บทส่งท้าย
ชายหนุ่มร่างสูงในเครื่องแบบสีกากีเปิดประตูห้องพิจารณาคดีออกมาหลังทำหน้าที่พยานโจทก์ให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว หากแทนที่เขาจะพบกับนายตำรวจชั้นประทวนซึ่งทำหน้าที่พลขับ เขากลับพบหญิงสาวในชุดกระโปรงและสูทนั่งรออยู่แทนที่
ไง ผู้หมวด ให้การไวจังนะ เธอทักทายเขาอย่างอารมณ์ดี จ่าเชิดลูกน้องนายไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา
คดีเช็คก็อย่างนี้แหละ พยานหลักฐานครบก็ไม่มีอะไรต้องซักมาก ร.ต.ต. ประณตตอบ เหลือบมองแฟ้มคดีและกระเป๋าเอกสารทนายความของอีกฝ่าย เธอเองก็เสร็จงานไวนี่
เรื่องขอให้ศาลสั่งตั้งผู้จัดการมรดกนี่ มีใบมอบฉันทะให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกมา ทำแผนผังไล่สายลำดับผู้รับมรดกดี ๆ สืบผู้ร้องเป็นพยานปากเดียว ใช้เวลาไม่นาน... ถ้าไม่ไว ไม่มีวันได้รอดูว่านายใส่เครื่องแบบแล้วหุ่นให้ขนาดไหนอยู่ตรงนี้หรอก ท่าทางที่เธอยักคิ้วให้เขา พร้อมตอบด้วยสำนวนเดียวกันกับที่เขาเพิ่งพูดจบทำให้ชายหนุ่มอดขำไม่ได้
แม้ไม่ต้องถาม เขาก็พอจะเดาออกว่าการที่เธอมานั่งรอเขาอยู่ที่นั่งด้านหน้าห้องพิจารณาคดีอย่างนี้แสดงว่ามีเรื่องบางอย่างที่เธออยากบอกให้เขารู้โดยเร็ว
วันนี้ นายเอารถของสถานีมาใช่มั้ย เธอถาม ถ้าไม่มีธุระด่วนที่อื่น กลับด้วยกันสิ เดี๋ยวจะไปส่งที่ สภ. มีเรื่องอยากคุยด้วย
ได้สิ เขาตอบรับ และเรียกนายตำรวจติดตามที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำให้เข้ามาหา เมื่อสั่งความให้กลับไปก่อนได้เลยจบ ฝ่ายหลังก็ทำความเคารพผู้บังคับบัญชา แต่ก่อนลากลับ เจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์หันมามองทนายความสาวด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็นจนกระทั่งถูกเจ้านายกระแอมไล่ถึงได้สาวเท้าหายลับลงบันไดไป
ข่าวคุณแพม คุณมิ้งค์ล่ะสิ เขาเดาขณะเดินลงมายังชั้นล่างของศาลไปยังจุดแลกคืนบัตรแสดงตัวพร้อมกับเธอ ตกลงว่า เรียบร้อยดีหรือเปล่า
แน่นอน เธอตอบ ส่งแฟ้มกับกระเป๋าเอกสารให้เขาช่วยถือเพื่อจะได้เก็บบัตรประจำตัวประชาชนลงในกระเป๋าสตางค์ พี่แพมกับพี่มิ้งค์โทรศัพท์มาเล่าให้ฟังน่ะ เสียงแจ่มใสทั้งสองคนเลยเชียวละ
ความจริง แพมาลากับมิ่งมาลีโทรศัพท์มาหาเธอเมื่อคืนวานนี้ หลังจากปริศนาของหนังสือทั้งสี่เล่มคลี่คลายลง หากเธอเห็นว่าเขาต้องเข้าเวรจึงยังไม่ได้เล่าให้เขาฟังในคืนนั้น
คุณวิภูบอกว่าพินัยกรรมฉบับที่เขียนด้วยลายมือฉบับนั้น ดร. เจติยะจงใจทำให้มันเป็นโมฆะทั้งในเรื่องข้อกำหนดที่ไม่ได้ระบุตัวคนรับมรดกที่แน่นอน แล้วก็เรื่องการลงลายมือชื่อในส่วนที่แก้ไขผิดแบบจริง ๆ ส่วนเหตุผลก็เป็นอย่างที่นายว่าแหละ คุณวิภูเคยท้วงแล้ว แต่ก็เอาชนะความรั้นกับเหตุผลของดร. เจติยะไม่ได้ เธอบอก อยากเปลี่ยนอาชีพจากตำรวจเป็นหมอดูบ้างมั้ย
นายตำรวจหนุ่มหัวเราะ แค่บังเอิญถูกหรอก นอกนั้นก็ตั้งใจพูดให้คุณมิ้งค์รู้สึกดีขึ้น อยากให้เขาจำคุณพ่อของตัวเองในภาพที่ดี ๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านั้นเลย แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนอาชีพละก็ เธอต้องเจรจากับพ่อฉันเอาเอง
ก็พูดไปงั้นแหละ เธอพูดยิ้ม ๆ ชี้บอกทางว่ารถจอดอยู่ทางด้านหลังอาคารศาลจังหวัด ลองทายดูซิว่า มรดกเจ้าปัญหาที่ ดร. เจติยะจะยกให้พี่แพมแต่กลัวพี่มิ้งค์เสียใจน่าจะเป็นอะไร
วรรณกรรมรัสเซียช่วงศตวรรษที่ 19 ฉบับพิมพ์ครั้งแรกของนักเขียนดังยุคนั้นตั้งแต่พุชกินลงมาเชคอฟทั้งชุดเลยละมั้ง
ชลทิชาทำตาโต และให้คำตอบที่ทำให้คนตอบเองก็ยังอึ้งไปเหมือนกัน ถูก
แต่ซื้อล็อตเตอรี่กับเดาใจผู้หญิงไม่เคยถูกเลย ให้ตาย ชายหนุ่มว่าขัน ๆ แล้วตกลงกันเรื่องมรดกส่วนนี้กันว่าไง
ก็พี่แพมรับไปดูแลหมดแหละ เพราะคนที่ดูแลเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คือพี่แพม เธอตอบ เปิดประตูรถเอาสัมภาระวางเก็บไว้ที่เบาะหลัง ส่วนพี่มิ้งค์ได้ทีแซวพี่แพมว่า ที่พยายามจะยกให้พี่มิ้งค์ด้วย เพราะกลัวดูแลของมีค่าทางประวัติศาสตร์คนเดียวไม่ไหว แล้วก็ขอบคุณ ดร. เจติยะใหญ่ที่ไม่ได้ยกของส่วนนี้ให้ตัวเอง ก็มีความสุขกันไปละนะ
ที่จริงนายควรเป็นคนปิดคดีสิ ไหงกลายเป็นฉันที่ทำให้เรื่องมันเปลี่ยนแนวไปได้แทนล่ะ ชลทิชาบ่นแบบไม่จริงจังนักหลังเข้าประจำที่นั่งคนขับในรถยนต์ที่จอดเอาไว้ด้านหลังศาล กินแรงกันนี่
ประณตดึงประตูรถฝั่งข้างคนขับปิด และคาดเข็มขัดนิรภัย เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว... ความจริง ฉันไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วนี่ ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์นักหรอก คนที่แก้ปัญหาได้และควรจะได้ความดีความชอบคือเธอ
แต่นายเป็นคนแรกที่รู้ว่าพินัยกรรมฉบับที่ ดร. เจติยะให้พี่แพมกับพี่มิ้งค์มามันมีปัญหานี่ นายเป็นคนเอาสำเนานั่นให้ฉันอ่านเอง เธอแย้ง ก่อนหรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย หรือนายเตี๊ยมกับ ดร. เจติยะเอาไว้ก่อนแล้ว
จะบ้าเรอะ พูดเป็นนิยายไปได้ ฉันไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เขาว่า ฉันส่งสำเนาพินัยกรรมให้เธออ่าน ไม่ได้หมายความว่าฉันเห็นสิ่งผิดปกติแล้วถึงเอาให้เธอดูสักหน่อย
ทนายความสาวทำเสียงขลุกขลักในลำคอจะเถียงก็เถียงไม่ขึ้น ได้แต่ยกมือยอมแพ้ แม้จะไม่ค่อยเชื่อคำพูดดังกล่าวของเขานักก็ตาม
น่า... วันนี้ขอเคลียร์สำนวนก่อน แล้วพรุ่งนี้จะเลี้ยงข้าวเย็นชดเชย นายตำรวจหนุ่มว่า ห้าโมงครึ่งจะไปรับที่คอนโด อยากไปกินร้านไหน อยากกินอะไรว่ามาเลย ตกลงมั้ย
เธอเลิกคิ้วนิด ๆ มองหน้าเขาเหมือนหยั่งเชิงว่าพูดจริงหรือไม่ แล้วก็หัวเราะ เอาสิ คนอกหักสองคนไปกินข้าวด้วยกันเข้าท่าออก... นายน่ะยังดี แต่ฉันสิ ไปกินข้าวกับผู้ชายที่เคยหักอกตัวเองนี่มันตลกร้ายชะมัด
ก่อนหน้านี้ เธอเคยบอกชอบเขา แต่เขาปฏิเสธ และบอกเธอไปตามตรงว่า เขาคิดกับเธอแค่เพื่อน ด้วยลึก ๆ แล้วเขายังมีใครบางคนในใจ แม้จะเลิกรากันไปนานแล้วก็ตามที วันนั้นแม้จะยิ้มแย้มแจ่มใสแต่เขาก็ดูออกว่าเธอผิดหวัง หากในวันนี้ ไม่เหลืออารมณ์เดิม ๆ หลงเหลืออยู่อีกแล้ว
ตอนนี้นายไม่มีใครแล้วนา... ไม่คิดเปลี่ยนใจหรือใจอ่อนกับฉันบ้างเหรอ
เขาส่ายหน้า ไม่ละ ถ้าบอกชอบเพราะใจอ่อน สงสารก็ดูถูกเธอเกินไป
ถูกต้อง อย่าคบเพราะสงสาร เพราะมารู้ทีหลังแล้วมันเสียความรู้สึก... ให้มันได้อย่างงี้สิ ถึงเรียกว่ารู้ใจกันจริง เธอพยักหน้ารับหนักแน่น ฉันเองก็ไม่อยากเป็นเหมือนแอนโทนีนที่ไชคอฟสกี้ยอมแต่งงานด้วยความสงสาร เพราะกำลังอินกับการเขียนโอเปราเรื่องยูจีน โอเนกินตอนที่พระเอกหักอกนางเอกหรอก...
เขาเลิกคิ้วเหมือนไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดทำนองนี้จากเธอ ไหนว่าไม่รู้เรื่องดนตรีคลาสสิกไง
คืนนั้นได้ยินนายกับพวกพี่แพม พี่มิ้งค์พูดเรื่องไชคอฟสกี้กัน ฉันก็เลยไปค้นประวัติดูบ้าง ไม่อยากตกเทรนด์ เธอยิ้มยวน ๆ ก่อนเอียงศีรษะไปมาด้วยท่าทางเหมือนกำลังสงสัย อยากรู้จัง ทำไมนักดนตรีเก่ง ๆ ถึงชอบผู้หญิงอายุมากกว่ากันจัง อย่างไชคอฟสกี้ก็รักนาเด็ชดา ผู้หญิงที่อายุมากกว่าตัวเองหลายปี ส่วนนายก็รักพี่กานต์ฝังใจเหลือเกิน เลิกกันไปตั้งนานก็ยังไม่ยอมมีใหม่ซักที ตอนนี้เขามีแฟนใหม่ไปแล้ว ทำใจเถอะ เพื่อน
ประณตขมวดคิ้ว ถึงจะยอมรับว่าสิ่งที่เธอกล่าวนั้นถูกต้องแล้ว และไม่มีเหตุผลที่เขาควรต้องเคืองเธอเลย แต่เจอคำพูดอย่างนี้ เขาก็พูดอะไรไม่ออกไปเหมือนกัน
อาการนิ่งเงียบของเขาทำให้ชลทิชาเริ่มใจเสีย นึกได้ว่าเธอคงเผลอสะกิดจุดอ่อนเขาเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะ ณต... สงสัยว่าฉันไม่เหมาะจะเป็นแฟนนายจริง ๆ ด้วย
อือ... เป็นเพื่อนแหละดีแล้ว เขาว่า หากทำท่าจริงจังได้ครู่เดียวก็หัวเราะหึ ๆ จับศีรษะโคลงเบา ๆ ตามประสาสนิท อย่าทำหน้าจ๋อยอย่างงั้นสิ ฉันไม่ได้อ่อนไหวเท่าไชคอฟสกี้สักหน่อย แค่กลัวว่าถ้าเราเป็นแฟนกันจริง ๆ เราคงตีกันทุกวันแน่ ๆ
หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างโล่งอก ค่อยยังชั่ว... แต่ยังไงก็ต้องขอโทษนะที่แคร์ความรู้สึกนายน้อยไป
ไม่เป็นไร ชายหนุ่มยิ้มรับ เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ห้าโมงครึ่งเจอกันนะ
เปลี่ยนบรรยากาศไปกินอาหารจีนกันบ้างดีกว่าไหม เธอเสนอ ฉันเบื่ออาหารญี่ปุ่นกับเวียดนามแล้ว
เอาสิ เขาเห็นด้วย กินอะไรดีล่ะ... เยื่อไผ่น้ำแดง ยำแมงกะพรุนน้ำมันงา...
ดี ๆ เธอรับทันควัน ฉันอยากกินติ่มซำด้วย ขนมจีบปูลูกโต ๆ ฮะเก๋าใส่ไส้กุ้งแน่น ๆ แล้วก็ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊วเนื้อนุ่ม ๆ ใส่ขิงหอม ๆ...
ชายหนุ่มหน้าตื่นกับรายการอาหารยาวเหยียด ยกมือบอกให้หยุดพูดก่อน เฮ้ย แน่ใจเหรอว่ากินไหว
นายอยากถามว่าสั่งมาขนาดนี้นายจะมีตังค์พอเลี้ยงหรือเปล่ามากกว่ามั้ง เธอลากเสียงยาวอย่างรู้ทัน ถ้าเลี้ยงทั้งหมดไม่ไหว เอาแค่ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊วอย่างเดียวก็ได้ ไม่ได้ตัวคน ได้กินปลาแทนก็เอาแล้ว
ประโยคหลังที่เธอเอ่ยกับตัวเองขัน ๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของมิ่งมาลีที่ชมรมฟันดาบสากลโดยเปรียบเทียบเขาว่าเป็นเหมือนปลาหิมะเมื่อวันก่อนทำให้คนตัวสูงหันมามองแล้วทำเสียงหือเป็นเชิงถาม ตะกี้เธอว่าไงนะ
เปล๊า ชลทิชาหัวเราะร่วน โบกมือปฏิเสธ แต่ขึ้นเสียงสูงอย่างที่ใครฟังก็รู้ว่าเธอกำลังพูดไม่จริง
ประณตทำหน้าเหมือนยังสงสัย แต่ไม่ได้ซักเอาคำตอบอะไรเพิ่มเติมให้มากความ ส่วนเธอก็ถือโอกาสตัดบทด้วยการสตาร์ทรถ ถอยหลังออกจากที่จอด
อ้อ กินอาหารจีนเสร็จแล้ว ไปร้านชา หน้า ม. ต่อก่อนกลับนะ อันนี้ฉันเลี้ยงเอง เป็นการขอบคุณที่นายช่วยพี่แพมกับพี่มิ้งค์ เธอเสนอ เอื้อมมือไปอังข้างแก้มของเขาที่เอนหลังพิงพนักเหมือนคนอยากหลับเต็มที และโล่งใจขึ้นมาหน่อยที่พบว่าเขาแค่ง่วงนอน ไม่ใช่กลับไม่สบายขึ้นมาอีก ถ้าง่วงก็งีบสักหน่อยก็ได้ ฉันไม่กวนแล้ว แต่นายคงยังไม่เบื่อชาใช่ไหม
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบและหลับตาลง ไม่หรอก... ชาก็อร่อยดี แต่ถ้ามีพินัยกรรมแปลก ๆ มาพร้อมกับชาอย่างคราวนี้อีกละก็ ขอตัวทีเถอะ ไม่เอาแล้ว
==================== (จบ) ==========================
แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 52 02:49:42
แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 52 02:42:21
แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 52 02:32:38
แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 52 01:19:30