Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เรื่องเล่า...ราวๆตอนบ่าย

    พระอาทิตย์ยามบ่ายส่องแสงกระทบผิวน้ำสีน้ำตาลในคลอง น้ำกระเพื่อมรับแสงจากดวงอาทิตย์ดูเป็นประกาย แม้ไม่แวววาวเหมือนเพชร แต่ก็ถือว่าสวยกำลังดี
    หากว่ากันตามทฤษฎี “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” น้ำกระเพื่อมนี่ต้องเกิดอย่างอะไรบางอย่างเป็นแน่ อาจเกิดจากกิ่งมะกอกต้องลมที่หย่อนแขนเล็กเพรียวลงในน้ำ หรือแมลงปีกแข็งดวงตกที่กำลังพยายามว่ายน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะบินหลบนกกระจอกได้ แต่กลับพุ่งลงในน้ำแทน
    หรืออาจเป็นเพราะอึ่งอ่างตัวอ้วนหลังลาย ที่เบื่อการว่ายน้ำ และพยายามตะกายขึ้นตลิ่ง
    จะเป็นเพราะอะไรก็ตาม เจ้าชีวิตเล็กๆเหล่านี้ หรือแม้กระทั่งทฤษฎีที่ว่าก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่จะเล่าตอนบ่ายๆอย่างนี้หรอก
    ...................................................................................................................................................................................

    ผมย้ายจากทุ่งนาบ้านนอกมาอยู่ที่นี่ได้สักสองอาทิตย์แล้วล่ะ แม้ว่าบ้านใหม่ของผมไม่ได้เจริญมากไปกว่าบ้านนอกที่ผมจากมาสักเท่าไร แต่ก็สบายใช้ได้ บรรยากาศสดชื่น ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้เยอแยะ ทั้งมะม่วง มะกอก หญ้าคา หญ้าขน รวมไปถึงต้นไม้หน้าตาประหลาดที่ผมไม่รู้จัก จะว่าไปก็เคยได้ยินคนแถวนี้เขาเรียกกัน แต่ก็ขี้เกียจจำ ส่วนเรื่องอาหารการกินน่ะเหรอ ไม่ต้องห่วง ที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก มีของกินเยอะแยะ เรียกได้ว่า แค่ผมนอนอยู่เฉยๆ ของกินพวกนี้ก็แทบจะวิ่งเข้าปากผมอยู่แล้ว นี่ยังคิดอยู่ว่าจะส่งข่าวไปบอกอีแม่ อีหล้า ที่บ้านนอกนู่นให้มาอยู่ด้วยกัน เพราะขืนยังอยู่ที่โน่น ถ้าไม่แห้งตายคาทุ่งนา ก็ไม่แคล้วโดนไอ้พวกนักเลงคุมถิ่นมันรังแกเอา เฮ้อ...ว่าแล้วก็คิดฮอดหลาย...
    ขอโทษที นอกเรื่องไปหน่อย เมื่อกี้ผมพูดถึงเรื่องบ้านใหม่ของผมใช่ไหม เอาล่ะ ผมย้ายเข้ามาอยู่ในห้องเช่าหลังหนึ่ง แต่เจ้าของห้องเช่านี่เขาไม่รู้หรอกว่าผมย้ายเข้ามา ก็ไอ้เพื่อนของผมน่ะสิ มันชวนผมมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่เดือนที่แล้ว ไอ้ผมก็ดั้นด้นมาจากบ้านนอก พอมาถึงไอ้เพื่อนตัวดีก็หายหัวไปเลย คนแถวนี้เขาลือกันว่ามันคงไปกวนตีนใครไว้ ไอ้พวกมาเฟียแถวนี้มันเลยลากไปฆ่าหมกป่า
    จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมชักเซ็งขึ้นมาแล้วสิ หนีจากนักเลงอีสาน ยังต้องมาเจอมาเฟียอีก เฮ้อ...คิดแล้วกลุ้มใจ
    ที่ห้องเช่านี้ไม่ได้มีแต่ผมคนเดียวนะ ยังมีห้องชั้นบนที่อพยพกันมาอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ชะรอยพวกนี้คงมาจากทางใต้ เพราะตัวดำคมเข้ม อยู่กันทั้งปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา โอ๊ย...เต็มไปหมด เดินกันทีเสียงดังวุ่นวาย นี่ได้ข่าวว่ากำลังจะมีลูกกันด้วย เด็กโตขึ้นมาคงเสียงดังพิลึก แต่เอาเถอะ ยังไงผมก็ให้อภัยได้นะ เพราะผมชอบเด็ก แล้วอีกอย่าง ผมคงต้องพึ่งพาครอบครัวนี้ไปอีกนาน
    ถัดจากห้องครอบครัวใหญ่ ก็มีอีกห้อง เจ้าของเป็นสาวๆ หุ่นผอมเพรียว แต่งตัวเปรี้ยว ดูท่าแล้วคงเป็นพวกหากินกลางคืน ผมลองคุยด้วยบ้างแล้ว เห็นว่าพวกเธอคงชอบออกไปตอนกลางคืนจริงๆ เธอว่ากลางวันไม่ค่อยมีเหยื่อ เผลอๆอาจโดนดักตบด้วย บางคืนผมได้ยินพวกเธอกลับมาที่ห้อง โวยวาย อาละวาด แถมมีเสียงโอ้กอ้าก พวกเธอคงเมากลับมากระมัง อ้อ อีกอย่างหนึ่ง หนึ่งในสาวๆพวกนั้นเล่าว่า เพื่อนๆเธอสองสามคนมีลูกแล้ว สงสัยจะจริง เพราะผมได้ยินเสียงเด็กร้อง บางครั้งยังเห็นเด็กๆออกมาวิ่งเล่นกัน อย่างที่บอกแหละ ผมมันคนรักเด็ก รอให้โตอีกหน่อยเถอะ จะเข้าไปฟัดให้หนำใจเลย ฮ่าๆๆๆๆ แต่เอ๊ะ..ผมว่าผมได้ยินเสียงแปลกๆนะ
    “ก๊อก แก๊ก...ก๊อก แก๊ก”
    เสียงนั้นดูราวกับจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทันใดนั้น ผมได้ยินเสียงเหมือนฝนตก ดีสิ ผมชอบฝนนะ เย็นชื่นใจดี
    “กรี๊ด...เฮ้ย....ช่วยด้วย”
    นั่นมันเสียงครอบครัวใหญ่ชั้นบนนี่ ทำไมวิ่งกันตึงตังอย่างนี้ ตายล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับห้องเช่าของเราแน่ๆ เสียงก๊อกแก๊กนั่นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สลับกับเสียงหวีดร้องของสาวกลางคืน และเสียงร้องไห้กระจองอแงของเด็กๆ อะไรกันน่ะ ทำไงดีล่ะ
    ผมลงนอนหมอบแล้วหลับตา นึกถึงคำอีแม่ ที่สอนว่า
    “เมื่อภัยสิมาถึงโต เจ้าต้องอยู่นิ่งๆไว้เด้อ แล้วจากนั้น...”
    จากนั้นต้องทำอะไรผมก็นึกไม่ออก ผมพยายามอยู่นิ่ง ๆไว้ก่อน เสียงก๊อกแก๊กนั่นหยุดลงเหนือหัวกลมๆของผมพอดี และทันใดนั้น....
    “กรี๊ด!!!! ไอ้อ้วนช่วยพี่ด้วยโว้ย ไอ้อ้วน!!!!”
    ต้องเป็นเสียงมาเฟียคุมถิ่นแถวนี้แน่ เสียงมันดังเหมือนฟ้าผ่า ตามด้วยเสียงตึงๆๆๆ คล้ายกัยว่ามันคงไปตามพวกมารุมผม
    “ไอ้อ้วน มาเอามันออกไปที...”
    ไอ้ลูกน้องมาเฟียที่ชื่อไอ้อ้วนคงรีบมาตามที่เจ้านายสั่ง ผมได้แต่หมอบนิ่งๆ ใจก็ภาวนาขออย่าให้มันทำอะไรผมเลย
    ฉับพลัน ไอ้อ้วนลงมือปฏิบัติการโหดกับผมทันที มันเอาอะไรไม่รู้แข็งๆ เย็นๆมาช้อนตัวผมขึ้น ไม่นะ...มันกำลังเอาตัวผมไปที่ไหนสักที่ ผมไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาดู ไอ้อ้วน ปล่อยกูนะ!!!
    หัวหน้ามาเฟียยังคงกรีดร้องอยู่ มันคงตั้งใจจะขู่ให้ผมกลัว หรืออาจจะกำลังทำให้ผมหูแตก ผมนึกถึงวันที่ผมหนีจากการตามล่าของนักเลงบ้านนอกพร้อมกับอีแม่เมื่อครั้งยังเด็ก และสิ่งสุดท้ายที่ผมรู้ก็คือร่างของ ผมถูกไอ้อ้วนโยน กระเด็นไปที่ไหนสักแห่ง
    ...................................................................................................................................................................................
    เสียงกรีดร้องสงบลง ทุกสิ่งทุกอย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ห้องเช่าหลังใหญ่ที่เคยแออัดไปด้วยสมาชิกมากหน้าหลายตา บัดนี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง อาวุธของไอ้อ้วนถูกวางทิ้งไว้ ราวกับเป็นเครื่องมือตำตาตำใจสมาชิกที่รอดชีวิต
    มดดำสี่ห้าตัวออกเดินสำรวจซากห้องเช่าที่เหลือ ส่วนยุงที่บินอยู่บริเวณนั้นร้องไห้กระซิก
    “โธ่ ลูกจ๋า ลูกโม่งของแม่ จมน้ำตายหมดเลย” ยุงสาวตัวหนึ่งร้องโหยหวนหาลูกชายซึ่งเป็นตัวโม่งวัยกำลังน่ารัก
    มดดำที่เดินผ่านมารู้สึกหมั่นไส้ “นี่หล่อน หล่อนคิดว่ามีหล่อนคนเดียวที่เสียใจหรือยะ ลูกหล่อนน่ะตายไปไม่กี่ตัว อีกหน่อยหล่อนมีผัวใหม่ หาที่มีน้ำขังหน่อย หล่อนก็ทำใหม่ได้ ดูพวกชั้นสิยะ กว่าจะสร้างรัง กว่าจะมีลูก แล้วดูซิ ไอ้มาเฟียพวกนั้นทลายรังเราซะยับเลย”
    ยุงสาวผู้สูญเสียสะบัดหน้าพรืด จะว่าไปก็จริงของมันเหมือนกันแฮะ “เฮ้อ ก็จริงอย่างที่เธอว่าแหละ งั้นพวกเธอก็งมศพลูกเธอไปละกันนะ ชั้นเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น อีกอย่างชั้นมันก็คนทำมาหากินซะด้วย คงต้องออกไปหาอะไรกิน แล้วคงแวะหาผัวมาผลิตลูกล็อตใหม่ดีกว่า ไปละนะ โฮะๆๆๆๆ” แล้วยุงสาวชุดลายร่างเพรียวก็บินจากไปอย่างร่าเริง
    “อย่าให้เห็นว่าโดนตบตายคามือละกัน” มดดำอีกตัวหนึ่งว่า “หรือจะเมายากันยุงกลับมาอีกก็ไม่รู้เนอะ”
    มดสองตัวหัวเราะคิกคัก ก่อนตัดสินใจยุติการสำรวจ แล้วเก็บข้าวของไปสร้างรังใหม่
    “ห้องเช่า” หรือถ้าจะเรียกกันในภาษามาเฟียก็คืออ่างล้างจานเก่าๆ ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไปในที่สุด คงไม่มีมดหรือยุงตัวไหนจะย้ายเข้ามาอยู่ แม้แต่มาเฟียเองก็ดูท่าทางจะไม่กล้าเข้ามาจัดการ หลังจากเห็นมดทั้งรังแห่หนีน้ำกันอุตลุด รวมทั้ง ใครคนหนึ่ง ที่ทำให้ไอ้มาเฟียใจทมิฬไม่กล้าแม้แต่จะปรายตามองอ่างล้างชามนี้อีกต่อไป
    “ว่าแต่ว่า ไอ้หนุ่มบ้านนอกที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ โดนไอ้อ้วนนั่นลากไปทิ้งที่ไหนนะ” ปู่มดดำสงสัย
    ...................................................................................................................................................................................
    พระอาทิตย์ยามบ่ายส่องแสงกระทบผิวน้ำสีน้ำตาลในคลอง น้ำกระเพื่อมรับแสงจากดวงอาทิตย์ดูเป็นประกาย แม้ไม่แวววาวเหมือนเพชร แต่ก็ถือว่าสวยกำลังดี
    หากว่ากันตามทฤษฎี “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” น้ำกระเพื่อมนี่ต้องเกิดอย่างอะไรบางอย่างเป็นแน่ อาจเกิดจากกิ่งมะกอกต้องลมที่หย่อนแขนเล็กเพรียวลงในน้ำ หรือแมลงปีกแข็งดวงตกที่กำลังพยายามว่ายน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะบินหลบนกกระจอกได้ แต่กลับพุ่งลงในน้ำแทน
    หรืออาจเป็นเพราะอึ่งอ่างตัวอ้วนหลังลาย ที่เบื่อการว่ายน้ำ และพยายามตะกายขึ้นตลิ่ง ในที่สุดมันก็ฟื้นขึ้นมา และพบว่ามันถูกไอ้อ้วนโยนลงคลอง ท่าการปีนตลิ่งของมันแสดงออกถึงความไม่ย่อท้อ แววตาที่มาดมั่นของมันจ้องไปยังทิศทางของ “ห้องเช่า” สุดที่รักของมัน และสักวัน เมื่อมันไปถึงที่นั่น มันจะรีบส่งข่าวบอกอีแม่ของมันทันที ว่าที่นี่ มีทั้งมดดำหน้าโง่ที่อยู่ๆก็วิ่งมาเข้าปากมัน รวมทั้งยุงสาวเซ็กซี่แต่ไม่มีสมอง ที่โดนมันจับกินอยู่เรื่อย และที่สำคัญ ตัวมันคนเดียวคงสู้กับไอ้มาเฟียคุมถิ่นพวกนี้ไม่ไหว อีแม่นี่แหละจะเป็นกำลังสำคัญ ที่คอยช่วยมันสู้ และคอยเตือนมันด้วยว่า
    “เมื่อภัยสิมาถึงโต๋ เจ้าต้องอยู่นิ่งๆไว้เด้อ แล้วจากนั้นก็ค่อยๆพองพุงเจ้าออก อย่างนี้ๆๆ เหมือนที่อีแม่เล่าให้เจ้าฟังไง เรื่องยายเจ้าที่พองโต๋ จนโต๋ใหญ่เท่าวัวพู้น แต่แหม เสียดายเน้อ ยายเจ้าพุงแตกตาย”

    จากคุณ : anakhzunnamun - [ วันสุนทรภู่ 10:31:10 A:58.10.126.53 X: TicketID:221761 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com