http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8028418/W8028418.html
บทที่ 10
หญิงสาวจับต้นชนปลายไม่ถูก เธอคิดว่าสมองหมุนวนเป็นวงกลมอยู่ในกรวยใหญ่
เสียงด่าของเจ้านายหนุ่ม สูงๆ ต่ำๆ ตามพื้นอารมณ์ที่โคลงเคลงรุนแรง เขาด่าอะไรนะ.. เธอ.. เอ้อ..
"ดูไม่ออกจริงๆ ว่าสาวกระโดกกระเดกอย่างเธอ จะร้อยจริตเป็น ต่อหน้าฉันล่ะ ทำเป็นซื่อใสไร้สมอง พอกับชายอื่น ทิ้งสะพานทอดถนน ไม่ทันไรเลย ก็มีผู้ชายแร่มาขอ.. "
เขากระแอมเหมือนสำลักอารมณ์พาลของตัวเอง แล้วถลึงตาดุร้ายใส่เธออีกยก นิ้วก็ขยันยกขึ้นชี้หน้า
เดี๋ยวก็ยกขึ้น เดี๋ยวก็เอาลงอยู่อย่างนั้นล่ะ ปากก็กระแนะกระแหนไม่ยอมหยุดว่า
"เธอร้ายนะ ฉันให้ค่าจ้างเธอสูงไปแล้วล่ะ แล้วนายรุ่งนั่นน่ะ มีดีกว่าฉันตรงไหน ทำไมเธออยากไปทำงานกับเขา เป็นภรรยาฉันมันน่าเบื่อมากงั้นหรือ พูดสิ.. จะฟังอย่างเดียวหรือไง"
"เดี๋ยวค่ะ น้องไม่เข้าใจ"
เธอยกมือปางห้ามญาติ เกือบหัวเราะกับเสียงตะคอกตอนท้ายเข้าให้แล้ว
เอ.. จะทะเลาะกัน ก็ต้องมีเหตุผลบ้างนา หรือจะด่าก็ต้องมีมูลเหตุ
เธออยากลาโลกใบนี้ไปก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะอยู่ต่อไปอีกสิบห้าวัน เพื่อให้ใครมาด่าตามใจชอบได้
"มีอะไรไม่เข้าใจ"
เขาคำรามมากกว่าถาม
"ฟังไม่ชัดหรือไง ให้ฉันตะโกนไหม"
ร่างสูงผลุงขึ้นยืน แล้วตะเบ็งเสียงหน้าแดงเลย
"ฉันบอกว่านายรุ่งมาที่บริษัท มาบอกว่าชอบความคิดแปลกของเธอ ชอบเธอ อยากได้เธอไปช่วยงานในโครงการห้างใหม่ ชัดหรือยัง"
"ยังค่ะ ดังกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรือคะ เราอยู่ใกล้กันจะตาย"
"น้อง"
เด็กคนนี้นี่.. ทำไมประชดประชันอะไรไม่ได้ความ เธอทำให้เขาโกรธมากขึ้นนะ เธอเห็นมือเขาไหม มันสั่นร้อนไปหมด
แล้วเมื่อกี้นี้ก็เหมือนกัน เขาเห็นชัดๆ ว่าเธอชะโงกหน้าลงไป เธอเห็นว่าเขาลงจากรถ
เห็นว่าน้องบัวรีบวิ่งมากอดแขน แต่ทำไมยังยืนเฉยปัญญาอ่อน ไม่รู้จักรีบลงไปทำหน้าที่
บ้าจริงๆ แล้วนี่ก็ยังมายั่วอารมณ์
"คุณอดิเรกต้องรับผิดชอบเรื่องนี้จริงๆ แล้วล่ะ"
สุดท้ายเขาก็ตัดบทด้วยเสียงต่ำลึก
"เธอทำงานไม่ได้ดั่งใจเลย แค่สองวัน ก็ทำให้ฉันปวดหัวได้ถึงขนาดนี้ เอาล่ะ เก็บข้าวของที่มันเป็นของเธอ รวมทั้งไอ้สร้อยเพชรนั่นด้วย แล้วไปได้ ถือว่าฉันยกเลิกการว่าจ้าง"
"อะ.. อะไรนะคะเจ้านาย"
สาวตาใสลุกพรวด ใจหล่นตุบลงกระแทกกับพรม ขาสั่นมือเย็น
"ฉันบอกว่ายกเลิกการว่าจ้าง แล้วพรุ่งนี้ ฉันจะจัดการปลดคุณอดิเรกออกจากการเป็นพนักงาน โทษฐานที่พาเด็กประสาทเสียเข้าไปอาศัยในบ้านพักพนักงานโดยไม่ได้รับอนุญาต"
ตายล่ะ ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ
อดิเรกเปรียบเสมือนพี่ชาย และมีบุญคุณต่อเธอมาก จะให้เขามารับเคราะห์เพราะน้ำใจงามได้ยังไง
"พี่บีคะ"
เธอรีบโผตามไปยื้อยุดร่างสูง แล้วลากออกมาให้ห่างประตู รีบอ้อนวอนเสียงละห้อยว่า
"อย่ารุนแรงอย่างนั้นเลยค่ะ น้อง.. น้องขอโทษค่ะ กราบก็ได้ค่ะ"
เธอรีบคุกเข่าจะก้มกราบ แต่เขากลับพาปลายเท้าหลีกพ้นไม่สนใจ มองทิศทางก็รู้ว่าจะกลับไปหาประตูอีกหน
เธอก็ไม่ยอมล่ะ ต้องทำทุกวิถีทางให้เขายอมยกโทษ
ตายแล้ว ทำไมอารมณ์เขาสูงต่ำพรวดพราดแบบนี้ เธอตั้งตัวไม่ทันเลยนะ
แต่ก็ไม่รู้ล่ะ ปัญหานั้นค่อยคิด เอาพลังทั้งตัวกอดรัดเขาไว้ดีกว่า อย่าให้เขาออกไป จนกว่าจะเอ่ยปากยกโทษ
กอดอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องอ้อนด้วย
"เจ้านาย.. พี่บี.. คุณใบปัทม์สุดหล่อ.. เอ้อ.. คุณนักธุรกิจมาดเท่.. เอ้อ.. อ้อ.. อันนี้ค่ะ คุณสามีที่น่ารัก"
"อืม ใช้ได้ อย่างหลังนี่น่าฟัง"
อ้าว.. เธอตาค้าง ตะลึงงันกับรอยยิ้มกว้างบนกรอบหน้าอารมณ์ดี กระทั่งลืมปล่อยแขน
เธอยังกอดเขา กอดแน่น.. ประตูก็เปิดได้เองโดยที่เขายังอยู่ในอ้อมกอดแน่นของเธอ
สโรชาชะงักเท้ากับภาพภรรยาฉอเลาะ หล่อนกระแอมเบาๆ เพื่อให้ชายหนุ่มรีบผละห่างออกมา
แต่กลับกลายเป็นว่าใบปัทม์ทำเหมือนไม่ได้ยิน และไม่เห็นว่าหล่อนเข้ามา
เขาโน้มหน้าลงจุมพิตภรรยาเหมือนคนอดข้าวหลายวัน
อุ๊ย.. รุนภรรยาตัวเล็กไปล้มหงายบนเตียงด้วย
สุดท้าย.. ประตูก็ปิดได้เอง โดยที่สามีภรรยายังนอนกอดก่ายทอดทับกันอย่างวาบหวาม.. บนเตียง
"ทำไมยั่วฉัน เดี๋ยวฉันเกิดอารมณ์ ทำอะไรที่นอกเหนือจากงาน แล้วเธอจะ.. "
"นี่ยังไม่เกิดหรือคะ พี่บีนอนทับน้องอยู่นะคะ เมื่อกี้ก็จูบน้องด้วย คุณบัวออกไปแล้วนะคะ ประตูก็ปิดแล้ว ปล่อยน้องได้หรือยัง"
"ปล่อย.. แล้วเธอจะไปหานายรุ่งหรือเปล่า บอกซิ"
กระแสเสียงนั้น นุ่มลึกจนคนฟังอดวาบหวามประหลาดไม่ได้
กายหนักหน่วงที่ทอดทับขยับไม่ค่อยเป็นจังหวะนัก
หากแต่ทุกคราที่เรือนร่างเสียดสีกัน ทุกอณูเนื้อบดเบียดเคล้าคลึงกัน
เธอรู้สึกร้อนระคนซาบซ่าน มันเหมือนกับคลื่นปรอทแล่นปราดเปรียวแทรกปนเข้าไปในโลหิตทุกหยด
ไม่รู้สิ.. อธิบายความรู้สึกนั้นไม่ถูก
"อย่าเงียบ"
ลมหายใจร้อนผ่าวพรมลงในซอกคอ ขณะได้ยินเสียงแหบพร่าคาดคั้น
แผ่นหลังร้อนถูกสอดยกขึ้นด้วยท่อนแขน พาทรวงอกอิ่มขึ้นไปทักทายแผงอกกำยำ
ยิ่งเธอหายใจแรงถี่ แผงอกกำยำก็ยิ่งตอบสนองกดหนักลงมาคลอเคล้า
โอ.. มือเขาเริ่มซนแล้ว กระแสร้อนเริ่มจากเอว สูงขึ้นมาจนกระทบเนื้ออิ่มนุ่มละมุน
มันคือเนื้อแท้ใต้อาภรณ์สวยที่เธอมักบ่นว่าสวมแล้วอึดอัดหากยามนี้เล่า..
มันคับตึงเกินไปแล้วล่ะ เธออยากถอดมันทิ้ง
"พี่บี"
เสียงครางนั้นหวิวหวั่นคล้ายสะอื้น เธอยืดคอห่อไหล่
รู้สึกสะท้านกระสันกับจุมพิตเย้าหยอกที่ไต่ขึ้นตามลำคอจรดถึงปลายคาง
แล้วจากนั้น.. เรียวปากจิ้มลิ้มก็หมดอิสรภาพ มันถูกรุกรานด้วยจุมพิตเร่าร้อน
ลิ้นปราดเปรียวของเจ้านายหนุ่มเชิญชวนให้เธอตอบสนอง เขาแทรกผ่านเข้ามา
ดูดกลืนลิ้นระทวยไว้อย่างตื่นเต้น
โอ.. นี่มันไม่ใช่งานประจำใช่ไหม มันคืออะไร หรือว่า.. งานล่วงเวลา
"ช่วยด้วย"
เสียงครางหวิวคล้ายสะอื้นแผ่วอยู่ในแผงอกชื้น
"กำลังช่วย"
เธอกระแอมไออยู่ในอ้อมกอดเร่าร้อน ใช่.. เธออยากเรียกอย่างนั้น เธอรู้สึกอย่างนั้นด้วย
เร่าร้อนแกมปรารถนา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ปรารถนา
เสียงกระเส่าของเจ้านายหนุ่ม คล้ายมนตร์ประหลาดที่สามารถสะกดเธอมิให้หลีกหลบละอองสีชมพู
มันหย่อนลงเป็นริ้ววับวาวจากฟ้า เธอแลเห็นมันทุกคราที่จุมพิตนาบลงฝังเนื้อผุดผ่อง
แลเห็นมันชัดขึ้น ยามทรวงสวยพลัดหายเข้าไปในอุ้งมือร้อนชื้น
แลเห็นอย่างร้าวราน ยามเรือนกายสั่นไหวตามแรงบดเบียดกระชั้นถี่
โอ.. ทำไมเจ็บปวดร้าวรานใจแทบขาด ทรมานจัง.. เหมือนโดนขึงพืดตากแดดยามเที่ยง
โอ.. ร้อน.. ร้อนเหลือเกิน..
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นกะทันหัน..
เสียงนั้นเปรียบเสมือนกระแสน้ำอันเย็นชุ่ม และช่วยปัดเป่าไอร้อนให้สร่างลง สายสวาทจำต้องยุติปุบปับ
แหม.. สาวกะโปโลโป๊เร้าใจอีกแล้ว ตอนเธอลุกมานั่งโงนเงน ทรวงอิ่มก็โผล่วับแวมพ้นสาบเสื้อ
เจ้านายหนุ่มกลืนน้ำลาย ขณะตรึงแสงคมเจือหม่นอย่างเผลอไผล แล้วค่อยฉุกใจคิด
เอ๊ะ.. เขาปลดกระดุมเสื้อเธอด้วยหรือ ตอนไหนสักที ทำไม.. เร็วจัง
"คืบหน้ายังไงบ้างคะคุณนพ บัวพอจะมีทางหย่าขาดจากเขาได้หรือเปล่าคะ นี่เขาก็ตามบัวมากรุงเทพนะคะ บัวไม่ทราบจะหลบหลีกเขายังไง บัวอึดอัดใจจนอยากจะเป็นบ้าอยู่แล้ว"
"เอ้อ.. น้องบัว นี่พี่บีเองครับ"
"อ้าว ตายจริง พี่บีหรือคะ เอ๊ะ.. น้องบัวโทรหาคุณนพสุทธิ์นะคะ เขาเป็นทนายให้น้องบัวค่ะ"
"ไม่เป็นไร"
นอกจากไม่เคืองแล้ว ยังขอบใจเสียด้วยซ้ำที่หล่อนโทรผิด
เสียงโทรศัพท์นี่.. บางทีมันก็เสียงสวรรค์เหมือนกันนะ
"แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วรีบลงไปข้างล่างก่อน ฉันจะอาบน้ำ แล้วเดี๋ยวตามลงไป"
เขาโคลงศีรษะก่อนจะหันไปสั่งภรรยาว่าจ้าง ช่วยกลัดกระดุมเสื้อให้ด้วย
เอ็นดูสีแดงเรื่อบนพวงแก้มสองข้าง เธอคงอายมาก
เกิดเหตุที่นอกเหนือจากงานสองครั้งแล้ว เร่าร้อนคล้ายๆ กันเลย
เขาไม่เป็นไร แต่เธอนี่สิ.. เสียหายจัง
"ฉันขอโทษสำหรับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ฉันไม่ตั้งใจ ไม่มีเจตนาล่วงเกิน เอาเป็นว่า ด้วยความพลั้งเผลอของฉันในคราวนี้ พอจะใช้เป็นเหตุผลระงับเรื่องการปลดคุณอดิเรกออกจากการเป็นพนักงานบริษัทไว้ชั่วคราว พอใจไหม"
"น้อง.. "
"น้องก็ไม่ต้องไปไหน ทำงานต่อไป แค่ว่าตั้งใจให้มากขึ้น ทำได้ไหม"
น่ารัก.. ชายหนุ่มวาบหวามล้ำลึกกับกิริยาผงกศีรษะเชื่อฟัง
เริ่มจะเห็นความน่ารักปรากฏขึ้นทีละน้อย ภายใต้ความกะโปโลที่เคยดูแคลน
เธอแลกระโดกกระเดกซุ่มซ่าม หากอารมณ์พลั้งเผลอของเธอก็เลื่อนไหลไป เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับ.. เขา
ทีนี้จะให้คำตอบยังไงกับรุ่ง อริยา ฝ่ายโน้นไม่เร่งรัด แต่รอให้ตอบ
ไม่ชอบหน้าพ่อหม้ายคนนี้เลย ทำไมต้องพาตัวมาพัวพันกับลูกจ้างของเขา ทั้งที่รู้จักกันไม่กี่นาทีในงานเลี้ยง
การอาบน้ำไม่ได้ใช้เวลานานนัก จิตใจข้างในของใบปัทม์ไม่ค่อยสงบ ใบหน้าของรุ่ง คอยตามรบกวนอยู่เรื่อย
ตาสีน้ำเงินมักฉายความกระวนกระวายลึกเร้น
เขาสวมชุดนอนสีเนื้อทับด้วยเสื้อคลุมสีเดียวกันแต่เข้มกว่า แล้วลงมาข้างล่าง
เห็นช่อละมุนช่วยสาวใช้จัดโต๊ะอาหารพอดี จึงเรียก..
"มานี่ซิ"
หญิงสาวเดินตามออกไปอย่างว่าง่าย เขาหยุดในห้องนั่งเล่น ในนี้ไม่มีเก้าอี้ นอกจากเบาะรองนั่งบนพื้น
เธอเห็นเขายืนหันหน้าออกหน้าต่าง ข้างนอกก็มืดแล้วล่ะ เขาเงียบอยู่นาน เธอก็ไม่กล้าส่งเสียง
นอกจากกวาดตามองชั้นไม้ที่ตั้งของประดับสวยๆ งามๆ ตามแบบฉบับบ้านเศรษฐี
แพงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเก่าและแก่ด้วย เวลาคุยกัน ก็อวดอ้างกันได้เต็มที่
ทำนองว่าได้มาจากที่นั่น ที่นี่ สมัยฮ่องเต้ สมัยกรุงศรีก่อนเสียกรุง สมัยมาร์โคโปโลยังเด็ก
คนฟังก็ฮือฮาตาค้าง สร้างความกระหยิ่มยินดีแก่ผู้เล่ากันไป
"อยากไปทำงานกับนายรุ่งหรือเปล่า"
หลังจากเงียบอยู่นาน คำถามของเขาก็ทำลายกำแพง.. หญิงสาวอ้ำอึ้งไปนานอีก
เธอจะตอบอะไรได้ ในเมื่อสิทธิ์ขาดขึ้นอยู่กับเขา
ชายใจดีคนนั้นเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงราบเรียบมาก เธอยังนึกว่าเขาพูดเล่น และหาประเด็นมาพูดคุยเสียมากกว่า
เธอจึงไม่ได้เตรียมใจตอบคำถามยากๆ แบบนั้นมาก่อนหรอก
"น้องคงทำไม่ได้หรอกค่ะ ห้างของคุณรุ่งคงจะใหญ่มาก น้องจบแค่อนุปริญญาเท่านั้นเอง งานก็ไม่เคยทำ ไม่มีประสบการณ์ น้อง.. "
"ฉันไม่ได้ต้องการคำอธิบาย ฉันถามว่าอยากไปไหม"
เขาหมุนตัวกลับมา ทอดตาจ้องขรึม
"ไม่ค่ะ"
คำตอบหนักแน่นและสั้นแค่สองคำ กลับสร้างความลิงโลดก่อเกิด ราวกับฟ้าส่งบิดามารดากลับคืนมา
ทว่า.. นั่นคือความรู้สึกภายใน หญิงสาวมองไม่เห็น
เธอเห็นแค่อีกฝ่ายพยักหน้า แล้วเดินเฉียดไหล่เธอกลับออกไป ไม่พูดอะไรสักคำ
สโรชาเดินมาจ๊ะเอ๋กับเขาพอดี หล่อนคล้องแขนเขาฉับ แล้วชักชวนกันไปห้องอาหาร
ไม่สนใจสามีที่เดินตามหลังมาหงอยๆ หญิงสาวส่งยิ้มให้
อีกฝ่ายแค่พยักหน้า แล้วเดินไหล่ตกเหมือนอมทุกข์ผ่านไป
สามีภรรยาคู่นี้ ต้องมีเรื่องระหองระแหงกันแน่เลย ไม่อย่างนั้น ทำไมเย็นชาใส่กันตลอดเวลา
ฝ่ายภรรยายิ่งแล้วใหญ่ คอยแต่เกาะแขนเกี่ยวก้อยเจ้านายหนุ่มแจเชียว ไม่เกรงใจสายตาหดหู่ของสามีสักนิด
กลางวงอาหารก็เหมือนกัน.. สโรชาเอาอกเอาใจเจ้านายหนุ่ม ด้วยการตักโน่นป้อนนี่
หล่อนมิได้เหลียวไปทางสามีแม้แต่หางตา
แล้วก็ทำประหนึ่งว่า ในห้องอาหารมีเพียงหล่อนกับเจ้านายหนุ่มสองต่อสอง
เธอไม่อยากขัดจังหวะหรอก แต่เธอมีหน้าที่ต้องทำ คงปล่อยให้เลยตามเลยต่อไปไม่ได้
"พี่บีบ่นว่าเบื่อผักขมแล้วไม่ใช่หรือคะ คุณบัวไม่ต้องตักให้หรอกค่ะ เสียดายของ"
สโรชาชะงักมือเหนือจานผัดผักรวมมิตร หล่อนเหลียวไปมองเจ้านายหนุ่ม
หน้าเขาเจื่อนเล็กน้อย แต่เธอก็ช่วยได้ ด้วยการตักผัดเผ็ดไก่เห็ดหอมใส่จาน แล้วพูดว่า
"ชอบเห็ดหอมไม่ใช่หรือคะ กินเยอะๆ ตัวจะได้หอมนานๆ สาวแก่แม่หม้ายจะได้หลงบ่อยๆ "
"อะไรนะ"
จากคุณ :
thassada
- [
1 ก.ค. 52 00:18:47
]