Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    คุณค่าของความเป็นคน

    คุณอนันต์  พุทธรักษา

    เปิดทีวีเจอรายการ ...ยิ้มสู้..   พาไปพะเยาเพื่อสัมภาษณ์...คุณอนันต์   พุทธรักษา     พิการทางกายเนื่องจากไม่สบายตอนอายุ 4 ขวบและหมอที่รักษาฉีดยาถูกเส้นประสาททำให้เดินไม่ได้แต่นั้นมา       สิ่งที่เขารู้สึก คือ เหงา เพราะไม่มีเพื่อน    แต่เขาไม่เคยโทษโชคชะตาหรือโกรธพาลสังคม....เขาไม่ได้ไปโรงเรียน..จนอายุ  21   จึงได้ไปเรียนที่โรงเรียนหยาดฝนที่เชียงใหม่    โดยเลือกเรียนศิลปะการวาดภาพตามที่ใจชอบ      เมื่อกลับมาบ้านเขาใช้ความรู้ด้านศิลปะนั้นมาฝึกหัดการแกะสลักไม้ด้วยตนเอง    จนสามารถแกะสลักไม้เป็นชิ้นงานต่างๆเพื่อขายหารายได้เลี้ยงพ่อแม่และตัวเอง     ไม่เพียงเท่านั้น....  เขายังมีจิตใจอารีพอที่จะสอนให้กลุ่มแม่บ้านหัดทำโคมไฟไม้และเครื่องใช้แบบง่ายๆเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วย        

    เราดูแล้วนึกถึงคนมือเท้าดี...ที่ไม่รู้จักทำมาหากิน ...ทำตัวเป็นอันธพาล  นึกถึงลูกอกตัญญูที่ตีพ่อตีแม่ ..... นึกถึงแก๊งค์โจรที่ปล้นชิงชาวบ้าน .... นึกถึงคนรวยที่รู้จักแต่การกอบโกยและเอาเปรียบคนจน       อยากให้คนในสังคมช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอแบบนี้....  ถ้าสังคมเรามีแต่คนจิตใจดีแบบคุณอนันต์คนนี้ก็คงจะดีสินะ


    ชีวิตที่มีค่า

    โฆษณาทางโทรทัศน์เรื่องหนึ่งสะกดเราให้นิ่งดูจนจบ     คนเป็นมะเร็งใกล้ตายกับเวลาที่เหลือ......โชคดีที่มีอะไร(ดีๆ)ให้ทำอีกเยอะ      ชีวิตมีค่า...เมื่อเรารู้จักทำตัวให้มีค่าและทำให้คนอื่นมีค่าด้วย      คนเรามองความมีคุณค่าของคนที่ตรงไหน ?     หลายคนมองที่ว่าคนๆนั้นเป็นใคร....พ่อแม่ชื่ออะไร....ทำงานประเภทไหน..ตำแหน่งอะไร....ขับรถยี่ห้อไหน...บ้านหลังละกี่ล้าน....มีเงินมากเท่าไหร่ ?         เราจึงไม่เข้าใจ..... ที่ได้ยินว่านักศึกษาบางคนยอมทำงานไซด์ไลน์เพียงเพื่อให้ได้กระเป๋าแบรนด์เนม   รถยนต์หรือคอนโดหรู        นึกไม่ออกว่าทำไมผู้หญิงบางคนต้องยอมทำงานขายบริการหรือหาเสี่ยเลี้ยงเพื่อที่จะได้มีเงินไว้ผ่อนบ้านหลังใหญ่    มีเงินไว้เที่ยวเมืองนอกหรือซื้อของแพงๆใช้     แล้วทำไมพนักงานที่สุวรรณภูมิต้องขโมยของในกระเป๋าผู้โดยสารตั้งมากมายเพียงข้ออ้างที่ว่าเงินไม่พอใช้        กับแค่สร้อยคอทองคำเส้นเดียวทำไมต้องถึงกับฆ่ากัน            ทำไม ?   คนเราถึงได้ให้ความสำคัญกับวัตถุสิ่งของมากเสียยิ่งกว่าคุณค่าในจิตใจตัวเอง.....ทำไม ?


    ผู้เสียสละ

    ดูรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง      เขาเอาภาพโรงเรียนบนเขาที่สูงแสนสูงที่เมืองจีนมาให้ดู      มีโรงเรียนอยู่โรงเรียนเดียว    มีครูอยู่คนเดียว      เด็กนักเรียนต้องใช้เวลากว่า  5  ชั่วโมงเพื่อจะเดินทางข้ามเขาไปถึงโรงเรียน     ครูที่อยู่มา 20   กว่าปี     เคยคิดจะลาออกแต่พ่อแม่ของเด็กพากันเดินเท้าปีนป่ายภูเขาเพื่อมาขอร้องให้คุณครูอยู่ต่อไป    ไม่อย่างนั้นแล้วลูกหลานพวกเขาจะไม่มีที่ให้เรียนหนังสือได้เลย       ถ้าเป็นเรา...เราจะยอมอยู่ต่อไปมั้ย ?     ครูคนนั้นคิดอย่างไรถึงไม่เลือกความสุขสบายส่วนตัว ?    นี่คือความหมายของคำว่า...เสียสละ .... ใช่หรือไม่ ?

    ตอนเรายังเด็กๆอยู่    ตามอาม่าไปตลาด....เราเคยเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง....แต่งชุดทหาร   ขาขาดข้างหนึ่ง ....  เขาใช้ไม้เท้าพยุงเดิน   ไหว้แม่ค้าในตลาดพร้อมเล่าเรื่องราวการเป็นทหารจนกระทั่งพิการของเขา      หลายคนซักถามและให้เงินทองตามแต่จะให้ได้     ดูจากลักษณะแล้ว   เราเชื่อว่าเขาต้องเคยเป็นทหารมาจริง ..... คนที่ไม่ได้มีความจำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อเลี้ยงครอบครัว    คงไม่ทำแบบนี้       ทหารที่เป็นรั้วของชาติปกป้องบ้านเมืองให้เราอยู่สุขสบาย....ยามที่เขาลำบากกลับไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือดูแลหรือ ?      ชุดทหารที่เขาสวมใส่อาจเป็นความภาคภูมิใจเดียวที่เขาเหลืออยู่ก็เป็นได้


    การได้รับการยอมรับ

    บารัก  โอบลามา    ได้รับตำแหน่งผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกา     เราไม่ได้สนใจเพราะว่าเศรษฐกิจทั่วโลกฝากความหวังไว้กับเขา   แต่สิ่งที่เราสนใจ คือ  เขาเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกา     ภาพข่าวที่ประชาชนชาวผิวสีหลั่งน้ำตาด้วยความปิติ...เราเชื่อว่ามันไม่ใช่ความยินดีที่โอบลามาชนะ   ไม่ใช่เพราะพรรคชนะ.....ไม่ใช่ชัยชนะของชาวผิวสี    แต่เป็นความยินดีที่คนผิวสีเป็นที่ยอมรับของชาวอเมริกันทั้งประเทศต่างหาก  

    คนผิวสีในสมัยก่อนสืบเชื้อสายมาจากชาวแอฟริกันซึ่งถูกจับมาขายเป็นทาส    การถูกทารุณ   ถูกกดขี่   ใช้แรงงานราวกับไม่ใช่มนุษย์จากชนที่ถือว่าตนเจริญกว่านั้น    เป็นความขมขื่นระดับเผ่าพันธุ์เลยทีเดียว     แม้ในสมัยที่มีการประกาศอิสรภาพแล้ว....ก็ยังมีการเหยียดสีผิวกันอยู่       แต่ตอนนี้เสรีภาพและความเท่าเทียมกันในสังคมอเมริกากำลังถูกประกาศอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการยอมรับบารัก  โอบลามา  เป็นประธานาธิบดีด้วยคะแนนท่วมท้น     เป็นการยอมรับความต่างอย่างเป็นทางการของผู้คนในสังคมที่ป่าวประกาศเรื่องเสรีภาพมานานแสนนาน


    พิการทางกาย  ไม่สู้   พิการทางใจ

    เราเคยอ่านหนังสือ...ไม่ครบห้า...ของชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง     ชีวิตจริงของเขากับร่างกายที่พิการมาแต่เกิด     พ่อแม่..เพื่อน..ครู  แม้แต่คนในชุมชน   ต่างให้ความเกื้อกูลเขา    ไม่ใช่เพราะความสงสารแต่เป็นเพราะคนพวกนั้นยอมรับในคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเขาต่างหาก    

    คอนเสิร์ตเพลงแบบประภาส.....นักร้องที่ร้องเพลง...ต้นชบากับคนตาบอด   เป็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งพิการทางสายตา   แต่เสียงของเธอนับว่าเป็นพรที่สวรรค์ประทานให้      เสียงปรบมือกึกก้องนั้นทำให้เรารับรู้ว่าสังคมไทยยังคงยอมรับคนอื่นที่คุณค่าของตัวเขาเอง....หาใช่รูปลักษณ์ภายนอกไม่

    เราเคยเจอคนขายล็อตเตอรี่ซึ่งขาลีบจนต้องใช้มือต่างเท้า  .....  เราไม่ได้เป็นคนชอบการเล่นหวยรวยเบอร์    แต่วันนั้นเรายอมจ่ายเงินซื้อล็อตเตอรี่จากเขา 1 ใบ       พร้อมกับบอกเขาว่าไม่ได้ซื้อเพราะสงสารแต่ซื้อเพราะเห็นแก่ที่คุณเป็นคนรู้จักสู้ชีวิตด้วยการทำมาหากินสุจริต      เราเห็นเขายิ้ม....เราคิดว่าเขาคงจะภูมิใจในตัวเองไม่น้อย

    อ่านข่าวที่ลูก 4 คนทอดทิ้งแม่อายุ 70 ที่พิการเดินไม่ได้ไว้ข้างถนนกับหมาตัวหนึ่ง     แม่คนเดียวเลี้ยงลูก 4 คนได้แต่ลูก 4 คนเลี้ยงแม่คนเดียวไม่ได้    มันทำให้เรานึกถึงคำโบราณที่ว่า...เลี้ยงลูกแบบนี้สู้เลี้ยงหมายังไม่ได้เลย   เพราะยังไงหมามันเห็นเจ้าของก็ยังรู้จักกระดิกหาง    คงไม่ต้องบอกว่ามีคนแสดงความคิดเห็นสาปแช่งลูกทรพีพวกนั้นอย่างไร

    เจอบทความในนิตยสาร    ที่ว่าชายสติเลอะเลือนคนหนึ่งถูกทอดทิ้งให้อยู่สถานสงเคราะห์โดยไม่มีใครมาเหลียวแล       ทั้งที่ความจริงเขาเคยเป็นผู้นำครอบครัวที่ทำรายได้มากมายเพื่อดูแลทุกคนในบ้าน     แต่วันที่เขาล้มป่วยจนพิการทางสมอง      เขากลับกลายเป็นขยะที่ไม่มีใครรอบข้างต้องการ      ความทรงจำที่พอมีเหลือให้ปวดร้าวในยามที่พอจะระลึกได้.....มีแค่ลูกสาวคนเดียวของเขาเท่านั้น

    เคยอ่านเรื่องของคุณยายท่านหนึ่ง    ที่มีลูกชายคนเดียวที่แกรักเหลือเกิน    แก่ตัวลงสามีคู่ทุกข์คู่ยากก็ล้มหายตายจากไป      เมื่อไม่มีใคร...ทำให้ต้องมาอาศัยอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้     ซึ่งตั้งแง่รังเกียจแม่ที่กำลังแก่ชราว่าไร้การศึกษา  บ้านนอกด้วยการพร่ำบ่นต่างๆนานา    แต่แม่ก็ไม่เคยโต้ตอบอะไรนอกจากช่วยทำงานบ้านไปตามกำลัง     วันหนึ่ง...แม่คนนี้ก็ถูกนำตัวไปปล่อยไว้บ้านพักคนชราอย่างไม่มีเยื่อใย       ยายได้แต่แอบร้องไห้  คิดถึงลูก  คิดถึงหลาน      แล้วอยู่ดีๆ...วันหนึ่งลูกชายก็มารับยายกลับบ้าน      ยายดีใจอยู่เงียบๆที่ลูกยังนึกถึง   และน่าจะดีใจต่อไป       ถ้าไม่ใช่เพราะ...คืนนั้นยายแอบได้ยินลูกสะใภ้ต่อว่าลูกชายว่าไปรับแม่กลับมาทำไม  ......   ก็วันก่อนขโมยขึ้นบ้าน   อย่างน้อยถ้ามีคนอยู่ก็ยังดีกว่า    ถ้าแม่อยู่บ้านก็จะได้ไม่ต้องเลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้านไง         ลองคิดดูสิว่าใจของคนเป็นแม่จะสลายแค่ไหน          แม่ที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิด  ดูแล  เอาใจใส่  พร่ำสอน  ส่งเสียให้เรียนหนังสือ   จนได้ทำงานดีมีเกียรติ  มีหน้ามีตาในสังคม    แล้วสิ่งที่เขาตอบแทนแม่เขาล่ะ ?         บ้านช่องหรือทรัพย์สินที่เขาครอบครองยังมีค่ากว่าแม่ที่แก่เฒ่าคนหนึ่งอีกหรือ ?


    คุณค่า...ความเป็นคน

    ไม่ได้เป็นนักสิทธิมนุษยชน.....ไม่ได้เป็นนักเทศน์นักธรรม      แต่เชื่อเหลือเกินว่า ....... คนเราแต่ละคนควรจะได้ตระหนักในคุณค่าของตัวเอง      และพยายามนำพาให้ตนไปสู่ความเจริญของชีวิตและคนรอบข้างด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมไม่ใช่การร่ำรวยแต่เพียงวัตถุ       อยากเห็นว่าสังคมเรายังคงโอบอุ้ม..ให้ความเข้าใจและสนับสนุนผู้ที่ด้อยกว่าไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือโอกาส          มั่นใจว่าถ้าเราเสียสละอะไรบางอย่าง....หรือละความเห็นแก่ตัวลงบ้างแล้วจะทำให้คนอื่นอยู่ได้อย่างมีความสุขมากขึ้น...สุดท้ายแล้วความสุขนั้นก็จะบังเกิดแก่ตัวเราเป็นแน่แท้      มนุษย์เป็นสัตว์สังคม....ฉนั้น....การให้เกียรติผู้อื่นก็เท่ากับการให้เกียรติตัวเอง ......การเคารพผู้อื่น   ก็เสมือนการเคารพตัวเราเอง     และยิ่งเราให้คุณค่ากับผู้อื่น....ก็ยิ่งเท่ากับการยอมรับในคุณค่าความเป็นคนของตัวเราเองด้วยเหมือนกัน

    จากคุณ : สร้อยสยาม - [ 29 มิ.ย. 52 21:18:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com