ความคิดเห็นที่ 1 คุณพู่กันสีหมอกคะ สงสัยว่าคุณจะไม่สามารถทำความเข้าใจบางอย่างได้ 1. บอกกันหลายครั้งแล้วว่าไม่ควรลงเรื่องสั้นเกินไป คุณตั้งกระทู้สั้นๆ ติดๆ กันทุกวันแบบนี้ ทำให้กระทู้คนอื่นตกลงเร็วเกินไป ครั้งต่อไป สั้นแบบนี้อีก กระทู้จะถูกลบในเวลาอันไม่นาน ส่วนกระทู้นี้ ติดไว้ก่อนเพื่อให้คุณได้เข้าใจ 2. เรื่องลอก/ไม่ลอก กระทู้นี้ไม่ได้มีส่วนนั้น แต่เห็นท่าทีการตอบของคุณมาหลายครั้ง คิดว่าคุณยังตะแบงไปเรื่อยๆ อยู่ ประเด็นอยู่ที่การยอมรับและให้เกียรติเจ้าของงานค่ะ แม้คุณจะไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่เขียนบอกไว้ได้ว่าได้ยินมา เคยอ่านเจอ หาเจ้าของไม่ได้ แค่นี้ก็พอค่ะ แต่ถ้าเอามาถ่ายทอดต่อ ก็เขียนแจ้งไว้ได้ 3. แนะนำให้ทำความเข้าใจว่าเรื่องสั้นเป็นอย่างไรอีกที หลายคนกรุณาแนะนำให้คุณทราบแล้ว ในส่วนของเรื่อง มีหลายเรื่องที่ไม่ต่อเนื่อง ไม่สมจริง อีกนั่นแหละ หลายคนบอกคุณแล้ว อ่านซ้ำ เผื่อจะแก้ไขได้ค่ะ หวังว่าจะมีการปรับปรุงนะคะ บอกกันมาหลายหน หลายคนแล้ว จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 20:14:49

ความคิดเห็นที่ 2 มาอ่านต่อครับ จากคุณ : KTH (KTHc) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 20:33:12

ความคิดเห็นที่ 3 มาอ่านต่อครับ ผมก็คิดว่ามันสั้นไปเหมือนกัน อ่านไม่จุใจเลย จากคุณ : Kengmanny เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 21:07:22

ความคิดเห็นที่ 4 ว่าจะไม่คอมเม้นท์แล้วเชียว เพราะคอมเม้นท์ไม่ได้น่ะค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งงง ดูคุณพู่กันสีหมอกจะไม่เข้าใจประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์ของคุณอีเควเตอร์นะคะ เอาอย่างงี้ ในกรณีที่ไปเอาเรื่องที่มีลิขสิทธิ์มา ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ อันนี้คงเข้าใจ แต่ในกรณีที่เอาเรื่องที่เป็นตำนาน เอาเรื่องที่ไม่มีลิขสิทธิ์มา ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ โอเค ว่าตามนั้นมันก็ถูก แต่ในเรื่องลิขสิทธิ์ก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ธรรมสิทธิ์ อยู่ด้วย ภาษาอังกฤษเรียก ธรรมสิทธิ์ ว่า Moral Right ถ้าแปลตรง ๆ คือ "สิทธิในด้านศีลธรรม หรือ จรรยาบรรณ"   ถึงเรื่องนั้นจะไม่มีลิขสิทธิ์ แต่โดยมารยาท คนที่เอาไปใช้โดยรู้ว่า เรื่องที่เอาไปใช้เป็นของคนอื่น ไม่ได้มาจากความคิดของตัวเอง ต้องชี้แจงว่า ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองคิดเอง เขียนเอง ถึงจะไม่รู้ว่าใครเขียนก็เถอะ อย่างในวรรณกรรมต่างประเทศ ถ้าไม่ทราบผู้แต่ง คนที่เอามาพิมพ์จะใส่ว่า "anonymous" (นิรนาม) หรือ "unkown author" (ไม่ทราบผู้แต่ง) อีกคำ คือ Plagiarism ไม่แน่ใจว่าคุณเคยได้ยินหรือเปล่า คำนี้อธิบายง่าย ๆ คือ ไปเอาแนวคิดของคนอื่นมาใช้โดยไม่ใส่อ้างอิงให้ โดยธรรมดาอาจจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ในทางวิชาการ ถือว่า ทำผิดร้ายแรง เพราะคุณไม่เคารพคนอื่นที่เขาลงแรงทำผลงานมาก่อน ผลก็คือ สิ่งที่คุณเขียนมาทั้งหมดจะไม่ได้รับการยอมรับ ไม่มีความน่าเชื่อถือ อ่านตอนก่อน เจอ "หาลอกมุกเขามาไม่ได้อ่ะ ยังไม่เจอมุกเด็ดๆเลย" เข้าไป อ่านแล้วพูดไม่ออกเลย สำหรับคนเขียนหนังสือ การเอางานของคนอื่นมา เป็นของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจหรือเป็นเรื่องธรรมดาเลย พูดจริง ๆ คนอ่าน ถ้ารู้ว่าตัวเองได้อ่านเรื่องที่ลอกคนอื่นมานี่ก็หัวเสียเหมือนกันนะคะ เหมือนซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง ไปซื้ออีกเล่มที่ลอกมาจากหนังสือที่เรามีน่ะ นอกจากรู้สึกเหมือนถูกหลอกแล้ว ก็ยังจะพาลเคืองคนเขียนเล่มหลังด้วย เพราะทำให้เราต้องสนับสนุนคนที่ไม่ได้ใช้พลังความคิดของตัวเองทำงาน เรื่องลิขสิทธิ์จบแล้ว ก็ยังมีเรื่องวิธีการเขียนเรื่องสั้น อย่างที่คุณ scottie กับ คุณอีเควเตอร์ แล้วก็คุณจริง (ในกระทู้โน้น) บอก สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกไม่ได้ว่าเป็นเรื่องสั้น แต่เหมือนบทซิทคอมมากกว่า มีใคร ทำอะไร ที่ไหน แต่ไม่มีการบรรยายฉาก ความคิด ความรู้สึก อย่างที่เรื่องสั้นควรจะมี อ่านแล้วไม่แน่ใจว่าแนวคิดของเรื่องคืออะไร ซึ่งปกติแล้ว ซิทคอมแต่ละตอนจะมีแนวคิดของและบทสรุปในตอนด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้ไม่ทราบจริง ๆ ว่า ผู้เขียนต้องการบอกอะไรในแต่ละตอนที่ผ่านไป ใช้เวลากับการทบทวนงานเขียนของตัวเองก่อนนำเสนอมากกว่านี้ก็จะดีค่ะ ไม่ต้องใจร้อนนักก็ได้ จากคุณ : ปิยะรักษ์ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 21:28:21

ความคิดเห็นที่ 5   เออ......   โดนถล่มเละเลยเรา   T T Okayครับ   จะพยายามแต่งให้ยาวๆ   ก็แล้วกัน จากคุณ : พู่กันลายหมอก เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 21:40:31

ความคิดเห็นที่ 6 คุณพู่กันลายหมอก ครับ มีอีกนิดเรื่องการลงเรื่อง หากจะแต่งเป็นตอนสั้นและต่อเนื่องแบบนี้ ให้ลงต่อไปในกระทู้เดียวกัน ซึ่งเพื่อนๆที่ถนนนักเขียนนี่ถือเป็นมารยาทที่ปฏิบัติกันมาตลอครับ เพื่อไม่ให้กระทู้ของเพื่อนคนอื่นตกเร็วเกินไป ส่วนเรื่องคอมเม้นที่ไปคอมเม้นงานของเพื่อนๆคนอื่นช่วยอิง หลักการและเหตุผลที่มีใน งานเขียนลงไปด้วยจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆครับ ถ้าจะวิจารณ์แต่เรายังไม่มีความรู้พอ อย่างนั้นก็บอกแค่ชอบกับไม่ชอบก็ได้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนแต่ง ส่วนที่ว่าเราคอมเม้นของ เธอแล้วนะช่วยไปคอมเม้นของเราหน่อยปกติที่นี่ไม่ค่อยทำกันครับ ผมเคยได้รับการแนะนำแบบเดียวกันนี้ตอนที่เอาเรื่องมาลงที่ถนนนักเขียนใหม่ๆ ยืนยันครับ ว่าเพื่อนทุกคนบอกด้วยไมตรีจิตครับ :) จากคุณ : กลิ่นกาแฟ (กลิ่นกาแฟครับ) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 09:02:28

ความคิดเห็นที่ 7 ขอคัดลอกกระทู้ใหม่คุณพู่กันลายหมอกมาไว้ที่นี้ค่ะ บทที่ 7 วินัยเป็นไข้หวัด2009 (เรื่องสั้น) อัจฉริยะกลางลมหนาว บทที่7 วินัยเป็นไข้หวัด2009       จากหลายๆตอนที่ผ่านมา   มีคนทักว่าผมแต่งเรื่องสั้นมากเกินไป ดังนั้น  ตอนนี้ผมจะพยายามแต่งให้ยาวๆเลยนะครับ ขอบคุณมากๆครับที่มาติ ................................................................................................. บทนำ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8049071/W8049071.html บทที่1 จุดจบนักล่าเสือ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8050482/W8050482.html บทที่2 เซลขายของ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8053529/W8053529.html บทที่3 แก๊งค์ต้นตุ๋น http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8056996/W8056996.html บทที่4 แก๊งค์ต้มตุ๋น ตอน2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8062899/W8062899.html บทที่5 นักต้มตุ๋นปฏิเสธ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8067118/W8067118.html บทที่6 เจอกันอีกรอบ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8070582/W8070582.html .............................................................................................. ขณะที่สถานการณ์กำลังเคร่งเครียดอยู่นั้น วินัยเข้าไปพบหมอเพื่อตรวจโรค "โรคนี่ระบาดได้ง่ายมากๆเลยนะ  ดีแล้วล่ะที่มาตรวจ" หมอพูดกับวินัยพร้อมหยิบเครื่องมือขึ้นมา "มันระบาดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ  ไม่มั้ง" วินัยเถียงหมออีก "ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ไข้หวัดใหญ่จากสุกร  ก็เรียก ได้ระบาดตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา โดยเริ่มปรากฏครั้งแรกในนครเม็กซิโกซิตีกับส่วนอื่นๆ ของประเทศเม็กซิโก (ช่วงแรกจึงเรียกว่า ไข้หวัดเม็กซิโก) และในพื้นที่อีกหลายส่วนของสหรัฐอเมริกา อนึ่ง หน่วยงานสาธารณสุขหลายแห่งยังรายงานว่าในประเทศนิวซีแลนด์ยังพบกรณีคล้ายจะเป็นการระบาดของไข้หวัดใหญ่ดังกล่าวอีกสิบกรณี แต่ยังไม่มีการรับรองรายงานดังกล่าว นอกจากนี้ ยังพบผู้ต้องสงสัยว่าจะป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่อีกหนึ่งพันรายทั่วโลก และเนื่องจากยังไม่อาจรับรองว่าผู้ป่วยดังกล่าวทุกคนเป็นไข้หวัดใหญ่ องค์การอนามัยโลกจึงเรียกภาวะเช่นนี้โดยรวมว่า 'ภาวะเจ็บป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่' ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดครั้งนี้ มีอาการเสมือนโรคไข้หวัดใหญ่รุนแรง ซึ่งผู้ป่วยบางรายในประเทศเม็กซิโก ยังเป็นโรคเสมือนปอดอักเสบอีกด้วย พบได้ในภาวะก่อนจะเสียชีวิตไม่นาน แต่จากการนำตัวอย่างเชื้อไปวิเคราะห์ในห้องตรวจสอบและแยกสายพันธุ์ เชื้อไวรัสนั้นได้พบการเปลี่ยนแปลงของสารชีวะ ดีเอ็นเอภายใน โดยปรากฏว่า สายพันธุ์ดังกล่าวมีวิวัฒนาการบางส่วนมาจาก ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ ชนิดเอ หรือ "เอชวันเอ็นวัน" (H1N1) บางส่วนมาจาก ไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ปีก หรือ "เอชไฟฟ์เอ็นวัน" (H5N1) หรือที่เรียก "ไข้หวัดนก" และบางส่วนมาจาก ไข้หวัดใหญ่สุกร เนื่องจากสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถส่งผ่านระหว่างมนุษย์สู่มนุษย์ และส่งผลให้มียอดการตายของผู้ป่วยในประเทศเม็กซิโกสูงมาก องค์การอนามัยโลก และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา จึงร่วมกันแสดงความกังวลว่าสถานการณ์ครั้งนี้อาจเลวร้ายลงจนกลายเป็น 'ภาวะระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่' (อังกฤษ: influenza pandemic) ได้[59] ในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552 องค์การอนามัยโลกจึ นอกจากนี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐบาลทั่วโลก รวมถึงศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (อังกฤษ: European Centre for Disease Prevention and Control) องค์กรพิทักษ์สาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร (อังกฤษ: UK Health Protection Agency) และองค์กรสาธารณสุขแห่งแคนาดา (อังกฤษ: Public Health Agency of Canada) ได้พร้อมใจกันแสดงความกังวลและเฝ้าติดตามการระบาดครั้งนี้อย่างใกล้ชิด" หมอเล่าเรื่องให้ฟังระหว่างการตรวจอาการ "พอเถอะครับ -*-" วินัยขัดขึ้น "ก่อนที่ผมจะง่วงซะก่อน  ยาวเชียว" "สรุปผลได้แล้ว คุณเป็นไข้หวัด2009ครับ" หมอพูด ............................................................................................. มีต่อนะครับ ยังไม่จบ จากคุณ : พู่กันลายหมอก     เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 10:35:06 จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 13:03:18

ความคิดเห็นที่ 8 ในขณะเดียวกันตำรวจนายหนึ่งก็เข้าไปคุยกับลุง "เดี๋ยวจบธุระเดี๋ยว ขอเชิญลุงไปสอบปากคำที่โรงพักกับผมด้วยนะครับ" อาณัทเดินออกมาจากสถานการณ์นั้น แล้วตรงมาที่ห้องตรวจโรคของวินัย พร้อมเปิดประตูเข้าไป "สวัสดีครับคุณหมอ เพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับ" เขาถาม "เพื่อนคุณติดหวัด2009นะครับ" หมอตอบ "แต่ไม่เป็นไรนะครับ เป็นแค่ระยะแรก รักษาไม่ยากครับ" "แต่ที่สำคัญคุณอยู่ห่างๆเพื่อนคุณไว้ดีกว่าครับ" หมอพูด " วิธีป้องกันหวัดใหญ่2009 มีดังนี้ - ให้คนป่วยสวมหน้ากาก ป้องกันคนอื่นติดเชื้อได้ถึง 80% แต่คนไม่ป่วยสวมแล้วกันตัวเองติดเชื้อได้แค่ 10% - พักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยให้ภูมิต้านทานโรคแข็งแรง - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้ภูมิต้านทานโรคแข็งแรง - หลีกเลี่ยงสถานที่คนแออัด - ให้ยกแขนหรือข้อศอกมาปิดปากเวลาจาม ถ้าใช้มืออาจจะติดเชื้อได้ - ล้างมือสะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร ที่ผมหามาได้ จะเน้นให้ล้างมือให้สะอาดครับ ซึ่งมีข้อควรทำดังนี้ - ให้ทำความสะอาดมือ ก่อนรับประทานอาหาร เตรียมหรือปรุงอาหาร - ให้ทำความสะอาดมือ หลังขับถ่าย หยิบจับสิ่งสกปรกหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงและสัตว์ปีก ขั้นตอนการล้างมือมีดังนี้ - ฟอกฝ่ามือและง่ามนิ้วมือด้านหน้า 5 ครั้ง โดยเน้นซอกนิ้วมือ - ฟอกหลังมือและง่ามนิ้วมือด้านหลังข้างละ 5 ครั้ง โดยเน้นซอกนิ้วมือ - ฟอกนิ้วและข้อนิ้วมือด้านหลังข้างละ 5 ครั้ง - ฟอกนิ้วหัวแม่มือ ข้างละ 5 ครั้ง - ฟอกปลายนิ้วมือ เล็บโดยหมุนวนไปบนฝ่ามือข้างละ 5 ครั้ง - ฟอกรอบข้อมือโดยรอบข้างละ 5 ครั้ง ควรล้างมือด้วยสบู่เหลวนาน 40-60 วินาที  " ............................................................................................. "ส่วนเพื่อนคุณต้องนอนอยู่โรงพยาบาลซักระยะหนึ่งนะครับ" หมอพูด จากคุณ : พู่กันลายหมอก     เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 10:47:10 จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 13:03:35

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านนะครับ  ถ้าไม่เอาเรื่องไข้หวัดมาลงในนี้ เกรงว่าชาวพันทิปจะติดหวัดกันน่ะครับ ที่เอามาลง เพราะอยากเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ  อยากให้รู้ข้อมูลน่ะครับ อ้างอิงมาจาก http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7966424/X7966424.html และ วิกิพีเดีย จากคุณ : พู่กันลายหมอก     เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 10:52:59 จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 13:03:48

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อวานตรวจเด็กจากเซนต์คาเบรียลไปคนนึงกับตรวจเด็กจากรร.ข้างๆไปอีกคนนึง ... วันนี้ก็มีมาอีก20กว่าคน(แต่พอดีไม่ได้อยู่ประจำจุดที่ตรวจ มีหมอคนอื่นตรวจไป) และคาดว่าเสาร์อาทิตย์นี้อาจจะมามากกว่านี้ ผมว่าสื่อสารมวลชนตอนนี้อ่อนการประชาสัมพันธ์มากนะครับ คนที่มาตอนนี้เค้าได้ฟังจากสื่อแล้วกลายเป็นว่ากลัวจนเกิดพอดี และแทนที่จะปลอดภัยผมว่ายิ่งจะกลายเป็นเสี่ยงกว่าเดิมอีก .... จากคุณ : หมอแมว ไข้หวัดใหญ่อยู่ในตระกูล Orthomyxoviridae แบ่งเป็นสายพันธุ์ เอ, บี และซี เป็นโรคติดเชื้อในระบบหายใจมีการระบาดมานานแล้ว และสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ในระยะหลังๆ ไวรัสวิวัฒนาการทำให้เกิดอาการดื้อยา และแพร่เชื้อรุนแรงมากขึ้น เชื่อว่าเป็นผลมาจากการกลายพันธุ์ระหว่างไวรัสของคนกับสัตว์ โดยเกิดกับไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอ ตามข้อมูลการแพร่ระบาดและการแยกเชื้อไข้หวัดใหญ่ในเมืองไทย ตั้งแต่ปี 2539 กระทรวงสาธารณสุข สามารถแยกเชื้อคนไข้ที่มีเชื้อไวรัสได้ 34 เชื้อสาย ปีถัดมาก็พบว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ แยกเชื้อต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น 108 เชื้อสาย สำหรับอาการของคนไข้หวัดใหญ่นั้นจะมีอาการไอ มีน้ำมูกหรือเสมหะ บางรายเจ็บคอ ปวดศีรษะหรือปวดเมื่อย ถ้ามีอาการเช่นนี้จะต้องไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยวิเคราะห์ว่า คนไข้ติดเชื้อไวรัสชนิดไหนกันแน่ แพทย์จะเก็บตัวอย่างน้ำมูกหรือเสมหะจากบริเวณลำคอไปแยกเชื้อ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ เคยเกิดขึ้นในไทยมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2540 แต่อาการป่วยกับคนไทยนี้นจะไม่รุนแรงเท่ากับเกิดกับคนต่างชาติเพราะคนทวีปเอเซีย และแอฟริกา มักจะมีภูมิต้านทานไข้หวัดใหญ่มากกว่าคนยุโรปครับ จากคุณ : djnyzzz จากคุณ : พู่กันลายหมอก     เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 10:55:40 จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 13:04:04

ความคิดเห็นที่ 11 คุณหมอพูดจาเป็นภาษาเขียนมาก แต่เอ ถ้าเป็นหมอก็คงรู้ว่าจะมั่นใจว่าเป็นไข้หวัด 2009แน่ ต้องเจาะเลือดนี่นะ อ้อ คุณตั้งกระทู้ติดกันเกินไป ควรเว้นระยะให้ใกล้เคียง 1 วันค่ะ แก้ไข ไม่เห็นว่าคุณอ้างมาจากวิกิ แนะนำให้เอาที่มาไว้ในความเห็นใกล้ๆ ในตัวเรื่องค่ะ เอ้า ลืมอีก ที่ว่ายาวของคุณไม่ยาวพอค่ะ ขอติดไฟแดงไว้ก่อน เดี๋ยวจะช่วยคัดลอกไปไว้ทู้เก่าของคุณให้ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 13:01:03 แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 12:59:17 จากคุณ : scottie     เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 12:57:37 จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 13:04:27

ความคิดเห็นที่ 12 กลายเป็นบทความวิชาการไปซะแล้ว แต่ก็ขอบคุณที่เอามารวมให้อ่านครับ หวัด 2009 มันต้องใช้เวลาตรวจไม่ใช่เหรอ จากคุณ : KTH (KTHc) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 14:51:36

ความคิดเห็นที่ 13 การตรวจไข้หวัดใหญ่ ต้องใช้สารคัดหลั่งจากร่างกายไปตรวจไม่ใช่หรือคะ เช่น น้ำมูกหรือเสมหะ  ตรวจแล้วก็ต้องมาแยกอีกว่าเป็นไวรัสชนิด เอ หรือ บี ถ้าเอก็เอาไปตรวจต่อ แต่ถ้าเป็น บี ก็เป็นไข้ธรรมดาไม่ต้องตรวจแล้ว (คุ้น ๆ แต่ไม่แน่ใจ) จุดสังเกตคือ มีไข้ขึ้นสูงกว่าไข้หวัดใหญ่ และอาจไปเร็วถ้ามีโรคอยู่ก่อนแล้ว เพราะหวัดใหญ่2009 จะทำให้ปอดอักเสบและภูมิคุ้นกันต่ำลง ปล.ถ้าเขียนให้เป็นภาษาพูดจะจำได้ง่ายกว่านี้นะคะ เพิ่มเติม :  ลืมมองไปว่าคุณ djnyzzz  ก็ให้ข้อมูลไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 52 10:42:29 จากคุณ : latics1 เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 10:41:01