Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ช่อละมุนกะโปโล - 13

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8040913/W8040913.html

    บทที่ 13

    พอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ใบปัทม์กะเกณฑ์ให้ทุกคนไปนั่งรอเขาที่บริษัท

    เขามีงานติดพันประมาณสองสามชั่วโมง สโรชารีบขอตามเขาไปด้วย หล่อนอ้างว่า

    "เบื่อจะนั่งเฉยๆ นี่คะ เผื่อมีอะไรช่วยพี่บีได้ไงคะ"

    "ก็ดีครับ"

    เขาเห็นพ้องด้วยรอยยิ้มลุ่มลึก นายอำเภอหรี่ตามองอดีตรักหวานชื่นพัดลอยไปตามลม

    ซึ่งก็บอกไม่ถูกว่ามันจะหวนกลับมาหรือเปล่า

    แล้วถ้ามันหวนกลับมาจริง มันก็ช่างเป็นการหวนกลับที่ไม่ถูกจังหวะเอาเสียเลย

    สโรชามีสามีอยู่โทนโท่ หลานชายก็มีภรรยากำมะลอควงขนาบ

    เฮ้อ.. ทำไมความรักของหนุ่มสาว มันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้ มันน่าจะมีชีวิตของใครสักคนที่หายไปนะ

    เขาคิดขำๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ขำสักนิด

    การได้รับรู้เรื่องราวบางเสี้ยวของหลานสะใภ้ ทำให้นายอำเภอไม่ค่อยสบายใจ

    แล้วยิ่งเห็นความสนิทสนมระหว่างเธอกับอดิเรก

    ได้ฟังเธอกล่าวซื่อใสใจจริงว่ารักลูกน้องคนเก่งของพ่อหลานชาย ถึงกับอยากแต่งงานด้วย

    เขาก็ยิ่งกลุ้ม ไอ้เรื่องพวกนี้นี่ หลานชายเคยระแคะระคายบ้างไหม อยากรู้จัง

    หรือมัวแต่พะเน้าพะนอรักเก่า จนไม่ชายตาแลปัญหาใหม่ที่วนล้อมเหมือนรั้วบ้าน

    "เงียบจัง คิดอะไรก็คิดเถอะนะ แต่อย่าได้คิดเรื่องการทำชีวิตให้หายไปอีก อาไม่อยากหวาดเสียว"

    หญิงสาวเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ที่หยิบมากางบนตัก แต่ไม่ได้อ่านสักตัว

    ใจกำลังกลัดกลุ้มแทนอดิเรก เกรงว่าชายผู้ใจดีจะถูกเจ้านายเรียกไปตำหนิหรือตัดเงินเดือน

    เธอคงไม่กลุ้มมากอย่างนี้ หากสาเหตุทั้งหมดไม่ได้มาจากตัวเธอเอง

    "น้องไม่ได้คิดเรื่องนั้นหรอกค่ะคุณอา"

    เธอบอกพลางระบายยิ้มขรึม

    "เพราะเรื่องนั้น ยังไงมันก็ต้องเกิดอยู่แล้ว"

    "คุณน้อง"

    คนฟังอุทานเสียงสูง เบิกตากว้าง ตายล่ะ ยังไงก็ต้องเกิดหรือ ทำไมเด็ดเดี่ยวอย่างนี้

    "น้องคิดเสมอว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่เกินไป ไม่เหมาะกับชีวิตของน้อง ที่มันว่างเปล่ามาตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็ว่าได้"

    เธอพับหนังสือพิมพ์ แล้วเปรยเสียงบางต่อไปว่า

    "น้องไม่เคยตีโพยตีพายกับสภาพของตัวเองหรอกค่ะ นอกจากยอมรับที่มันเป็นอย่างนี้ แต่ในเมื่อชีวิตเป็นของน้อง ดังนั้น น้องจึงมีสิทธิ์เต็มที่ว่าสมควรจัดการยังไงกับมัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิดค่ะ เพราะเป็นห่วงพี่อดิเรก"

    "เป็นห่วง"

    นายอำเภอทวน สมองมึนยิ่งกว่าเก่า หลานสะใภ้ห่วงลูกน้องคนเก่งของใบปัทม์หรือ ตายๆ

    "ค่ะ ไม่รู้ว่าพี่บีจะเรียกไปดุด่าอะไรบ้าง จะตัดเงินเดือนหรือเปล่า อันที่จริงก็ไม่ยุติธรรมเลยนะคะคุณอา น้องเป็นคนทำผิดแท้ๆ ทำไมไม่ลงโทษที่ตัวน้องก็ไม่รู้"

    "พูดถึงเรื่องอะไร อาไม่เข้าใจ"

    คุณอาถามไปซื่อๆ แล้วค่อยถึงบางอ้อ เมื่อสาวกะโปโลเล่าที่มาที่ไปด้วยน้ำเสียงครางเหมือนแมว

    เธอซื่อและน่าเอ็นดูไม่น้อย ที่ไหนจะเหมือนหลานชายจอมเจ้าเล่ห์

    สาวน้อยน่ะ รู้ไม่เท่าทัน แต่เขาเป็นอา มีหรือจะอ่านความคิดไม่ออก

    ก็ดี.. คงต้องหาเวลาสักสองสามนาที คุยกันหน่อย


    เวลาสองสามนาทีของนายอำเภอฉัตรเกียรติ ก็คือรอให้อาหารมื้อค่ำลุล่วงผ่านไป

    เขาสะกิดหลานชายให้ออกไปคุยกันหน้าระเบียง แล้วเริ่มต้นเปรยถึงบทลงโทษแยบยลของเจ้าตัว

    "อย่านึกว่าอารู้ไม่ทันความคิดนะนายบี นิสัยไม่ดีนาแบบนี้ ไปฉวยจุดอ่อนคนอื่นมาบีบคั้นให้จนตรอก ระวังเถอะ เกิดคุณน้องฮึดสู้ขึ้นมา แกจะรับไม่ไหว"

    "รับอะไรไม่ไหว"

    หลานชายเถียง แล้วยักไหล่

    "ผมเคยกลัวน้องเสียที่ไหน เธอก็แค่ลูกจ้างที่ผมว่าจ้างให้มาทำงานด่วนสิบห้าวัน ลองว่าค่าจ้างผมไม่แพง ไม่มีของสมนาคุณแถมท้ายเมื่องานเสร็จ มีหรือเธอจะยอมรับทำให้"

    "นายบี อย่ามองอะไรฉาบฉวยนัก แกไม่ใช่คนแบบนั้นนา"

    "ก็แล้วจะยังไงล่ะครับอา เงินเป็นแสน เครื่องเพชรอีกสองชุด น้องยังเรียกร้องได้อีกเมื่องานเสร็จ ผมรับปากว่าจะให้ตามที่ขอ สำหรับเด็กสกลนคร พ่อแม่ตายหมด พี่น้องก็ไม่มี ความรู้ก็แค่อนุปริญญา มันยังไม่คุ้มอีกหรือครับ ว่าแต่อาเถอะ.. ไปฟังน้องมันเพ้อเจ้ออะไรมาอีก ถึงได้มาเค้นผมจัง"

    "บี เด็กคนนี้ไม่ซื่อเซ่ออย่างที่เราเห็นนะ แกมีเป้าหมายที่เราแทบจะคิดไม่ถึงรออยู่ในอีกไม่กี่วันนี้แหละ อาว่า.. "

    "คุยอะไรกันตรงนี้เอ่ยสองอาหลาน ไม่กลัวยุงหามหรือคะ ไปคุยในบ้านเถอะค่ะ"

    สโรชาโผล่รอยยิ้มมาเยือน ประโยคสำคัญของนายอำเภอจึงไปไม่ถึงปลายทาง มันต้องหยุดชะงักอยู่ตรงนั้น

    และได้แต่มองน้องบัวควงแขนพี่บีกลับเข้าข้างใน ผู้เป็นอาถอนใจยาว

    นี่เขายังไม่ได้หารือเรื่องความสนิทสนมของช่อละมุนกับอดิเรกเลยนะ

    ร่างสูงของนายอำเภอทำท่าจะเดินตามหนุ่มสาวเข้าข้างใน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจกะทันหัน

    เมื่อพบว่าช่อละมุนก้าวสวนออกมา สีหน้าของเธอราบเรียบว่างเปล่า

    ตอนเธอทอดรอยยิ้ม เขาก็รู้สึกได้ว่า มันเป็นรอยยิ้มเวิ้งว้าง

    "อาว่าจะกลับ กำลังจะเข้าไปล่ำลา แต่ก็ไม่ต้องแล้วล่ะ คุณน้องไปส่งอาที่รถดีไหม"

    "ดีค่ะ"

    โถ.. น้ำเสียงอ้างว้างขนาดนั้น ฟังแล้วใจหายชอบกล นายอำเภอกลืนน้ำลาย เขาเดินเนิบช้าลงบันได

    แล้วไปหยุดชั่งใจข้างรถ เหลือบมองหน้าบ้องแบ๊วแวบหนึ่ง แล้วตัดสินใจปรารภลอยๆ

    "การทำชีวิตให้หายไปนี่มันทำง่ายดีจริงๆ นะคุณน้อง มันคงจะดีนะ หากมีวิธีง่ายๆ ทำให้เราประคับประคองชีวิตให้อยู่ต่อไป อาคิดว่าการทำในสองสิ่งนี้ ต้องอาศัยความรู้สึกสองอย่าง"

    "อะไรบ้างคะ"

    "การทำชีวิตให้หายไป ต้องอาศัยความเด็ดเดี่ยว แต่การประคับประคองชีวิตต้องอาศัยความเข้มแข็ง"

    สาวน้อยช่วยเปิดประตูรถ แล้วขยับไปยืนด้านข้าง เธอก้มหน้าลง จงใจซ่อนความฉลาดมิให้อีกฝ่ายพบเห็น

    แต่เธอคงไม่รู้ว่า นายอำเภออมยิ้มเมื่อเห็นกิริยาเช่นนั้น เขาตระหนักว่าเธอฉลาดในทันที

    สิ่งที่เขาต้องทำก็คือ เติมกำลังใจใส่ลงไปในความว่างเปล่า

    "คุณน้อง"

    เรียกเฉยๆ ก็คงดี แต่คุณอาเรียกแล้วดึงตัวบางมาใกล้ด้วยนี่สิ หลานชายบนระเบียงเห็นแล้ว ไม่รู้จะรู้สึกยังไง

    "เราอาจจะรู้จักกันช้าไป และถึงเวลานี้ เราได้รู้จักกันแล้ว แต่มันก็ยังบอกได้ว่าน้อยไป แต่ก็อีกนั่นแหละคุณน้อง อาอยากให้คุณน้องมองอาเป็นญาติผู้ใหญ่สักคน"

    "น้องก็เคารพคุณอาอย่างนั้นอยู่แล้วนี่คะ"

    เธอรีบบอกกลั้วยิ้ม และยอมให้อีกฝ่ายพาดสองแขนไว้บนไหล่

    ตาใสช้อนขึ้นสูง จนสบนิ่งกับสายตาเอ็นดูเปิดเผยของคุณอา เขาเตือนสติเธอว่า

    "แทนการทำชีวิตให้หายไป ทำไมคุณน้องไม่ลองพิสูจน์ว่า ตัวเองจะมีความเด็ดเดี่ยวมากกว่าหรือน้อยกว่าความเข้มแข็ง"

    "เพื่ออะไรคะ"

    "เพื่อนายบีก็ได้ ชีวิตของนายบีก็ว่างเปล่า อาจะดีใจมาก หากว่าคุณน้องคือส่วนเติมเต็มในความว่างเปล่านั้น"

    "คุณอา"

    "อาอยากบอกว่าเราสองคนโคจรมาเจอกันน่ะ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของสวรรค์แล้วจริงๆ คุณน้องมีความเด็ดเดี่ยว นายบีมีความเข้มแข็ง เอ้อ.. อาก็เพ้อเจ้อได้เท่านี้แหละ กลับดีกว่า รีบขึ้นบ้านเถอะ อย่ามายืนตากน้ำค้างเลย"

    หญิงสาวถอยห่างรอยยิ้มกับน้ำเสียงทะเล้นของนายอำเภอฉัตรเกียรติ

    เขาโบกมือเป็นเชิงอำลาก่อนถอยรถ แล้วขับวนรอบอ่างน้ำพุ ก่อนจะตรงไปยังรั้วกำแพง

    เธอรอจนไฟท้ายหายลับไปเบื้องหลัง จึงค่อยก้มหน้าลง

    นิ้วเล็กยกขึ้นลูบจมูกที่อีกฝ่ายบีบเบาๆ หลังสิ้นเสียงตัดบท

    "ท่าทางอาฉัตรจะเอ็นดูหลานสะใภ้คนนี้มากเลยนะคะพี่บี มองผิวเผินเหมือนเขากับคุณน้องจะเป็นสามีภรรยากันเสียเอง ทะนุถนอมกันจัง"

    "อาเขายังโสด เขาก็มีสิทธิ์คิดไม่ใช่หรือ"

    "กับหลานสะใภ้ตัวเองน่ะหรือคะพี่บี"

    คำถามกลั้วหัวเราะของสโรชา ดึงร่างสูงให้หมุนกลับเข้าข้างในทันที

    หน้าตึงตาขุ่นที่เจ้าตัวฉายเด่น กลายเป็นปมหลวมๆ ในมือน้องบัวไปแล้ว

    อาจจะไม่เข้าท่านัก หากจะยุแยงให้อาหลานระแวงกันเอง มันเป็นเรื่องบัดซบชวนหัวเสียด้วยซ้ำ

    หากจำเป็นต้องทำให้อาหลานก่อศึกชิงแม่สาวซอมซ่อ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บ

    หล่อนไม่สนใจคุณอานายอำเภออยู่แล้ว ต่อให้บาดเจ็บจนตายก็ช่างปะไร

    แต่ถ้าหากพี่บีบาดเจ็บ หล่อนจะช่วยเยียวยาให้เอง งานของหล่อนก็น่าจะบรรลุผลเร็วกว่า และง่ายกว่า

    แต่ก็เอาเถอะ.. รอให้จนตรอกจริงๆ เสียก่อนเถอะ หล่อนจะตัดใจดึงแผนนี้มาใช้

    สาวเจ้าแผนการย้อนกลับเข้าข้างใน โดยมีร่างบางของคุณผู้หญิงตามหลังมาเงียบๆ ในอีกสิบนาทีต่อมา

    เธอไม่พบใครในห้องโถง จึงลองย้ายไปห้องนั่งเล่น แล้วที่นี้ ก็พบว่าสามีกำมะลอกับอดีตรักหวานชื่น

    กำลังนั่งเบียดชิดแทบจะเกยตักกันได้ สบตากันนิ่งก็ดูว่าซึ้งดี บรรยากาศก็เงียบเป็นใจ

    คุณสามีของน้องบัวก็ช่างกระไรจริงๆ เขาคิดอะไร ทำไมถึงได้ปล่อยภรรยา

    ให้มาป้วนเปี้ยนใกล้ชิดกับชายหนุ่ม โดยไม่คิดทักท้วงห้ามปราม

    "มีใครอยากได้กาแฟเพิ่มไหมคะ"

    เธอส่งเสียงใสเข้าไปรบกวนความสุข แสร้งทิ้งร่างข้างเจ้านายหนุ่ม

    "มีใครเขาอยากให้เธอไปให้ไกลๆ หน้ามากกว่า จัดการให้ได้ไหม"

    เจ้านายหนุ่มก็ลอยเสียงเย็นชา แล้วขยับลุกไปนั่งกระแซะน้องบัวอีกฝั่ง

    "แหม.. "

    ภรรยากำมะลอก็ไม่ยอมแพ้ล่ะ เธอลุกตามไปกระแซะ ตัดใจสบตาร้อนสีน้ำเงินเขม็ง แล้วโพล่งยอกย้อน

    "ไอ้จัดการน่ะพอได้อยู่หรอกค่ะ แต่มันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเอง พี่บีอยากได้แบบถาวรหรือเปล่าคะ เซ็นใบหย่าก่อนสิคะ น้องรับประกันการหายหน้า.. หายไปเลยจากชีวิต"

    มือเล็กที่ยกขึ้นกวาดไปมาประกอบคำพูด โดนตะปบหยาบคาย เจ้านายกระชากจนหน้าใสถลำเข้าไปกระแทกอก

    "ขอบใจที่เตือน งั้นเราไปเจรจากันเถอะ"

    "อ้าว"

    สโรชาหุบยิ้มกระหยิ่มทันควัน จู่ๆ ร่างสูงก็ลุกเสียอย่างนั้น ทำท่าจะพาภรรยาไปเจรจาล่ะ

    "แล้วเรื่องที่เราคุยค้างไว้เมื่อกี้นี้ล่ะคะพี่บี น้องบัวยังเล่าไม่จบเลยนะคะ"

    "เรื่องอะไรคะ"

    คุณภรรยารีบถาม

    "ไม่ใช่เรื่องของเธอ"

    คุณสามีก็รีบชิงตัดบท แล้วลากตัวไปเลย ทิ้งน้องบัวไว้กับความผิดหวังคุกรุ่น หล่อนสบถฉุนเฉียวในอก บ้าที่สุด..

    นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่สาวซอมซ่อโผล่เข้ามาไม่ถูกจังหวะ

    หล่อนอุตส่าห์ออดอ้อน หยิบยกปัญหาร้าวฉานในเรือนสมรสของตัวเอง

    มาบีบคั้นหัวใจรักของชายหนุ่มจนเกือบสำเร็จอยู่แล้ว

    เมื่อครู่นี้ เขาก็กอดหล่อนแล้วด้วย เหลือแค่ให้เขาเผลอไผลประทับจุมพิตเท่านั้น

    บ้าจริงๆ เห็นทีต้องรีบกำจัดแม่สาวคนนี้ ให้พ้นทางโดยเร็วเสียแล้ว


    แม่สาวคนนี้ไม่มีเวลากลุ้มใจหรอกว่า น้องบัวคิดแค้นคิดเคืองแค่ไหน เธอโดนชำระความอยู่ในห้องพัก

    เจ้านายผลักเธอล้มลงไป เธอต้องลุกมานั่งเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาเท้าสะเอว

    ปั้นหน้ายักษ์ พื้นอารมณ์บอกชัดเลยว่ามัวซัวสุดฤทธิ์

    "เธอแน่มาก ที่คิดท้าทายฉัน เธอกำลังจะทำให้งานของฉันพังไม่เป็นท่า น้องบัวอาจจับได้ว่า.. "

    "น้องบัวจับไม่ได้หรอกค่ะ ตราบใดที่น้องยังทำงานทุกวินาทีโดยไม่ลืมตัว หากน้องบัวจับได้ ก็คงจับได้ว่าพี่บีตัดรักเธอไม่ขาด แล้วที่แต่งงานกับน้อง ก็แค่บิดเบือนความช้ำในอกของตัวเองเท่านั้น"

    "ไม่ต้องมาออกความเห็น"

    พี่บีตะคอกกลับ หน้าแดงเข้ม

    จากคุณ : thassada - [ 4 ก.ค. 52 16:01:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com