : จุดตานิด - [ วันสุนทรภู่ 12:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ตามมาเที่ยววัด(ส์) ครับ (ต้องเติม ส์ เพราะมีหลายวัด?) ตะกี๊มาตอนพี่นิดกำลังอัพ ไม่อยากปาด เลยกลับมาอีกรอบ ชุดเก่า ปริศนาธรรมน่ากลัวมากเลย จ๊าก ชอบบรรยากาศบ้านลุงโฮอะครับ อยากมีแบบนี้ซักหลังจัง ชุดใหม่ แดงจริงๆ จำได้ว่าเคยไปแหละครับ แต่หลายปีมากกกกก แล้ว จำอะไรไม่ได้เลย อยู่ใกล้แม่น้ำโขงใช่มั้ยครับ วัดพระธาตุพนมนี่ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ วันสุนทรภู่ 14:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เจ้าน้องชาย(ออมสินไตตั้น) ถามมาเรื่องร้านสเต็ก   ความจริงก็ไม่ค่อยได้ไปทานหรอกค่ะ  ขี้เกียจเคี้ยว.... พอดีเจอรูปเก่า ไปทานมาเมื่อปลายปีที่แล้ว อยู่ที่รามอินทรา ใกล้แยกวัชรพล คือ"ร้านสเต็กลาว"เดิม ตอนนั้นร้านเขาเพิ่งเปิดรับปีใหม่คริสต์มาส ป่านนี้คงมีรายการอาหารมากกว่านี้แล้ว จำชื่อร้านไม่ได้ ถ่ายรูปเมนูมา  คงชื่อนี้แหละค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เปิดเมนูค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 82 . จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 83 .. จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 84 แจกอาวุธ จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:18:58 ]

ความคิดเห็นที่ 85 จานแรกที่เสิร์ฟ จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:19:36 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เป็นแผ่นแป้งอบมีใส้ด้านใน จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เขาเรียกว่า..         จานนี้ผ่าน แป้งกรอบ ใส้อร่อยดี จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ต่อไป  ปีกไก่อบซอส แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 52 13:27:44 จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:27:14 ]

ความคิดเห็นที่ 89 รสก็คล้ายๆของเคเอฟซี มีน้ำสลัดเปรี้ยวให้จิ้มพร้อมแตงกวา *พิมพ์ผิดตลอด ^^" แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 52 13:29:31 จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:28:49 ]

ความคิดเห็นที่ 90 รูปในเมนู จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จานต่อไป จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:34:00 ]

ความคิดเห็นที่ 92 จานนี้หารูปในเมนูไม่เจอ  คงเป็นซี่โครงแกะ ใครสั่งฟะ ??...เดี๋ยวให้ออกตังค์เอง เจ้าของตักแบ่งมาให้ชิม  เนื้อนุ่มและไม่สาบค่ะ(แล้วมันสาบด้วยเหรอ ) ...((แต่อย่าหวังว่าจะแชร์...เชอะ)) จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:38:21 ]

ความคิดเห็นที่ 93 และจานนี้ มักกะโรนี(รูปหอย)ชีส ใส่เห็ดและหน่อไม้ฝรั่ง แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 52 13:45:11 จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ดูใกล้ๆ จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:43:13 ]

ความคิดเห็นที่ 95 มักกะโรนีอีกจาน  ใส่อะไรเนี่ยจำไม่ได้ จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อะไรน๊อ จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:48:40 ]

ความคิดเห็นที่ 97 รูปจากเมนู เพิ่งเห็นราคา...มันแพงขนาดนี้เชียวเหรอ  จานนิดเดียวเอง วันหลังซื้อของโลตัสมาทำให้ได้สิบจาน  (เว่อร์อีก...) จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:51:22 ]

ความคิดเห็นที่ 98 พูดมากเกินไป  กระดกซอสไปก่อนดีมั๊ย ชื่อร้านคงชื่อนี้แหละ ดูจากกระดาษเช็ดปาก จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 99 จานนี้ของใคร? จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบอกว่าชิ้นใหญ่มากกกก......... ถ้า first date ขอแนะนำให้อยู่ห่างๆ  เดี๋ยวต้องอ้าปากกว้างเสียฟิลหมด จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 13:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 101 มันชื่อว่า Classic Burger นะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 14:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 102 สลัดซึ่งน่าจะมากับจานไหนสักจาน จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 14:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ตามมาด้วยน้ำสลัด จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 14:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 104 จบรีวิวด้วยเค้กค่ะ ถ้าบรรยากาศในร้านยังไม่เปลี่ยน (หกเดือนแล้ว) โต๊ะ- ใช้โต๊ะไม้ติดกับเก้าอี้แบบริมสนามมหาวิทยาลัย ปวดหลังเล็กๆเพราะไม่มีที่พิงค่ะ อาหารอร่อยทุกอย่าง  แต่ราคาแพงไปนิดนึง  นานๆทานทีพอไหว บริการดี  น้องๆหน้าตายิ้มแย้มน่ารักทุกคน ไม่กล้าให้คะแนนค่ะ  ....ยังไม่เชี่ยวพอ จากคุณ : จุดตานิด - [ 27 มิ.ย. 52 14:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 105 พี่นิดช่างใจร้าย         ยั่วให้           น้ำลายสอ รูปเดียวยังไม่พอ       นี่ล่อไป        ตั้งหลายรูป ไม่แน่ไปร้านไหน?     แต่ถ้าไป       ไม่ได้วูบ จะรีบเข้าไปสูบ          ขอถ่ายรูป      มาให้ดู คริ-คริ กลอนอะไรหว่า? ท่าจะเป็น"บานพับ"มากกว่านะเนี่ย!! ขอบคุณพี่นิดมากครับ น่าทานมากๆเลย แต่ว่ารวมญาติหลายคนถ้างบหลายพันแบบนี้/หัว คิดว่าคงไปทานอาหารที่ชานเมืองมากกว่า แว่วๆตามที่บอก ถ้าไม่ใช่แม่ลา ปลาเมืองสิงห์ ก็คงเป็นสเต็ก สระบุรี ,หรือไม่ก็ร้านอร่อยๆแถวๆรีสอร์ทจังหวัดนครนายก คริ-คริ....บอกตามตรงน้ำลายไหลจริงๆนะ เพราะกำลังลดน้ำหนักอีกครั้งหนึ่ง ไม่ได้ทานอะไรเลยตอนนี้!! หนูตบะแตกแน่ๆ พี่นิดจ๋า....ว่าแล้วรีบเลื่อนขึ้นไปดูกระทู้"วัด" เพื่อดับ "กิเลส" คริๆ "...อ้วนหนอ....ไขมันหนอ ผอมหนอ....หล่อหนอ" ท่องให้ขึ้นใจ จากคุณ : ออมสินไตตั้น - [ 27 มิ.ย. 52 17:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ขอตัวไปรายงานสด AF สักพักนะคะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 29 มิ.ย. 52 11:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ทักทายเช้าวันสิ้นเดือนครับ โม่ไม่ออก แง้ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 30 มิ.ย. 52 07:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 108 มาสวัสดีคุณนิดและตามหลังคุณพีทกับน้องออมเที่ยววัด(ส์)ด้วยค่ะ.. จากคุณ : คุณแม่ใจดี - [ 30 มิ.ย. 52 08:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 109 จากกระทู้นี้ในถนนนักเขียนค่ะ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8017045/W8017045.html คิดอยู่หลายวันเหมือนกันว่าอาจเอื้อมหรือเปล่า นั่งดูรูปพระตำหนักอยู่นานเลยค่ะ สุดท้ายคิดว่า เขียนในกระทู้บ้านน้อยคงจะดีกว่า จากคุณ : จุดตานิด - [ 30 มิ.ย. 52 22:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อาชีพข้าราชการของพ่อ เราจึงอยู่ที่ไหนไม่ได้นานค่ะ  สามสี่ปีก็ต้องย้ายบ้าน ตอนเล็กๆ บ้านที่เราอยู่เป็นบ้านพักข้าราชการที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จำไม่ค่อยได้เพราะยังเล็กมาก  แต่แม่เคยเล่าว่าบ้านเอียง ต้องเอาหีบมากั้น กลัวลูกเล็กนอนดิ้นแล้วตกใต้ถุนบ้านไป ต่อมา พ่อได้รับคำสั่งให้ย้ายลงมาจังหวัดนครปฐม สมัยนั้นต้องเก็บของขึ้น รสพ.และคนขึ้นรถไฟมาค่ะ จากหัวลำโพง นั่งรถยนต์มานครปฐม  จำได้ว่านานมาก หลับแล้วหลับอีก ตื่นเมื่อพ่อบอกว่าถึงบ้านแล้วตอนนั้นก็บ่ายแก่ๆ เราก็ได้รู้ว่าบ้านพักข้าราชการที่เราได้รับอนุญาตให้เข้าไปอยู่เป็นวังเก่า แต่ตอนนั้นชำรุดทรุดโทรมมากค่ะ ดูเป็นบ้านไม้เก่าๆ ใหญ่ๆหลังหนึ่ง และทาสีแดงแก่(ซึ่งแปลกตามาก) เท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 08:17:06 จากคุณ : จุดตานิด - [ 30 มิ.ย. 52 22:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 111 คนที่อยู่เดิมก็ไม่ทำนุบำรุงหรือรักษาความสะอาดเลย เมื่อก้าวเข้าบ้าน ความเป็นเด็กพวกเราจึงรู้สึกกลัวนิดๆ พ่อปลอบใจลูกเมียว่า  นี่แหละ ลักษณะแบบนี้อยู่สบาย พอเข้าประตูบ้านไป จะเห็นห้องโถงใหญ่อยู่ทางซ้ายมือค่ะ สูงจากพื้นถึงหลังคาเลย คือพื้นที่ด้านซ้ายมือของบ้านทั้งหมดที่เห็นในรูป แหงนขึ้นจากห้องโถงจะคล้ายๆเรามองขึ้นไปที่โรงหนังชั้นบน เพราะมีขอบไม้ไม่สูงนักกั้นไว้ตลอดแนวของห้องชั้นบนนั้น (ซึ่งหลายคนสันนิษฐานว่าพระองค์ท่านคงประทับตรงนี้แบบชั้นบ๊อกซ์ในโรงละคร เพื่อทอดพระเนครการแสดงในห้องโถงข้างล่าง) ห้องโถงนี้มีหน้าต่างเปิดได้ตลอดโปร่งสบายค่ะ ห้องชั้นล่างนอกจากห้องโถง ก็มีห้องเล็กๆด้านหลัง มีหน้าต่างที่ขอบเตี้ยมาก พวกเราชอบนั่งเล่นกันที่ขอบหน้าต่าง ก็ยังไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมหน้าต่างถึงเตี้ยค่ะ และห้องน้ำชั้นล่าง 1 ห้อง มีห้องใต้บันไดที่พวกเด็กจะกลัวกันอีก 1 ห้อง ตรงนี้จะมืดๆทึมๆ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 00:02:19 จากคุณ : จุดตานิด - [ 30 มิ.ย. 52 22:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เมื่อขึ้นไปชั้นบน ทางซ้ายมือเมื่อเดินผ่านระเบียงของตัวบ้าน ก็จะไปสู่ระเบียงที่ยาวมาก  ความกว้าง(น่าจะ)ประมาณ 3-4 เมตร ระเบียงนี้ทอดยาวข้ามถนนด้านล่าง ข้ามคูน้ำหน้าบ้าน และไปเชื่อมกับพระตำหนักอีกองค์ด้านหน้า คือ"พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์"   ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมคนละแบบ ไม่เหมือนกันเลย พวกเราได้รับอนุญาตให้ใช้ระเบียงนี้แค่ครึ่งเดียวค่ะ คือใช้ได้ถึงตรงกลางก่อนถึงห้องที่มีหลังคาคล้ายโดมเล็กๆ 1 ห้อง (อยู่กลางคูน้ำพอดี) เรือนยาวที่ต่อจากห้องกลางนี้ถึงพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ในตอนนั้นคงเป็นของเทศบาลนครปฐม   ใช้เป็นสถานที่แต่งงานหลายคู่ พวกเราก็แอบดูกันอยู่ตรงกึ่งกลางระเบียงนั้น (ถ้าพ่อไม่ขึ้นมาพร้อมไม้เรียวเสียก่อน) ชั้นบนมีสองห้องค่ะ  คือห้องที่เห็นเปิดหน้าต่างอยู่ด้านหน้า และอีกห้องด้านหลังซึ่งเป็นห้องใหญ่กว่า  มีระเบียงเล็กๆมองหลังบ้านได้ตลอด มีห้องน้ำขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องน้ำนี้มีชักโครกแบบโบราณที่ต้องดึงสายโซ่ให้น้ำไหลลงมาจากถังน้ำที่อยู่สูงขึ้นไป พื้นเป็นไม้สักหนา และเย็นค่ะ สำหรับระเบียงนี้ก็ได้อาศัยตั้งโต๊ะทานข้าวและชมวิวสนามจันทร์ บางวันมีการแข่งกีฬานักเรียน มองจากตรงระเบียงยาวนี้ไปได้ค่ะ *แก้คำผิดต่ะ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 14:13:18 จากคุณ : จุดตานิด - [ 30 มิ.ย. 52 23:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ด้านข้างบ้านก็มีเรือนไม้เก่า ค่อนข้างทรุดโทรมเช่นเดียวกัน เรียกว่า"เรือนแก้วเรือนขวัญ" สมัยนั้นก็ใช้เป็นที่พักข้าราชการ  และอยู่กันหลายครอบครัว ตรงลานไม้กลางเรือนแก้วเรือนขวัญ มีต้นจันทร์ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง คงอายุมากแล้ว ไปเยี่ยมดูอยู่หนหนึ่งเร็วๆนี้ก็ยังอยู่ค่ะ แต่ต้นดูเล็กลงมาก รูปนี้หลังซ่อมแซมแล้วค่ะ มาคิดดู คล้ายๆตอนนั้นจะเรียกกันว่า"ทับแก้วทับขวัญ" แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 08:13:27 จากคุณ : จุดตานิด - [ 30 มิ.ย. 52 23:18:15 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ตามวิสัยของเด็ก  เห็นน้ำเป็นไม่ได้ น้องชายคนเล็กก็เคยร่วงลงไปในน้ำแทบตายสองหนในเวลาใกล้ๆกัน พ่อจึงคุมให้หัดว่ายน้ำกันจนเป็น (แบบมวยวัด ไม่มีมาตรฐานอย่างสมัยนี้) แต่ห้ามลงเล่นน้ำเด็ดขาดถ้าพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน เคยโดนตีรายตัวให้อายเพื่อนบ้านกันมาแล้วเพราะลงเล่นน้ำตอนพ่อแม่เข้ากรุงเทพฯ (แต่แอบกลับไว) คูที่เห็นหน้าบ้านนี้ จะขุดเป็นวงกลมค่ะ พ่อซื้อเรือมาให้พาย  พายไปแล้วก็จะวนกลับบ้าน สมัยนั้นมีบัวให้เก็บด้วย จากคุณ : จุดตานิด - [ 30 มิ.ย. 52 23:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 115 สถานที่เล่นประสาเด็ก นอกจากวิ่งซ่อนแอบที่รอบๆพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ (ซึ่งมีระเบียงโดยรอบ) ก็ไปเล่นที่บริเวณอนุสาวรีย์"ย่าเหล" ค่ะ พวกเราตอนนั้นก็รู้ประวัติงูๆปลาๆ และรู้ว่าย่าเหลตายเพราะโดนคนอิจฉายิง ที่อนุสาวรีย์นี้ มีแผ่นจารึกคุณงามความดีย่าเหลไว้ เป็นแผ่นโลหะติดไว้ที่ตัวฐานอนุสาวรีย์ด้านหน้า ใต้รูปปั้นย่าเหล ซึงสมัยนั้นบรรทัดแรกๆพวกเราท่องได้หมดค่ะ และก็ยาวมากทีเดียว "..๏ อนุสาวรีย์นี้เตือนจิตร์ ให้กูคิดรำพึงถึงสหาย โอ้อาไลยใจจู่อยู่ไม่วาย กูเจ็บคล้ายศรศักดิ์ปักอุรา ยากที่ใครเขาจะเห็นหัวอกกู เพราะเขาดูเพื่อนเห็นแต่เป็นหมา เขาดูแต่เปลือกนอกแห่งกายา ไม่เห็นฦกตรึกตราถึงดวงใจ เพื่อนเป็นมิตร์ชิดกูอยู่เนืองนิตย์ จะหามิตร์เหมือนเจ้าที่ไหนได้ ทุกทิวาราตรีไม่มีไกล กูไปไหนเจ้าเคยเป็นเพื่อนทาง ช่างจงรักภักดีไม่มีหย่อน จะนั่งนอนยืนเดินไม่เหินห่าง ถึงยามกินเคยกินกับกูพลาง ถึงยามนอน ๆ ข้างไม่ห่างไกล อันตัวเพื่อนเหมือนมนุษสุจริต จะผิดอยู่แต่เพียงพูดไม่ได้ แต่เมื่อกูใคร่รู้ความในใจ กูมองดูรู้ได้ในดวงตา โอ้อกกูดูเพื่อนอยู่หรัด ๆ เพื่อนมาพลัดพรากไปไม่เห็นหน้า กูเผลอ ๆ ก็เชง้อเผื่อเพื่อนมา เสียงกุกกักก็ผวาตั้งตามอง อันความตายเป็นธรรมดาโลก กูอยากตัดความโศรกกระมลหมอง นี่เพื่อนตายเพราะผู้ร้ายมันมุ่งปอง เอาปืนจ้องสังหารผลาญชีวี เพื่อนมอดม้วยด้วยมือทุรชน เอารูปคนสรวมใส่คลุมใจผี เป็นคนจริงฤๅจะปราศซึ่งปรานี นี่รากษสอัปปรีปราศเมตตา มันยิงเพื่อนเหมือนกูพลอยถูกด้วย แทบจะม้วยชีวังสิ้นสังขาร์ จะหาเพื่อนเหมือนเจ้าที่ไหนมา ช้ำอุราอาไลยไม่วายวัน เมื่อยามมีชีวิตร์สนิทใจ ยามบรรไลยลับล่วงดวงใจสั่น ด้วยอำนาจจงรักภักดีนั้น ขอให้เพื่อนขึ้นสวรรค์สำราญรมย์ ถึงจะมีหมาอื่นมาแทนที่ กูก็รักเพื่อนนี้เป็นปฐม ที่ไหนเล่าจะสนิทและชิดชม ที่ไหนเล่าจะนิยมเท่าเพื่อนรัก ถึงแม้จะไม่มีรูปนี้ไว้ รูปเพื่อนฝังดวงใจกูตระหนัก แต่รูปนี้ไว้เป็นพยานรัก ให้ประจักษ์แก่คนผู้ไมตรี เพื่อนเป็นเยี่ยงอย่างมิตร์สนิทยิ่ง ภักดีจริงต่อกูอยู่เต็มที่ แม้คนใดเป็นได้อย่างเพื่อนนี้ ก็ควรนับว่าดีที่สุดเอย .." * แก้คำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 08:34:14 จากคุณ : จุดตานิด - [ 30 มิ.ย. 52 23:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ต้องขอจบเรื่องเล่าลงแค่นี้นะคะ ที่เล่ามามิได้ต้องการโอ้อวดอะไร พวกเราถึงรู้ว่าชื่อ"พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์" เพราะมีป้ายเขียนไว้หน้าบ้าน และคนที่ตลาดเรียกกันว่า"บ้านแดง" แต่สมัยนั้นบ้านทรุดโทรมมากค่ะ ข้าราชการย้ายมาแล้วย้ายไป ไม่มีการดูแลซ่อมแซม และไม่มีใครรู้ถึงคุณค่าความสำคัญของสถานที่นี้ ไปอยู่ทางเหนือสิบกว่าปี มาทราบทีหลังว่ากรมศิลปากรได้จัดงบประมาณเพื่อซ่อมแซมสองพระตำหนักนี้ขึ้น สำหรับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ด้านหน้า คงซ่อมแซมเฉยๆเพราะเป็นพระตำหนักก่ออิฐถือปูน แต่พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังค์สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังนั้น กรมศิลปากรรื้อออกทั้งหมด  ซ่อมแซมฐานราก และต่อใหม่โดยใช้ชิ้นส่วนเดิม กระเบื้องแผ่นเดิม ไม้แผ่นเดิม ภูมิทัศน์รอบๆก็ปรับปรุงจนสวยงาม เคยไปยืนดูแล้วน้ำตาจะไหลค่ะ ใจฟูขึ้นมาเมื่อเห็นพระตำหนักในสภาพใหม่ การเล่าเรื่องนี้ หากจะควรมิควร ดิฉันผู้เล่า ขอรับผิดเพียงผู้เดียวค่ะ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ยามเย็น *แก้คำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 52 08:31:03 จากคุณ : จุดตานิด - [ 30 มิ.ย. 52 23:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ขอขอบคุณรูปทุกรูปที่เสิร์ชจากกูเกิ้ลค่ะ จากคุณ : จุดตานิด - [ 30 มิ.ย. 52 23:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 118 มาดูรูปพระตำหนักกับพระราชวังสนามจันทร์ค่ะ... :) เมื่อก่อนตอนอายังไม่เกษียณได้ไปเที่ยวหาอาที่ ม. ศิลปากรทับแก้วทุกปี บ่าย ๆ เข้าห้องสมุดคณะอา ตอนเย็น ๆ ออกไปเดินเล่นแถวมหาวิทยาลัย ไม่ได้ไปมาหลายปีแล้วละ จากคุณ : ปิยะรักษ์ - [ 1 ก.ค. 52 02:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 119 น่าปลื้มใจแทนนะครับ อูย ขนลุก ^^ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 1 ก.ค. 52 08:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 120 วันนี้เข้าบ้านคุณนิดแบบแอบปลื้มใจแทนค่ะ.. อยากฟังคุณนิดเล่าอีกค่ะ.. จากคุณ : คุณแม่ใจดี - [ 1 ก.ค. 52 09:47:12 ]