Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  
 


สาวน้อยสกายเป้  

    ข้าวเจ้าสาวน้อย สกายเป้!!
    เรื่องมีอยู่ว่าประมาณวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๒ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ผมใช้เวลาว่างไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วก็เดินไปเจอร้านค้าที่เขาขายพวกกำยาน เทียนหอม และน้ำมันหอมระเหย ในแบบต่างๆผมรู้สึกสนใจเลยเข้าไปดู รู้สึกว่าอยากเอาไปจุดในห้องนอน คงจะหอมดี ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ก็เลยไม่รู้ว่าเขาใช้กันอย่างไรและควรจะซื้อแบบไหนดี ผมเดินวนไปวนมาถามกับคนขายอยู่สักพัก อยู่ๆผมก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เดินเลือกซื้อของอยู่เหมือนกัน เธอเดินไปเดินมา ถามนู่นถามนี่กับคนขาย บางทีก็เหมือนบ่นนั่นบ่นนี่ ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่สังเกตุว่าเธอแต่งตัวแปลกๆอยู่เหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเธอจะใส่หมวก ทั้งที่อยู่ในห้างแล้วผมก็ละสายตาเพื่อมา เลือกซื้อของอยู่สักพัก จนมาสังเกตุอีกทีว่าหญิงคนนั้นมาหยุดดูของอยู่ข้างๆผม แล้วเธอก็ยังคงสนใจ หรือบ่นนั่นนี่กับคนขายไปตามประสา จนผมเริ่มรู้สึกขำกับหญิงสาวคนนนี้ เธอบอกกันคนขายว่า ไอ้เครื่องที่เหมือนโคมไฟแล้วมีน้ำอยู่ข้างในนั่นคืออะไร “นี่อะไรอะ ไม่เห็นหอมเลย!!” ผมว่าน้ำเสียงเธอแปล่งๆ ตลกๆ กวนๆ ชวนมีเรื่องดีเหลือเกิน แล้วไปถามคนขายอย่างนั้น คนขายก็อึ้งสิครับ จะให้ตอบว่าไงดี “เหรอ !! ไม่รู้ดิ จมูกไม่ดีหรือเปล่า” หรือ “อ๋อ!! ไม่มีกลิ่นหรอกตั้งไว้เท่ๆ” แล้วเธอพูดซะดังลูกค้าคนอื่นเขาจะคิดว่าร้านนี้ไม่มีคุณภาพหรือเปล่าเนี่ย แต่แล้วอยู่ดีๆ ในขณะที่ผมกำลังคุยกับคนขายเรื่องความแตกต่างของกำยาน เธอก็พูดแทรกขึ้นมาเอาดื้อๆ เหมือนกับว่าเธอเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี แต่ในใจแว้บแรกผมก็คิดว่า เอาแล้วกูโดนเจ๊คนนี้บ่นอะไรหรือเปล่าเนี่ย แต่ไม่ใช่ครับเธอกลับแนะนำวิธีใช้ และความแตกต่างของกำยานแต่ละชนิด แบบที่เหมือนธูปมันก็ต้องหาที่ปัก ถ้าปักไม่ดีขี้เถ้ามันก็จะร่วงเลอะเทอะ ส่วนแบบที่เป็นเม็ดแหลมๆจุดใส่ถ้วยไว้ใช้เวลาประมาณ ๕-๑๐ นาทีมันก็จะหมดพอดี แล้วเธอยังบอกว่าผมว่า พี่สงสัยอะไรถามหนูมาดิ จนผมตัดสินใจได้ว่าจะซื้อแบบไหนดี แถมเธอยังทิ้งท้ายกับผมอีกว่า “เป็นคนโรแมนติกนะเนี่ย หรือไม่ก็ต้องเป็นคนรักสุขภาพแน่ๆเลย” ผมก็ตอบไปว่า ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่จริงๆก็คิดว่าเธออ่านคนเก่งนะ ผมยิ้มให้กับทุกอย่างที่เป็นเธอในวันนั้น คำถามคือว่า สรุปว่าตกลงเรารู้จักกันเหรอ เรามาด้วยกันเหรอ ทั้งๆที่เราเรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้า แต่ทำไมเราถึงคุยกันเหมือนคนสนิทกัน ขนาดผมจะกลับบ้านผมยังคิดเลยว่าผมควรจะหันไปบอกเธอดีไหม หรือขอบคุณเธอหน่อยดีไหม ทุกอย่างมันรวดเร็วมาก ผมจ่ายเงินเสร็จจึงเดินแยกจากเธอมาโดยไม่ได้พูดอะไรกับเธออีก ผมคิดว่าอาจเป็นเรื่องปกติของหญิงสาวคนนี้ที่มักชอบพูดคุยกับคนทั่วๆไปโดยไม่ได้เก็บไปใส่ใจอะไร ผมจึงได้แต่เดินๆยิ้มๆๆ ไปที่รถ แล้วหันกลับไปมองในห้าง ผมลืมอะไรไปหรือเปล่า ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า ผมควรจะทำอะไรสักอย่างหรือเปล่า...แต่คำตอบคือมันจะดีเหรอกับคนที่เจอกันไม่ถึง ๕นาที ผมเลยกลับไปห้องพักพร้อมกับความติดค้างอะไรบางอย่างในวันนั้น
    จนเวลาผ่านไปนานนับเดือน จนผมแทบจะลืมเรื่องราวทั้งหมดไปแล้ว มีแต่กำยานที่ผมยังคงจุดอยู่เสมอๆแต่แล้ววันหนึ่งที่ผมกำลังซื้อของในมินิมาร์ท ใต้อพาร์ทเมนท์ที่ผมพักอยู่ ผมก็หันไปเห็นโครงร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่หมวกเดินผ่านไปนอกร้าน ผมรู้โดยสัญชาตญาณว่าเป็นเธอคนนั้นแน่ๆ จึงรีบจ่ายเงินแล้วออกไปข้างนอกเพื่อจะเดินไปดูว่าใช่เธอจริงๆหรือเปล่า แต่เธอก็ข้ามถนนไปแล้วไม่ทันที่ผมจะได้เห็นหน้าใกล้ๆ แต่อย่างน้อยผมก็ยังได้รู้ว่าเป็นเธอคนนั้นจริงๆ เธอยังคงใส่หมวกใบเดิม และเธอพักที่เดียวกับผม ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องดีใจ ผมเป็นอะไร ผมอยากจะจีบเธอหรือ เธอเป็นสาวในสเปกของผมหรือก็ไม่ใช่ แล้วภาพเหตุการที่เกิดในวันซื้อกำยานก็ย้อนมาอีกครั้งในความคิดของผม ผมรู้สึกในใจตัวเองว่า จะต้องได้เจอกับเธออีกให้ได้ตราบใดที่เธอยังพักอยู่ที่อพาร์ทเมนท์เดียวกับผม แต่ผมจะทำอย่างไรได้ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย ไม่มีชื่อ ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ ไม่มีเบอร์ห้อง จะไปถามพนักงานเขาก็คงไม่รู้ว่าจะตอบยังไง ผู้หญิงผอมๆ สูงๆ พูดจากวนๆ โวยๆ แต่งตัวแปลกๆ อยู่ห้องอะไรครับ พนักงานเขาก็คงไม่รู้ แต่ถึงรู้เขาก็คงไม่บอก ผมอาจจะกลายเป็นคนโรคจิตที่ดูไม่น่าไว้ใจไปเลยก็ได้ จนเวลาผ่านไปหลายอาทิตย์ ผมทำงานแต่เช้า กลับมาที่ห้องตอนหัวค่ำ กินข้าวแล้วก็ทำงานเล็กน้อยแล้วก็เข้านอนชีวิตประจำวันวนเวียนอยู่เท่านี้ แล้วจะได้ไปเจอเธอตอนไหน จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ที่รู้สึกหิวข้าวขึ้นมาตอนนั้นเป็นเวลา สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ผมจึงเดินลงไปร้านอาหารแถวๆที่พักของผม วันนั้นประมาณวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ขณะที่ผมกำลังจะก้าวออกจากตึกของอพาร์ตเมนท์โดยไม่ทันสังเกตุสิ่งที่อยู่รอบข้าง จนมารู้สึกตัวอีกทีว่ามีผู้หญิงกำลังเดินเข้ามาใกล้ในระยะเผาขนไม่เกิน ๑๐ เมตร ผมรู้สึกได้ทันที่ว่าเป็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว แต่คราวนี้เธอใส่ชุดที่ดูทันสมัย เป็นลายทางเหมือนม้าลาย ผมตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าจะได้เจอเธอในระยะประชิดแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ จะทักก็ไม่กล้า กลัวเธอจำไม่ได้แล้วจะตกใจ จึงต้องยอมปล่อยโอกาส ให้หลุดมือไปอีกครั้ง แต่ในใจก็คิดว่ามีโอกาสครั้งที่สองแล้ว มันต้องมีครั้งที่สามสิ แผนการที่ผมจะได้รู้จักเธอเริ่มใกล้ความจริงมากขึ้น ในวันที่ ๑๓ พฤษภาคม เวลาประมาณ สามทุ่มเร็วกว่าเมื่อวานที่ผมเจอเธอ เพราะตามทฤษฎีของผม คนเราก็น่าจะกลับบ้านในเวลาใกล้เคียง กันทุกๆวัน ซึ่งสามทุ่มนิดๆก็อาจเป็นเวลาที่น่าจะเป็นไปได้สำหรับคนที่ทำงานอยู่ไกลแต่ก็ไม่รู้หรอกว่าเธอจะเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า ผมเดินลงมาห้องพักอย่างช้าๆ ผ่านจุดที่ผมเจอกับเธอเมื่อวานนี้ แต่ไม่มีเธอ ไม่มีใครเลย ผมเดินไปเรื่อยๆด้วยความคิดว่า วันนี้ผมคงหมดหวัง เรานี่เหมือนคนทำอะไรโง่ๆเหมือนกันนะเนี่ย เดินมาดักรอสาวกลับบ้าน เป็นความคิดที่ผมก็นึกตลกตัวเองอยู่เหมือนกันแต่ก็รู้สึกดีนะ เหมือนนักสืบดี จากนั้นจึงคิดว่าไหนๆก็เดินมาขนาดนี้แล้วจึงคิดว่าจะเดินข้ามถนนเพื่อไปหาอะไรกินเสียหน่อย แต่เรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เพราะเธอยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน เอาแล้วไหมล่ะ ผมจะทำไงดีจะข้ามไปเพื่อไปทักเธอที่ริมถนนเนี่ยนะ หรือผมข้ามไปแล้วเธอข้ามมาพอดี จะไปทักกันกลางถนนได้ไง จึงยืนรอให้เธอข้ามมาก่อน มันดูเป็นเวลานานมากสำหรับผมถ้าใครจะมองว่าทำไมไอ้คนนี้ มันไม่ข้ามซะที ทั้งที่รถมันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ก็เพราะเธอเองก็ยังไม่ยอมข้ามมาเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าเธอจะสังเกตุหรือเปล่า ว่ามีผู้ชายยืนลับๆล่ออยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน ที่ไฟไม่สว่างนัก เธอจะเริ่มกลัวหรือสงสัยผมหรือเปล่าเนี่ย จนสุดท้ายผมต้องถอดใจอีกครั้งเพื่อข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วสวนกับเธอที่กลางถนน ทำไมผมรู้สึกเหมือนคนปอดแหก ขนาดนี้ ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปหลายครั้งหลายครา กับแค่การที่เราอยากรู้จักกับใครสักคน ผมบอกตัวเองอีกครั้งว่าไม่ได้ วันนี้ไม่ยอมแล้ว ความตั้งใจที่จะกินข้าวต้องล้มเลิกไป เปลี่ยนเป็นซื้อผลไม้ที่อยู่ใกล้ๆเพื่อแก้เขินแล้วกะว่าจะรีบเดินกลับไปตามเธอให้ทัน โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าทันแล้วจะยังไงต่อ เธอจะจำได้ไหม เธอจะกลัวผมไหม เธอจะปฏิเสธผมหรือไม่ ผมรอที่จะข้ามถนนแล้วรีบกลับไปก่อนที่เธอจะเดินเข้าตึกและขึ้นลิฟท์ไป แล้วสุดท้ายมันก็ไม่ทันจริงๆ เมื่อผมข้ามมาได้และมองไปจนสุดทางเดินก็ไม่เห็นเงาของเธอแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่ผมจะตามเธอไปให้ทัน และจะไปถามว่าห้องเธออยู่ชั้นไหน หรือว่าจะมาดักรอเธออีกในวันพรุ่งนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ง่ายๆอีกแล้ว ผมเดินด้วยใจหมดหวัง และเสียดายโอกาสต่างๆในวันนี้ แม้กระทั่งแอบขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยผมให้ได้เจอเธออีกครั้ง ก่อนที่จะได้มาเจอเธอตอนที่จะข้ามถนนเสียอีก แล้วสัญญากับตัวเองว่าขอโอกาสอีกครั้งเดียวผมจะคุยกับเธอให้ได้ แต่เหมือนกับว่าผมได้รับการช่วยเหลือและได้โอกาสนั้นแล้ว แต่ผมเองที่เป็นคนปล่อยโอกาสต่างๆหลุดไป ผมเดินไปคิดไปผ่านร้านค้าที่อยู่ใต้อพาร์ทเม้นท์ แล้วเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นอีก เพราะหางตาของผมสังเกตุเห็นว่ามีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ในร้านอินเตอร์เนท ผมคิดว่าใช่เธอๆ แน่ๆ ความหวังของผมเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ผมจะทำอย่างไรดี จะเดินเข้าไปในร้านอินเตอร์เนทแล้วทักทายเธอเหรอ หรือเข้าไปแอบดูเธอก็โรคจิตเกินไปอีก แล้วคนเราเข้าร้านอินเตอร์เนท ก็อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงแล้วผมจะยืนรอเธอตรงนี้เหรอมันจะดูแย่ไปไหม ถ้ามีใครกำลังดูพฤติกรรมของผมอยู่ ก็คงคิดว่าผมไม่น่าไว้ใจ ผมแกล้งเดินไปเดินมาแถวนั้น สูบบุหรี่ แล้วก็คิดไปเรื่อยๆว่าเอาไงดีว้า.. รวมๆแล้วประมาณ ๑๐ กว่านาทีได้ จนสุดท้ายเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เธอกำลังเดินมาที่ผม ทำไมอยู่ดีๆเธอถึงออกจากร้านอินเตอร์เนทเร็วกว่าคนทั่วๆไป แล้วเธอกำลังเดินมาทางผมเพื่อที่จะขึ้นห้องพักของเธอ แล้วตอนนี้ผมควรจะทำอย่างไร จะใช้มุขไหนดี เธอใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆถ้าผมไม่ทักเธอทุกอย่างพังหมดอีกแน่ แล้วในที่สุดความกล้าที่ผมมีทั้งหมด ก็ทักเธอไปว่า “ น้อง..ที่กำยาน..ใช่ไหม..วันนั้น” มันแปลว่าอะไรก็ไม่รู้ เธอทำหน้างงๆ เอาแล้ว!!ผมหน้าแตกแน่ๆ เสียคนแน่ๆ แล้วเธอก็ตอบว่า อ๋อ..พี่ที่ไปจัดรายการใช่ไหม ผมโล่งใจขึ้นที่อย่างน้อยเธอร้องอ๋อ แต่เธอดันคิดว่าผมเป็นคนขายกำยานในวันนั้น เพราะมันผ่านมาเป็นเดือนแล้วและเธอก็ไม่ได้ใส่ใจ ผมบอกเธอว่าไม่ใช่ พี่คือคนที่น้องแนะนำให้ซื้อกำยานไง..เธอจึงร้องอ๋อ!! อีกครั้ง เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่เธอไม่ได้คิดว่าผมเป็นพวกโรคจิต แล้วเธอก็ยืนคุยกับผมที่หน้าอพาร์เมนท์อย่างไม่สนสายตาใคร ที่เดินผ่านไปมา มีหลายคนที่อาจจะมองว่าสองคนนี้มาคุยอะไรกันตรงนี้ จีบกันเหรอ หรือผมคิดมิดีมิร้ายมาหลอกล่อเธอหรือเปล่า จริงๆแล้วผมก็กำลังหลอกล่อเธออยู่นั่นแหละ สิ่งที่ผมต้องการคือห้องที่เธอพักมันอาจจะดูน่าเกลียดไปไหม ที่คนเพิ่งคุยกันจะถามและบอกเบอร์ห้องให้กัน แต่ผมก็แค่อยากจะอุ่นใจว่าไม่ต้องมาดักเธอที่หน้าตึกหรือริมถนนอีก บางครั้งคนจริงใจ กับคนที่หลอกลวงมันก็ใช้วิธีเดียวกัน แต่ถึงมันจะน่าเกลียดไปสักหน่อยแต่ผมก็ว่าในที่สุดเธอจะเข้าใจเจตนาของผมเอง เธอเล่าเรื่องต่างๆของเธอให้ผมฟัง เธอไปเรียนภาษาญี่ปุ่นมา เธอกำลังคิดจะไปทำงานที่ญี่ปุ่น เธอเข้าไปร้านเนท แต่รำคาญผู้หญิงในร้านที่ส่งเสียงดัง จึงออกมาก่อนเวลา ผมยืนฟังเธอเล่าเรื่องต่างๆ เหมือนคนรู้จักกันมานาน ผมยืนฟังเธอบ่นผู้หญิงในร้านเนทอย่างออกรสชาติทั้งสีหน้าและแววตา ผมฟังน้ำเสียงแปล่งๆ โวยๆของเธอ (โวยๆ แปลว่าดังๆเหมือนจะเอะอะโวยวาย แต่ไม่โวยวาย) เห็นเธอปล่อยผมไม่ใส่หมวก ผมเธอออกสีน้ำตาลแดงๆ คิ้วเธอก็ออกแดงๆ ผมเห็นทุกอย่างที่เป็นเธออย่างชัดเจน ผมฟังไปยิ้มไป แล้วบอกกับตัวเองว่า ใช่แล้วคนนี้จริงๆด้วย คนนี้แหละ คนเดียวกับวันนั้นวันที่ผมซื้อกำยาน คนที่ผมตามหาจนเจอ เหมือนความสำเร็จ เธอก็หน้าตาน่ารักดีนะ พูดเก่งบ่นเก่ง เธอแก่กว่าผมหรือเปล่าเนี่ย ผมหลอกถาม แต่เธอตอบว่าเพิ่งทำงานได้ 2-3 ปีเองก็แสดงว่าเด็กกว่าผม ทั้งที่เราก็คุยกันดีแต่ผมก็สังเกตุได้ว่าเธอก็ระวังคำตอบของเธอพอสมควร คงกลัวว่าผมอาจจะยังไม่น่าไว้วางใจเท่าที่ควร แล้วเธอก็ยื่นบัตรร้านอินเตอร์เนทให้ผม บอกว่าเอาไปเล่นสิยังไม่หมดชั่วโมงเลย ผมว่าเธอมีน้ำใจดีนะ สองครั้งแล้วที่เธอมีน้ำใจกับผมทั้งที่ผมเป็นคนแปลกหน้าและเราไม่ได้รู้จักกัน แล้วเราก็เอ่ยลากันตรงนั้น แต่ภาระกิจของผมยังไม่เสร็จสิ้น ผมถามไปว่า เออ!!น้องอยู่ห้องอะไรนะ 509 เธอตอบมาเพราะมันเป็นคำถามแบบไม่กลัวเสียมารยาทของผม ผมจึงตอบว่าพี่อยู่ห้อง 1002 นะ มีอะไรก็โทรมาได้... ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ มันเป็นค่ำคืนหนึ่งที่ผมไม่อยากลืมมันเลย กับเรื่องบังเอิญหลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้น..หลับฝันดีนะน้องคนนั้น
    .............................................โปรดติดตามตอนต่อไป......

จากคุณ : นุชคุณ
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 52 05:04:48 A:124.121.160.126 X:




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com