Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ความเป็นไป

    .
             เมฆขาวก้อนหนึ่งขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ลอยสูงจากพื้นดินราวห้าพันเมตร บนนั้นมีกระท่อมหลังเล็กหลังหนึ่งภายในมีแค่ที่นอนกับโต๊ะเขียนหนังสือเล็กๆ ซึ่งบนเมฆขาวก้อนนี้ก็มีสิ่งก่อสร้างอยู่เพียงแค่นั้น พื้นของปุยเมฆขาวให้ความรู้สึกนุ่มเท้าเมื่อได้สัมผัส ทิวทัศน์รอบด้านงดงาม เมื่อมองไปรอบๆก็จะเห็นเมฆรูปทรงต่างๆกัน ชวนให้เกิดจินตนาการอย่างไม่รู้จบ ในตอนกลางวันจะเห็นแสงจากพระอาทิตย์ฉายลำแสงส่องกระทบไปยังผิวโลกเป็นภาพที่ชวนเพลินตา ยามค่ำคืนก็จะเห็นดวงจันทร์กลมโต และหมู่ดาวระยิบระยับดุจประกายเพชรประดับอยู่บนท้องฟ้า บางครั้งก็เห็นดาวตกส่องประกายแสงเป็นทางยาวบนท้องฟ้าวิ่งฝ่าทะลุก้อนเมฆที่อยู่ไกลออกไป

             บริเวณขอบก้อนเมฆขาวมีกล้องส่องทางไกลขนาดใหญ่อันหนึ่งตั้งอยู่บนฐานเหล็กแข็งแรง กล้องส่องทางไกลนี้มีเลนส์พิเศษ สามารถปรับซูมย่อขยายได้หลายล้านเท่า  ใช้ส่องไปยังที่ใกล้ไกลได้ตามใจปรารถนา  

             บนเมฆมีเทวดาฝึกหัดตนหนึ่ง นามว่านที เขาอาศัยอยู่บนเมฆขาวนี้มาได้สิบปีแล้ว งานของเขาคือสอดส่องความเป็นไปของมนุษย์โลกเบื้องล่าง และจดบันทึกสิ่งที่เขาเห็นไว้รายงานเมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ เขาล่องลอยเดินทางกับเมฆก้อนนี้ไปทั่วทุกมุมโลก และจดบันทึกสิ่งที่เขาเห็นไว้อย่างละเอียด และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะทำหน้าที่นี้

             ณ ปลายขอบเมฆขาวบริเวณกล้องส่องทางไกล นทียืนถือสมุดรายงานของเขา รอการมาของหัวหน้าเทวดา ไม่นานนักเขาเห็นลำแสงสีขาวพุ่งมาจากทางทิศตะวันออกด้วยความเร็วสูง และพุ่งใส่ก้อนเมฆขาว ตรงบริเวณที่ไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่นัก เกิดหมอกควันสีขาวขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อหมอกควันจางลง ผู้ที่เดินออกมาจากหมอกควันสีขาวนั้น ก็คือหัวหน้าเทวดานั่นเอง

             “สวัสดีครับท่าน” นที ยกมือไหว้หัวหน้าเทวดา

             “ว่าไงไม่ได้เจอกันสิบปีสบายดีไหม คุณนที” หัวหน้าเทวดาเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง

             “สบายดีครับท่าน นี่สมุดบันทึกครับท่าน” นทียื่นสมุดบันทึกขนาดใหญ่ให้หัวหน้าเทวดา หัวหน้าเทวดารับมาพลิกดูหน้าสองสามหน้าก็ปิดสมุดลงตามเดิม

             “จดได้ละเอียดดีทีเดียว เดี๋ยวผมจะนำไปอ่านต่อทีหลังนะ ตอนนี้ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนผมหน่อย” หัวหน้าเทวดาชวน

             "ครับท่าน" เขาและหัวหน้าเทวดาจึงออกเดินเล่นเราะไปตามชายขอบก้อนเมฆด้วยกัน

             “ศีลธรรมของพวกมนุษย์ตอนนี้เป็นยังไงบ้างไหนเล่าให้ผมฟังหน่อยซิ คุณนที” หัวหน้าเทวดาถามเขาสายตาทอดมองไปยังโลกมนุษย์เบื้องล่าง

             “เสื่อมทรามลงมากเชียวครับท่าน” เขาตอบ “มนุษย์ยุคนี้ไร้ซึ่งหิริโอตตัปปะ ทำกรรมชั่วได้อย่างหน้าตาเฉย บางพวกศีลห้าข้อมีอะไรบ้างพวกเขายังจำกันไม่ได้กันเลยครับท่าน”

             “อืม น่าเวทนานัก” หัวหน้าเทวดาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ถ้ามนุษย์เหล่าใดขาดซึ่งหิริโอตตัปปะ โอกาสที่เขาจะได้มาเป็นสหายกับพวกเราก็ไม่มีทางเป็นไปได้ มีแต่ปากทางแห่งนรกเท่านั้นที่จะเปิดรอรับพวกเขา” นทีกับหัวหน้ายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ

             “และความเป็นอยู่ของพวกเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ” หัวหน้าเทวดาถามต่อ

             “ลำบากมากเชียวครับท่าน ส่วนมากปากกัดตีนถีบกันทั้งนั้น วัตถุนิยมกำลังกลืนกินวิถีชีวิตของพวกเขาไปทุกขณะ ทำงานหาเงินมาได้เท่าไหร่ก็เอาไปให้พ่อค้าวาณิชหมด ใช้สอยฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ถ้าหากเพียงแต่พวกเขามีสติกว่านี้หน่อย รู้เท่าทันกิเลสตน ก็ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของนักการตลาดที่คิดค้นกลยุทธ์ต่างๆนาๆมาดึงเงินในกระเป๋า ชีวิตพวกเขาก็จะเหนื่อยน้อยลงกว่านี้อีกเยอะเลยครับท่าน”

             “อืม น่าเห็นใจ สมัยนี้สิ่งล่อลวงมันเยอะ มนุษย์ผู้มีปัญญาเท่านั้นแหละถึงจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างปกติสุข”

             “และพวกที่ถือศีล ปฏิบัติธรรมยังมีอยู่บ้างไหมล่ะ”

             “มีน้อยมากครับท่าน ส่วนมากประมาทมัวเมา หลงเพลินไปกับโลก กระทำตนอย่างกับชีวิตตนเองยาวนานเป็นอนันตกาล บ้างก็มัวเมาในการท่องเที่ยวยามราตรี ผับบาร์เปิดกันเกลื่อนเมือง เปิดเพลงเสียงดัง ดื่มน้ำเมาเต้นส่ายหัวไปอย่างกับคนเสียสติ บางพวกบ้ากามก็เที่ยวซ่องเข้าออกอาบอบนวดเป็นว่าเล่น พวกมนุษย์ผู้หญิงส่วนใหญ่บ้าสินค้าแบรนด์เนม บ้าดารา บ้านักร้อง เป็นต้น พวกที่เข้าวัดก็พอจะมีอยู่บ้างครับ แต่ส่วนมากเป็นพวกถือมงคลตื่นข่าว ไม่สนใจศึกษาธรรมะ หาโชคลาภกันอย่างเดียว ส่วนพวกที่ศึกษาปฏิบัติธรรมเพื่อหาสาระแก่นสารในชีวิตมีน้อยจนแทบจะไม่มีนัยยะเลยครับท่าน”

             “มนุษย์ยุคนี้น่าสงสารมากทีเดียว” หัวหน้าเทวดากล่าว “พวกที่ประมาทจะสำนึกก็ต่อเมื่อความตายได้เข้ามาถึงตนแล้วเท่านั้น แต่เมื่อถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว มีน้อยเท่าน้อยที่จะได้มาอุบัติเป็นเทวดาอย่างพวกเรา ส่วนมากไปอบายภูมิกันเกือบหมด”

             นทีกับหัวหน้าเทวดายังคงเดินเล่นไปอีกซักพักใหญ่ เวลานี้ดวงอาทิตย์ได้เลือนหายลับขอบโลกไปแล้ว พระจันทร์สีนวลปรากฏขึ้นมาแทนมาที่ ดวงดาวค่อยๆ ส่องประกายระยิบระยับเต็มท้องฟ้า

             “ผมขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยคุณนที คุณผ่านการฝึกแล้ว” หัวหน้าเทวดาใช้ฝ่ามือตบไหล่เขาเบาๆ

             “หรอครับท่าน ขอบคุณมากครับ” นทียกมือไหว้ของคุณหัวหน้าเทวดา

             “สิบปีที่ผ่านมาคุณคงเห็นความจริงของโลกมนุษย์เยอะแยะเลยสินะ”

             “ครับท่าน นับเป็นโชควาสนาของผมที่ตอนเป็นมนุษย์ผมมิได้ประมาทมัวเมา จึงได้มาอุบัติเป็นเทวดารอดพ้นจากอบายภูมิไปได้”

             “อืม นั่นเป็นสิ่งที่เทวดาฝึกหัดต้องเรียนรู้ เพื่อเป็นการปลูกฝังคุณธรรมความดีเข้าสู่จิตใจ เมื่อคุณเห็นการกระทำชั่วและรับรู้ถึงผลของมันด้วยตาของคุณเอง คุณจะไม่กล้ากระทำกรรมชั่วเป็นอันขาด ครั้งคุณหมดบุญจุติจากเทวดาไปสู่โลกมนุษย์อีกครั้งคุณจะได้เป็นผู้นำในทางแห่งความดี และกระทำตนเป็นแบบอย่างแก่มนุษย์โลกคนอื่นๆ ต่อไป”

             “เดี๋ยวผมจะพาคุณไปยังวิมานของคุณ ตอนนี้ได้เวลาเสวยผลบุญของคุณแล้ว และที่นี่จะมีเทวดาฝึกหัดตนใหม่มารับหน้าที่แทนคุณต่อไปอีกสิบปี”

             .

             .

             .

             ลำแสงสีขาวสองเส้นพุ่งไปยังก้อนเมฆก้อนหนึ่งที่อยู่สูงขึ้นไปทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วสูง



             จบ



             (มือใหม่หัดเขียนอ่านจบแล้วช่วยแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ)



             งานเขียนก่อนหน้านี้

             มีดที่ 13 - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8023437/W8023437.html

    จากคุณ : Kengmanny - [ 30 มิ.ย. 52 01:25:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com