ถูกทักอย่างนี้ อมขี้มาพ่นใส่หน้ากันเลยดีกว่า
เท่าที่รู้เธอกับฉันมันไม่ใช่
เหตุอันใดเธอจึงเอ่ยได้เพียงนี้
ถนอมน้ำใจสะกดเป็นไหมแม่คนดี
ช่างย้ำยีด้วยน้ำคำช้ำในทรวง.......
ไม่ตั้งใจแต่ไฉไลก็กล้าเอ่ย
ไฉนเลยไม่รอคำตอบเล่า
เล่นถามเองตอบเองแบบเดาเดา
แล้วตอบเศร้าแสบเข้าทรวงทะลวงใจ
เหตุการณ์ครานั้นได้ถูกแม่บังเกิดเกล้ารื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งนึง กลัวคนอื่นไม่รู้กระมัง ในระหว่างที่ได้นั่งเสวนากันอยู่กับแม่ ยาย พี่สาว และหลานสาวคนเล็กซึ่งมีอายุครบหนึ่งเดือนพอดี เป็นเด็กอายุหนึ่งเดือนที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายถี่ที่สุดในโลก ขาและแขนแกว่งไปแกว่งมาตลอดเวลา แกว่งชิงแชมป์ประเทศไทยรึไง ไม่มีเลยที่จะนอนตรงๆ นิ่งๆ ให้เหมือนทารกคนอื่นๆ เขา ประหนึ่งเล่นโยคะ อาบน้ำเสร็จก็นะ ประแป้งซะ เหมือนจะชุบแป้งทอดกันเลยทีเดียว (น้ำมันในกระทะร้อนแล้ว ใส่ได้เลย) กลับมายังเรื่องที่เสด็จแม่ได้เอ่ยขึ้นมาดีกว่า แม่เอ่ยขึ้นประมาณว่า น้าคนที่เจอกันบนรถเมล์วันก่อน เคยโทรหาแกรึเปล่า....???? ซึ่งเรื่องราววันนั้นมีอยู่ว่า
วันนั้น...กลับมาบ้านนอกที่ ต.โรง อ. กระแสสินธุ์ จ. สงขลา สองสามวันเห็นจะได้ พอได้ดื่มด่ำกับกำพืดของตัวเองให้เป็นที่หนำใจแล้ว ก็ต้องกลับหาดใหญ่ เพื่อต่อสู้กับวิทยานิพนธ์กันต่อไป ซึ่งระบบขนส่งมวลชนที่จะไปหาดใหญ่ก็มีสองช่องทางหลักๆ ด้วยกัน ถ้าว่างๆ มานั่งเล่นกันได้ ได้อารมณ์ดรีมเวิร์ลมากๆ สองช่องทางที่ว่าคือ รถเมล์ 90 เดซิเบล สายระโนด-หาดใหญ่ หรือระโนด-สงขลา เสียงดังโคตรๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังอยู่แล้ว ภายในรถยิ่งแล้วใหญ่ ทุกชิ้นส่วนพร้อมหลุดทั้งนั้น สั่นทั้งคัน!! โดยเฉพาะที่วางสัมภาระด้านบน นอกจากเป็นแหล่งกำเนิดเสียงที่ดีแล้ว ยังเป็นที่ดักฝุ่นที่ดีด้วย เอามารวมกันถมที่ได้สามไร่พอดี เบาะที่นั่งบางอัน ห้ามเบรกรถกันเลยทีเดียว เบรกปุ๊บ ทั้งคนทั้งเบาะไหลอย่างกับน้ำตก คือเบาะมันหลุดนั่นเอง รู้ดังนั้นเวลานั่งก็ต้องเท้าจิกพื้น กล้ามเนื้อน่องและตูดต้องเกร็งไว้ เพื่อความมั่นคงในชีวิต บางคันก็ โห!! ขับเร็วมาก ไม่รู้จะรีบไปงานแม่ยายหมั้นรึไง บางคันก็กินลมชมวิวซะเหลือเกิน ขับช้ากันจนเต่าจะวิ่งกัดล้อทันอยู่แล้ว เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นหอยทากคลานแซงกันต่อหน้าต่อตา กว่าจะถึงหาดใหญ่กรูคงได้เกษียรอายุกันบนรถพอดีละมั๊ง อีกช่องทางก็คือรถตู้ปลากระป๋อง (มีเฉพาะสาย ระโนด-หาดใหญ่) ไม่รู้จะแน่นกันไปไหน ไม่เคยได้นั่งอย่างสุขสบายสักครั้ง เฮียแกกะวิ่งรอบเดียวแล้วรวยเลยมั๊ง สาวข้างๆ จะท้องกันอยู่แล้ว ด้วยความที่เบียดกันเหลือเกิน แต่ด้วยอารมณ์นะตอนนั้น ก็ตัดสินใจกลับรถเมล์ แต่ไม่อยากเร้าใจเท่าไหร่ เลยโดยสารไปกับรถที่มาจากนครศรีฯ แทน(รถสบายกว่าเล็กน้อย ย้ำ! เล็กน้อย!!) รถจอดปุ๊บ ขึ้นรถปั๊บ ได้ที่นั่งหลังคนขับพอดี ซึ่งเป็นเบาะสองที่นั่ง ที่นั่งริมหน้าต่างตกเป็นสัมปทานของน้าคนนึงไปแล้ว ไอเราก็นั่งตรงริมทางเดิน ตูดหย่อนลงที่นั่ง จัดท่าให้อยู่ในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด เรียบร้อยปุ๊บ น้าข้างๆ ก็ควักข้าวหมกไก่เหลืออร่ามออกมา กินข้าวมั๊ยลูก กินครับ ไหนละช้อน..... ล้อเล่นๆ ตอบไปว่า อ่อ เอาเลยครับ พอดีว่ากินมาแล้ว สมมติว่า น้าแกชื่อน้านินก็แล้วกัน นานเกิน จำชื่อแกไม่ได้ซะแล้ว (แกเป็นหญิงมุสลิมผู้เปี่ยมด้วยน้ำใจ คลุมหัวแล้วดูละม้ายคล้ายนินจา)
น้านิน.........คือปกติต้องกินข้าวตอนเช้าตลอด ไม่งั้นปวดท้อง แต่วันนี้กินไม่ทัน เลยต้องซื้อมากินในรถ
เคน............อ่อ ครับๆ ((คิดในใจ กรูถามเหรอเมื่อกี้...แต่คิดอีกที อ่อๆ แกคงมนุษย์สัมพันธ์ดีและคงเกรงใจเรากระมัง เป็นคนดีๆ ))
น้านิน........ไม่กินเหรอ ถ้างั้น กินละนะ
เคน.............ฮิฮิ เอาเลยครับ ((น้าก็กินไปซิครับ จะรอให้ป้อนรึไง))
นั่งสบายๆอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น น้าแกกินเร็วมาก ประหนึ่งนักกีฬาทีมชาติไทยประเภทหญิงเดี่ยว กินทำลายสถิติตัวเอง
น้านิน......ได้กินข้าวแล้วรู้สึกว่าค่อยยังชั่ว
เคน..........ฮิฮิ
น้านิน......แล้วนี่ลูกกำลังจะไปไหน
เคน.........อ่อ ไปหาดใหญ่ครับ แล้วนี่น้าไปไหน...((เริ่มมีการโต้ตอบเกิดขึ้น))
น้านิน....น้ากำลังจะกลับบ้านที่ยะลา (คำตอบเฉพาะที่ถาม) ไปบ้านแฟนที่นครมา แฟนพี่เป็นตำรวจอยู่ที่นครศรีฯ ปกติแฟนพี่ขับรถมาส่ง แต่พอดีว่าวันนี้ไม่ว่าง เลยต้องกลับเอง พี่ก็ขับรถไม่เป็น ที่จริงมีรถสองคัน แต่พี่ก็ไม่อยากหัดขับหรอก ให้คนอื่นขับง่ายสบายกว่า แต่เวลาอย่างนี้ก็ลำบากเหมือนกัน ไปไหนมาไหนไม่สะดวก
เคน.....((คิดในใจ.....ผมถามว่า น้าไปไหน???!!!! )) อ่อ ครับ น่าจะหัดขับนะครับ
น้านิน.....น้าว่าไม่หัดดีกว่า แล้วนี่ลูกอายุเท่าไหร่แล้วอ่า
เคน........25 ครับ
น้านิน....อายุใกล้เคียงกับลูกน้าเลย ลูกน้าเป็นศิลปินวาดภาพ วาดภาพสวยมาก แล้วลูกมีแฟนรึยัง
เคน........ยังครับ สร้างเนื้อสร้างตัวก่อน เดี๋ยวลูกเมียอดอยาก
น้านิน....แล้วนี่อะไรอยู่ที่ไหนเนี๊ยะ
เคน..........อยู่ มอ. (ม.สงขลานครินทร์) ครับ
น้านิน.....ทำอะไรอยู่ มอ. เป็น ภารโรง เหรอ???????????
เคน..........!!!!!!!!!!!!!!! อ่อ เปล่าครับ เรียนปริญญาโทอยู่!! ((แมร่ง ว่ากรูเป็นภารโรง แรงงงงงมาก))
(ที่สำคัญคือน้าแกคุยเหมือนนั่งกันอยู่คนละฝั่งคลอง โทนเสียงใกล้เคียงตะโกนมาก เหมือนคุยให้คนทั้งคันฟัง)
จริงๆ แล้วบทสนทนายาวเหยียดกว่านี้มาก แต่ครับแต่!! มันมาทำร้ายจิตใจกันตรง เป็นภารโรงเหรอ นี่แหละ คนไม่รู้จักกัน ทักให้อาชีพสูงกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง ดูหนังหน้าแล้วยัดอาชีพภารโรงให้เลยกระนั้นรึ ใช่ซี้ ไม่ได้ใส่สูตรผูกไทด์นี่ ใช่ซี้ เสื้อยืดกางเกงยีน ใส่ซี้เรามันก็แค่ ตัวดำ ปากห้อย หัวหยอย บ้านนอก! ใครจะเหมือนแอ๊พ ทักษอร เหมือนเจ๊ะละ แหม! อยากทักกลับไปเหลือเกินว่า แล้วน้าขายปลาอยู่ตลาดไหนเหรอ โถ่ หน้าตาอย่างเจ๊ะ ก็แม่ค้าปลาทูละว่ะ นี้ถ้าไม่ให้เป็นภารโรง ยามแน่ๆ กรูได้เป็นยามแน่ๆ มอ. นอกจากเป็นมหาวิทยาลัยแล้วยังเป็นโรงพยาบาลที่ลือเลื่องมากทางภาคใต้ ทายว่าทำงานโรงบาล จะทำให้เจ๊ะเป็นอัมพฤกษ์รึไง จัดว่าหยาบคายมาก คนเรานะเว้ย จบปริญญาตรีวิศวะ และกำลังจะจบโทอยู่หลัดๆ ไม่มีออร่าอะไรเปล่งออกมาบ้างรึไง ไม่ได้ดูถูกอาชีพภารโรงหรือยามแต่อย่างใด แต่ก็ไม่เคยมียามปริญญาโท หรือภารโรงปริญญาตรีปรากฏให้เห็นในประวัติศาสตร์ชาติไทย เจ๊ะครับ หน้าผมมันไปทางนั้นจริงๆ เหรอ............ฮือออออออออออ!!! คิดแล้วแค้นยิ่งนัก แต่กระนั้น เจ๊ะแกก็ถือว่าเป็นคนมีน้ำใจและมนุษย์สัมพันธ์ดีคนนึง น่ายกย่องยิ่งนัก นี่ไม่นับรวมตอนที่กำลังจะหลับแล้วแกเรียกขึ้นมาคุยโทนเสียงตะโกนให้คนทั้งคันได้ร่วมรับรู้เรื่องราว ทั้งคันคงเข้าใจว่ากรูเป็นภารโรง เล็มหญ้า รดน้ำต้นไม้ อยู่ มอ. ไปแล้วแน่ๆ แน่ๆ!!!
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เขียนภารโรงให้วัวกลัว
จากคุณ :
potchhotmale
- [
3 ก.ค. 52 18:05:43
]