Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    THE RUSSIAN “T” MYSTERY : ความนัยในใจความ (ตอนจบ)

    ตอนที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7893474/W7893474.html
    ตอนที่ 2 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7920774/W7920774.html
    ตอนที่ 3 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7964394/W7964394.html


    --------------------------------------------------------------------------------------------------------


    4.  


    คำพูดของมิ่งมาลีทำให้แพมาลานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ มองหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แม้จะพยายามมากเท่าใดก็ตาม หลังจากนั้น เธอก็หันมาหานายตำรวจหนุ่มซึ่งเธอบอกกล่าวให้เขาและชลทิชารับทราบมาตลอดว่า เธอต้องการให้เขาไขปริศนาและเฉลยให้เธอและน้องสาวฟังพร้อมกัน เพื่อที่จะได้ไม่มีใครคนหนึ่งที่เป็นคนได้มรดกทั้งหมดไป

    หากท้ายที่สุดแล้ว กลับเป็นเขาที่ทำให้ทุกอย่างที่วางไว้พังทลายหมดสิ้น...

    “ทำไม...” บรรณารักษ์สาวเอ่ยเสียงเครือ สายตาของเธอที่ทอดจับยังเขาเต็มไปด้วยความแค้นเคืองและสิ้นหวัง “ทำไมผู้หมวดต้องทำแบบนี้ด้วย... ทำไมจะต้องทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา พี่พยายามทำให้มิ้งค์รู้สึกดี พี่ไม่อยากให้มิ้งค์รู้สึกว่าคุณพ่อรักพี่มากกว่ามิ้งค์ ผู้หมวดรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป...”

    ประณตเม้มริมฝีปากแน่นเหมือนพยายามคิดหาคำพูดแล้ว แต่เปลี่ยนใจ และรับฟังสิ่งที่เธอกำลังระบายกับเขาโดยไม่โต้แย้ง  

    สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าทำให้ชลทิชาขุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้จักเพื่อนดีและรู้ว่าเขาเป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นมากเกินกว่าจะทำร้ายจิตใจของใครโดยไม่จำเป็น แต่เธอก็ตระหนักดีด้วยว่า รุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมของเธอรู้จักเขาน้อยกว่าจึงย่อมไม่เข้าใจเขาเหมือนเธอ และรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นผิดหวังกับผลที่ไม่เป็นไปตามคาดเพียงใด

    อย่างไรก็ตาม เธอไม่เข้าใจเลยว่า เพราะเหตุใดแพมาลาต้องพยายามมากมายถึงขนาดนั้น กดดันตัวเองเหมือนถูกบีบบังคับให้ ‘ต้อง’ คิดแผนนี้ขึ้นเพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์จากมรดกกองนั้นน้อยลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดไปจากวิสัยปกติของคนทั่วไปค่อนข้างมาก หากในขณะเดียวกัน มิ่งมาลีกลับไม่มีท่าทีรู้ร้อนหนาวไปกับพี่สาวของตนเลยแม้แต่น้อย ราวกับไม่มีความต้องการ ไม่เคยคาดหวังว่าตนเองจะได้มรดกกองดังกล่าวตามที่กล่าวย้ำซ้ำสองจริง ๆ หรือไม่เช่นนั้น ที่ยังวางเฉยอยู่ได้ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าตนเองจะต้องได้ส่วนแบ่งมรดกส่วนนี้ไปโดยไม่ต้องออกแรง ออกความคิดมากมายอย่างแน่นอน

    แล้วเบื้องหลังของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยามนี้ แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่... เป็นความหวังดีของแฝดพี่โดยแท้ หรือเป็นแผนของแฝดน้องที่บังคับให้คนเกิดก่อนแต่เรียบร้อย อ่อนหวาน ไม่เก่งกล้าเท่าตนเองต้องหาทางทำออกให้มรดกส่วนดังกล่าวถูกแบ่งเป็นสองส่วนหรือทั้งสองครอบครองร่วมกัน โดยอาศัยปมในใจของตนเองมากดดันให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดจนต้องทำอะไรสักอย่าง

    แต่ที่ผ่านมา คนที่สไตลิสต์สาวที่ไม่เคยกลัวใครเชื่อฟังและเกรงใจมากที่สุดคือแฝดพี่ของตนเองไม่ใช่หรือ... หรือว่าเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยนจนทำให้ทุกอย่างต่างไปจากที่เธอจดจำได้มาก่อน

    “พอเถอะ แพม... มิ้งค์เชื่อแพมมาตลอด แต่คราวนี้ขอให้แพมเชื่อมิ้งค์สักครั้งได้ไหม” มิ่งมาลีปรามคนที่เธอรั้งตัวเอาไว้ด้วยน้ำเสียงจริงจังจนคนที่ถูกห้ามต้องหยุด และหันกลับมามองอีกฝ่ายทันที

    “ผู้หมวดทำถูกแล้วไง ก็ในเมื่อพินัยกรรมเขียนเอาไว้แต่แรกว่าจะมอบมรดกก้อนนี้ให้คนที่หาคำตอบได้ก่อน ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องหาคนที่สมควรได้จริง ๆ” เธอสบตากับพี่สาว “ที่มิ้งค์บอกว่า มิ้งค์ไม่อยากได้ มิ้งค์ไม่ได้ประชด คุณพ่อจะให้อะไรใคร เท่าไหร่ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเป็นการตัดสินใจของคุณพ่อ…”

    “แต่คุณมิ้งค์ก็ยังรู้สึกว่า ดร. เจติยะท่านรักคุณแพมมากกว่าอยู่ดีใช่ไหมครับ”

    คำถามตรง ๆ ของชายหนุ่มที่กล่าวแทรกขึ้นทำให้หญิงสาวชะงักกึก ขยับปากจะตอบ แต่เธอไม่อาจปฏิเสธเขาได้เต็มปาก และไม่สามารถตอบว่าใช่ด้วยเช่นกัน

    “ถ้าเป็นอย่างนั้น... ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นเบื้องหลังของเงื่อนไขข้อกำหนดในพินัยกรรมข้อนี้ก็ได้”  

    ดวงตาของสไตลิสต์สาวเบิกกว้างขึ้นด้วยความฉงนใจ “ผู้หมวดหมายความว่าไงคะ”

    “ผมคิดว่า สิ่งที่คุณมิ้งค์คิดเอาไว้ในตอนแรกไม่ผิดหรอกครับว่า ดร. เจติยะท่านอยากจะยกของที่ว่าทั้งหมดให้คุณแพม” นายตำรวจหนุ่มบอก “ผมไม่ทราบว่าคุณมิ้งค์เคยพูดในทำนองว่าท่านรักคุณแพมมากกว่าให้ท่านได้ยินบ้างหรือเปล่า แต่ผมเดาเอาว่าท่านเองก็คงดูออก และเป็นห่วงความรู้สึกของคุณมิ้งค์ว่า ถ้าท่านยกให้คุณแพมไปทั้งหมด คุณมิ้งค์คงน้อยใจท่านและฝังใจจำว่า ที่สุดแล้ว ท่านก็รักคุณแพมและคุณมิ้งค์ไม่เท่ากันจริง ๆ โดยที่ท่านไม่มีโอกาสได้ทำความเข้าใจกับคุณมิ้งค์อีกแล้ว”

    เขาหันไปทางแพมาลา “สำหรับคุณแพมเอง... คุณแพมก็คงไม่สบายใจใช่ไหมครับ ถ้าคุณพ่อจะยกมรดกส่วนนี้ให้คุณแพมเพียงคนเดียว เพราะเท่าที่ฟังดู ผมคิดว่าคุณแพมรับรู้ความรู้สึกของคุณมิ้งค์มาตลอด ต่อให้ในภายหลังคุณแพมจะแบ่งมรดกส่วนนั้นให้คุณมิ้งค์ แต่ความรู้สึกที่เสียไปแล้วมันเรียกกลับคืนมายาก”

    ประณตยิ้มเมื่อบรรณารักษ์สาวพยักหน้ารับ “ผมได้คุยกับ ดร. เจติยะอย่างจริงจังแค่หนเดียว คงไม่รู้จักท่านดีเท่าลูกสาวของท่านเองแน่ แต่ผมรู้สึกว่าท่านเป็นคนละเอียดอ่อนนะครับ คนที่ไม่ละเอียดอ่อนคงยากที่จะใส่ใจศาสตร์ที่มีความซับซ้อนอย่างดนตรี หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยอย่างการชงชาให้อร่อยอย่างนี้ได้...”

    “ความสามารถในการจับความรู้สึกและการเก็บรายละเอียดของท่านทำให้ท่านเป็นนักวิจารณ์ที่หาคนเทียบได้ยาก และทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าท่านมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับไชคอฟสกี้ แม้ว่าท่านจะดูไม่ใช่คนอ่อนไหวอย่างไชคอฟสกี้เลยก็ตาม”

    คนนิสัยใกล้เคียงกันมักถูกดึงดูดเข้าหากันและเข้าอกเข้าใจกันกว่าคนที่แตกต่างออกไป และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อบุญธรรมของรุ่นพี่ทั้งสองของเธอชอบคีตกวีรัสเซียคนนั้น รวมไปถึงถูกชะตากับเพื่อนของเธอด้วยก็เป็นได้... ชลทิชานึกในใจ

    คนที่เป็นนักวิจารณ์ที่เก่งขนาดนั้นก็น่าจะมองเห็นตัวตนของลูกสาวบุญธรรมทั้งสองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และอาจเป็นไปได้ที่เขาจะวางแผนใช้ให้แพมาลาค้นหาวิธีที่จะทำให้ตนเองและแฝดน้องได้มรดกไปคนละครึ่งซ้อนอยู่ในข้อกำหนดที่ดูคล้ายจงใจยกมรดกให้แก่แฝดพี่เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุนี้ แพมาลาจึงได้พยายามมากมายเพื่อให้มรดกก้อนดังกล่าวเป็นของอีกฝ่ายด้วย และโกรธประณตที่ทำให้แผนการของตนพังทลายลง

    ในตอนนี้ เธอเริ่มมองออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร และสิ่งที่คิดไว้ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นจริง

    “คุณมิ้งค์ครับ” ชายหนุ่มเอ่ย “คุณมิ้งค์คิดว่า ถ้าคุณแพมได้รับมรดกก้อนนี้ไปทั้งหมดจริง ๆ คุณแพมจะแบ่งให้คุณมิ้งค์ด้วยไหมครับ”

    คนถูกถามมองแฝดพี่นิดหนึ่ง และให้คำตอบโดยไม่จำเป็นต้องคิดเลยแม้แต่น้อย “แบ่งแน่นอนค่ะ และถ้าเป็นตัวพี่เองได้ของทั้งหมดมา พี่ก็จะแบ่งให้แพมด้วยครึ่งหนึ่งเหมือนกัน เพราะรู้อย่างนี้ไงคะ พี่ถึงค้านแพมมาตลอดนับแต่รู้ว่าแพมจะมาหาผู้หมวดด้วยเรื่องมรดกก้อนนี้ เพราะพี่เห็นว่ามันไม่จำเป็นเลย”

    “คิดว่า ดร. เจติยะท่านจะทราบเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าครับ”

    ไม่มีคำตอบ หากหลังนิ่งเงียบอยู่นาน เธอก็พยักหน้ารับ ดวงตาคมหลุบมองต่ำลงยังมือของคนเอง แล้วเลยลงไปที่วรรณกรรมรัสเซียทั้งสามเล่มที่เขาไปหยิบมาจากโต๊ะทำงาน กับรับหนังสือของตอลสตอยมาจากชลทิชา และวางคืนให้บนโต๊ะรับแขก

    “ผมไม่กล้าบอกว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นถูกต้อง แต่ผมอยากให้คุณมิ้งค์ลองมองในอีกมุมหนึ่งนะครับ” ประณตกล่าวกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเจือสำเนียงปลอบโยน “ข้อกำหนดในพินัยกรรมข้อนี้ มีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าเรื่องใครสมควรจะได้มันไป…”

    “มรดกก้อนนั้น ซึ่งผมไม่ทราบว่าคืออะไร อาจเป็นสิ่งที่คุณมิ้งค์ไม่ชอบและไม่สนใจ แต่ในขณะเดียวกันท่านก็ไม่ได้ละเลยความรู้สึกของคุณมิ้งค์ว่า ถ้าท่านยกให้คุณแพมไปตรง ๆ คุณมิ้งค์คงเสียใจมาก และถ้าผมเป็นท่านที่รู้ดีว่าคุณแพมไม่มีทางกันของส่วนนั้นเก็บไว้คนเดียว ผมก็อาจตัดสินใจฝากภาระส่วนหนึ่งไว้ที่คุณแพม ให้ช่วยชดเชยความรู้สึกสูญเสียของคุณมิ้งค์แทนผม ในวันที่ผมไม่มีโอกาสทำความเข้าใจกับคุณมิ้งค์อีกแล้ว”

    “สิ่งที่ประเมินราคาเป็นเงินไม่ได้อย่างความรักและความห่วงใยของพ่อคนหนึ่งที่มีให้ลูกสาวที่ท่านรักเป็นมรดกที่มีคุณค่ามากกว่าอะไรทั้งหมด” นายตำรวจหนุ่มบอก “แต่สำหรับคนที่ฝังใจว่าท่านรักคุณแพมมากกว่ามาตลอดอย่างคุณมิ้งค์ คงไม่เชื่อสิ่งที่ท่านพูดจากปาก เหมือนที่ไม่เชื่อคำยืนยันเรื่องเดียวกันจากคุณแพม หนทางเดียวที่จะทำให้คุณมิ้งค์เชื่อ คือ คุณมิ้งค์ต้องเข้าใจความนัยในข้อกำหนดพินัยกรรมข้อนี้ด้วยตัวเอง”

    “แต่...” มิ่งมาลีขยับจะแย้ง หากเขากลับส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำพูดว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น

    “ผมไม่ได้คาดหวังว่าคุณมิ้งจะต้องเชื่อผม เพราะผมเป็นแค่คนอื่น แต่ผมก็อยากให้คุณมิ้งค์ลองคิดอย่างนี้ดูบ้าง” เขายิ้มให้เธอ “แต่ถ้าจะมีอะไรที่ผมขอจากคุณมิ้งค์ได้ ผมก็อยากขอให้คุณมิ้งค์เชื่อสิ่งที่ผมพูด ถึงผมจะอ่านใจ ดร. เจติยะท่านไม่ได้ แต่ผมก็อยากให้คุณมิ้งค์รู้สึกดีขึ้นบ้าง หรือถ้าทำในสิ่งที่ผมขอไม่ได้ ผมก็อยากถือวิสาสะขอแทนคุณแพมนะครับ คุณแพมทำเพื่อคุณมิ้งค์มามากแล้ว”

    “ส่วนเทปนี่...” เขากดปุ่มยุติการบันทึกเสียง ถอดออกมาจากเครื่อง และยืนส่งให้แพมาลารับเอาไว้ “ผมให้คุณแพมกับคุณมิ้งค์เอาไว้ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแพมกับคุณมิ้งค์แล้วว่าจะทำยังไงต่อไป”

    เมื่อเทปพ้นมือไปแล้ว ก็ไม่มีคำพูดที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวออกมาจากปากของนายตำรวจหนุ่มอีก

    “ผมขอตัวไปทานยาแป๊บนึงนะครับ” เขาบอกสั้น ๆ และเดินหายเข้าไปในครัว ในขณะที่ชลทิชาพยายามพาตัวเองให้พ้นไปจากบรรยากาศชวนอึดอัดนั้นด้วยการยกสำเนาพินัยกรรมขึ้นมาอ่านทวนดู พร้อมพยายามคิดหาวิธีสลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างพี่น้องทั้งสองให้เบาบางลงไปในเวลาเดียวกัน แต่ท้ายที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ขอตัวตามเพื่อนเข้าไปในครัวด้วยอีกคนหนึ่ง




    (มีต่อนะคะ)

    จากคุณ : ปิยะรักษ์ - [ 28 มิ.ย. 52 01:14:13 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com