29 มกราคม 254
เขียนถึงพี่ต่อ
อินคงจะเขียนถึงพี่ต่อเป็นฉบับสุดท้ายเสียที อินได้เจอพี่ต่อครั้งสุดท้ายในวันรับปริญญา
พี่ต่อดูดีที่สุดเลยในสายตาของอิน อินยินดีกับความสำเร็จของพี่ต่อด้วยนะคะ ต่อไปนี้ อินคงไม่กล้าหวังอีก
ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่เพราะอินยังมองไม่เห็นทางไหนเลยที่เราจะได้มีโอกาสมาเจอกันได้อีกครั้ง
อีกสองปีก็จะถึงงานรับปริญญาของอินบ้าง ไม่รู้ว่าจะมีความบังเอิญเกิดขึ้นบ้างไหมในวันนั้น?
อินอยากเก็บภาพความทรงจำไว้กับอินให้นานที่สุด ความทรงจำดีๆ อินไม่กล้าแม้แต่จะใกล้พี่ต่อมากๆ
ไม่กล้าแม้แต่จะถามถึงเรื่องงานของพี่ต่อ แม้อินจะอยากรู้เพราะอินกลัว กลัวพี่ต่อจะเฉยชาต่ออิน
อินไม่อยากให้ความทรงจำระหว่างอินกับพี่ต่อในครั้งสุดท้ายมันไม่สวยงามอย่างที่อินอยากจะจดจำ
อินขอบคุณความบังเอิญที่ทำให้อินได้พบเจอ ได้รู้จักพี่ต่อ อินเคยคิดว่าเวลาคงช่วยให้อินเลิกรักพี่ต่อได้
ความห่างไกลคงทำให้อินเลิกคิดถึงพี่ต่อได้ แต่อินไม่เคยชนะความรักเลย อินบีบบังคับมันไม่ได้เลย
เกือบสามปีแล้วนะพี่ต่อที่อินพยายามแต่มันก็เป็นได้แค่ความพยายาม แต่พี่ต่อไม่ต้องห่วงอินหรอก
เรื่องของความรักมันเป็นสิ่งที่เราบังคับมันไม่ได้และไม่ควรบังคับมัน อินอาจจะบีบบังคับความรัก
ของอินมากเกินไป บางทีถ้าอินปล่อยมันบ้าง มันอาจจะรู้สึกดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ อินแค่อยากให้พี่ต่อ
ได้รับรู้ว่าอินรักพี่ต่อและจะรักพี่ต่อตลอดไป เวลาเปลี่ยนแปลงความรักของอินที่มีต่อพี่ต่อไม่ได้เลย
อินรักพี่ต่อนะคะ พี่ชายที่แสนดีของอิน
อิน
00.09 น.
กระดาษสีขาวที่เต็มไปด้วยลายมืออันเป็นเอกลักษณ์ด้วยน้ำหมึกสีดำถูกพับลงอย่างช้าๆ
พร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นระหว่างสองหนุ่ม เขายังคงไม่พูดอะไรจนกระทั่งชายหนุ่มอีกคน
ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้นมา
ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าอินเขียนอะไรบ้าง แต่พอจะเดาออก
อินไม่เคยบอกเลยและข้าไม่เคยรู้เลยว่าอินรัก...ฉัน ท้ายประโยคเขากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
สายตาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่คู่สนทนาหากเป็นซองจดหมายสีน้ำตาลสิบกว่าฉบับบนโต๊ะ
แล้วตอนนี้ล่ะ ไอ้ต่อ ชายหนุ่มตรงหน้าเขาเอ่ยถามเขาอีกครั้ง
ฉัน...ไม่รู้ ชายหนุ่มทั้งสองเงียบกันไปทั้งคู่
ไอ้โท ตอนนี้อินอยู่ไหน แกรู้ใช่ไหม แกต้องรู้สิ ฉันจะไปหาอิน ฉันจะต้องคุยกับอิน
คนที่ดูกระวนกระวายอยู่ข้างวิศรุตขณะนี้ดูเหมือนไม่ใช่เพื่อนที่เขารู้จัก ไอ้ต่อ ที่เขารู้จัก
เป็นคนไม่โวยวาย ดูนิ่งและเก็บอารมณ์ได้ดี แต่ตอนนี้เจ้าตัวถึงกับยอมนั่งเครื่องบินซึ่งเคยบอก
มาโดยตลอดว่าไม่ชอบการเดินทางทางอากาศมากที่สุด เมื่อถึงสนามบินมีหญิงสาวคนนึงมารอรับ
อยู่ก่อนแล้ว เธอเดินนำไปที่รถเก๋งคันเล็กซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากอาคารผู้โดยสาร
ฉันชื่อปานนะคะเป็นเพื่อนกับอิน เดี๋ยวเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าเอ่อ...ปานขอเรียกว่า
พี่โทกับพี่ต่ออย่างอินเรียกนะคะ ถ้าพักผ่อนหายเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว ปานจะพาไปหาอินนะคะ
พี่ไม่เหนื่อยหรอก ไปหาอินเลยได้ไหม ปานพิมพ์ลังเลใจแต่สุดท้ายก็พยักหน้า
เส้นทางจากสนามบินมายังบ้านของอินนับว่าไกลพอสมควร มันยิ่งทำให้เขาร้อนใจ
เขาอยากจะโทรหาเธอตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ทั้งปานพิมพ์และเพื่อนเขาก็บอกว่า โทรไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก
มันไม่มีสัญญาณหรอก ทันทีที่ถึงบ้านพักซึ่งเป็นบ้านสวนตั้งห่างไกลจากบ้านอื่นๆ พอสมควร
เขาก็รีบนำกระเป๋าไปเก็บและขอให้หญิงสาวที่บอกว่าเป็นเพื่อนของอินรีบพาเขาไปพบอินเสียที
ไม่นานรถเก๋งคันเดิมก็เคลื่อนตัวมาจอดยังร่มไม้ภายในเขตวัด หัวใจของเขาที่เคยร้อนร้น
ตอนนี้มันเย็นจับขั้วหัวใจทีเดียว
อินมาบวชถือศีลที่นี่เหรอ ปานพิมพ์ฟังคำถามที่นครินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความรู้สึกสงสาร
อย่างบอกไม่ถูก เธอรู้ว่าเขาคงพอจะรู้คำตอบแล้วว่าอินอยู่ที่ไหน แต่เขาไม่อยากยอมรับมัน
และยังยอมรับมันไม่ได้
อินอยู่ไหน อินอยู่ไหนแกบอกฉันมาสิไอ้โท เขาเขย่าตัวเพื่อนที่ยังยืนนิ่ง
ปานจะพาพี่ต่อไปหาอิน ตามมาสิคะ อินคงดีใจมาก ถ้ารู้ว่าพี่ต่อแวะมาหา หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เขาก้าวตามหญิงสาวข้างหน้าไปอย่างช้าๆ ภายในใจมีแต่ภาพของอินมากมายเต็มไปหมด
รอยยิ้มที่แจ่มใสที่คอยส่งมาให้เขาเสมอ
อิน ปานพาพี่ต่อมาอินแล้วนะ อินดีใจไหม พี่ต่อเขาได้อ่านจดหมายอินแล้วด้วยนะ สุดท้ายปานพิมพ์
ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ เธอยังรักและคิดถึงเพื่อนรักคนนี้เสมอ
นครินทร์ยืนนิ่งหน้าที่บรรจุอัฐิ
ทำไมอินมาอยู่ที่นี่ เขาเปล่งเสียงออกมาได้อย่างยากลำบากเพราะมันเหมือนมีก้อนแข็งๆ
แล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ
อินโชคร้ายโดนรถชนค่ะพี่ต่อ ปานพิมพ์ยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี เขาทำงานตามปกติไม่คิดว่า
จู่ๆ จะมีข่าวร้ายโทรมาแจ้งว่าเพื่อนรักของเธอนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอเสียใจแค่ไหนที่ต้องเห็นคนที่เธอรักนอนเจ็บปางตายอยู่ตรงหน้า
อิน อินอย่าเป็นอะไรนะ อินได้ยินปานไหม คนเจ็บที่เธอกุมมือไว้ตลอดเวลาไม่ตอบมีเพียงแรงบีบเล็กๆ
ที่เธอสัมผัสได้ผ่านปลายนิ้ว คล้ายกับให้เธอได้รับรู้ว่าได้ยินในสิ่งที่พูดก่อนจะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ
อีกเลยจากเพื่อนที่เธอรัก
ใครทำให้อินเป็นแบบนี้! นครินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
วันนั้นอินจอดรถมอเตอร์ไซค์อยู่ริมฟุตบาท จู่ๆก็มีรถกระบะคันนึงขับพุ่งมาชนอินเข้าอย่างแรง
แล้วก็หนีไป แต่เรายังจับคนที่ขับรถชนอินไม่ได้ ใช่ว่าปานพิมพ์ไม่โกรธแค้นคนที่ขับรถชนคนนั้น
เธอทั้งโกรธทั้งเกลียด แต่เธอก็ได้แต่หวังว่าจะมีสักวันที่กรรมมันตามทัน ไม่ปล่อยคนใจร้ายอย่างนั้น
ให้ลอยนวลไปได้ น้ำใจที่จะพาเพื่อนเธอส่งโรงพยาบาลมันยังไม่มีเลย หัวอกคนเป็นพ่อแม่ที่รู้ข่าว
ต้องแหลกสลายไปเพียงข้ามคืน แต่ท่านก็ยังไม่โกรธแค้นไอ้คนที่ขับรถชนอินเท่าเธอด้วยซ้ำ
เพราะท่านถือว่าเป็นเคราะห์กรรมของอินด้วย
อินคงจะเจ็บมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดรวดร้าวไม่น้อย
ค่ะ อินเจ็บ เจ็บมาก แต่อินก็เจ็บไม่นาน หลังจากอินมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นานอินก็จากไป
อินคงเจ็บมากจนทนไม่ไหว น้ำตายังคงพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ จากหญิงสาวที่ยืนข้างวิศรุต
จนเขาอดสงสารไม่ได้ วิศรุตตบไหล่หญิงสาวเบาๆ คล้ายให้กำลังใจ
อิน พี่มาหาอินแล้วนะ อินได้ยินพี่ไหม อินใจร้ายจัง ไม่อยู่รอกระทั่งจะลาพี่ ชายหนุ่มทรุดตัวคุกเข่า
คล้ายคนหมดแรง
ทำไมอินไม่บอกพี่เองล่ะอิน ทำไมอินไม่รออยู่ฟังพี่บอกกับอินเอง อินจำได้ไหม
ผู้หญิงซุ่มซ่ามคนนึงเดินชนพี่ คนนั้นคืออินไง วันแรกที่เราเจอกันอินยังจำได้ไหม
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาทำงานร่วมกับพี่ ตอนแรกพี่คิดว่า จะไปได้สักกี่น้ำ แต่ตลอดเวลาที่พี่
ได้ทำงานร่วมกับผู้หญิงคนนั้น ทำให้พี่รู้ว่า เขาเก่งและเข้มแข็งกว่าที่พี่เห็นมาก
พี่ชอบเวลาผู้หญิงคนนั้นหัวเราะ มันทำให้โลกนี้สดใสพลอยทำให้ทุกคนรอบข้างมีรอยยิ้มไปด้วย
พี่ชอบฟังเสียงใสๆ ที่พูดคุยกับคนโน้นคนนี้ ชอบแกล้งยีหัวให้ผมฟู ชอบที่จะดูแลผู้หญิงคนนั้น
ชอบที่จะเห็นรอยยิ้ม ชอบที่จะเห็นผู้หญิงคนนั้นทำหน้ามุ่ยเวลาหงุดหงิดหรือสงสัย
พี่แอบชอบผู้หญิงคนนั้น คนที่พี่ไม่คิดเลยว่าพี่จะชอบ ผู้หญิงคนนั้นคืออินไงล่ะ
ชายหนุ่มยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ คล้ายคนที่เขาต้องการพูดด้วยนั่งรับฟังเขาอยู่ตรงหน้าจริงๆ
อินสงสัยและคิดว่าพี่ยังรักพี่กิ่งอยู่ใช่ไหม ทำไมอินไม่ถามพี่ล่ะอิน พี่อาจจะเคยรักพี่กิ่งมาก่อน
แต่พี่รู้ว่ากิ่งรักใครพี่ก็ยอมรับและเลิกคิดที่จะรักพี่กิ่งอย่างหนุ่มสาวที่จะคบกัน มีเพียงความหวังดี
ความรักแบบเพื่อนที่มีให้เท่านั้น พี่ไม่ได้มีใคร พี่ไม่ได้รักใคร พี่ไม่กล้าจะรักจะชอบอินมากไปกว่า
น้องสาวคนนึงเพราะพี่ไม่คิดว่าอินจะชอบพี่ อินเป็นน้องสาวที่น่ารัก พี่ไม่อยากเสียรอยยิ้มของอินไป
ถ้าพี่รู้สักนิด พี่จะไม่ปล่อยเวลาให้มันผ่านมาอย่างไร้ค่าแบบนี้เลย
ปานพิมพ์ได้ฟังแล้วรู้สึกดีใจแทนเพื่อนที่จากไป ในที่สุดสิ่งที่เพื่อนของเธอรอคอยมาตลอดก็เป็นจริงจนได้
เพียงแต่เพื่อนของเธอไม่สามารถตอบเขากลับมาได้ว่า อินเองก็รักพี่ต่อเองเช่นกัน
พี่ต่อคะ ปานมีอะไรอยากจะให้พี่ต่อได้อ่าน ปานพิมพ์หยิบไดอารีสีม่วงที่เธอจะพกไว้ติดตัวตลอดเวลา
ไดอารีของอิน อินเพิ่งเขียนถึงพี่ต่อก่อนหน้าที่อินจะจากพวกเราไปได้ไม่นาน นอกจากจดหมายนั้นแล้ว
ปานอยากจะให้พี่ต่อได้อ่านสิ่งที่อินเขียนในนี้ด้วยค่ะ
เขารับไดอารีสีม่วงเปิดไปยังหน้าที่มีริบบิ้นสีน้ำตาลคั่นอยู่
จากคุณ :
ต้นอ้อสีม่วง
- [
25 มิ.ย. 52 11:55:30
]