Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  
 


ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 2 สิบโมงครึ่ง  

ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 2 สิบโมงครึ่ง

พ้นจากทางหลวงพื้นผิวถนนก็กลายเป็นลูกรังในทันที ทั้งคดเคี้ยว เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ แถมฝุ่นก็เยอะมากด้วย โชคดีที่รถตู้คันที่ผมนั่งไม่มีช่องให้ฝุ่นเหล่านั้นเล็ดรอดเข้ามาได้ (หลังจากจบวัน เพื่อนร่วมคณะทัวร์ในรถตู้คันอื่นบ่นกันอุบว่าฝุ่นเข้ามาในรถคันที่เค้านั่ง หายใจกันแทบไม่ออก ต้องช่วยกันหาอะไรอุดช่องโหว่กันคนละไม้ละมือกันพัลวันไปหมด)

และเพราะทางที่เป็นแบบนั้นนี่เองที่ทำให้ผมได้มีโอกาสดูบรรยากาศสองข้างทางอย่างเต็มที่ เนื่องจากมันทำให้หัวของผมลอยขึ้นไปโขกกับหลังคารถในตอนแรกที่ผมเริ่มหลับและนั่นก็ทำให้ผมตาสว่างตลอดทาง

บ้านชาวลาวจะปลูกอยู่ไม่ห่างจากถนนมากนัก แต่ก็ไม่ใกล้จนชิด เรียกได้ว่าพอมีพื้นที่หน้าบ้านไว้ทำกิจกรรมอะไรเล็กๆ น้อยๆ ได้ บ้านส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กับบ้านมุงจากยกใต้ถุนของไทยและหลังจะมีขนาดไม่ใหญ่โต แต่ก็มีบางหลังที่เริ่มใช้อิฐใช้ปูนสร้างแบบบ้านสมัยใหม่กันแล้ว

ก่อนที่จะมาเยือนประเทศลาวผมได้รับรู้มาว่าชาวลาวมีรายได้ไม่มากนักและเทคโนโลยีก็ยังล้าหลังกว่าไทยมาก แต่เท่าที่ดูจากบ้านที่ผ่านๆ มา เกือบทุกหลังมีจานดาวเทียมใช้กันทั้งนั้น ผมเลยสงสัยว่าตกลงเค้ามีรายได้น้อยและเทคโนโลยีล้าหลังจริงเหรอ

"ทำไมบนหัวของจานดาวเทียมถึงได้เอากระติกน้ำครอบไว้เกือบทุกอันเลย"

เป็นคำถามที่ทำให้ผมรู้สึกว่าคนถามช่างสังเกตจริงๆ พอคิดตามแล้วก็ เออ จริงด้วย ทำไมหว่า แต่คำตอบที่ได้รับจากไกด์สาวชาวลาวทำเอาผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"อ๋อ หัวของจานดาวเทียมมันหลุดค่ะ เค้าก็เลยเอากระติกน้ำไปครอบไว้แทน เวลาฝนตกไฟมันจะได้ไม่ช๊อต"

เรียบง่ายและตรงไปตรงมาจนผมรู้สึกว่าทำไมเราถึงได้เป็นคนคิดมากขนาดนี้นะ

บ้านหลายหลังที่แล่นผ่านมาถูกสร้างไว้ครึ่งๆ กลางๆ บางหลังทำพื้นกับเสาเอาไว้ บางหลังทำไปครึ่งซีก บางหลังไม่มีหลังคา

"หลายคนคงสงสัยนะครับ ว่าทำไมที่นี่ถึงมีบ้านสร้างไม่เสร็จกันเยอะนัก" ยังไม่ทันจะถาม ไกด์ของคณะทัวร์ก็พูดออกมาเหมือนรู้ทัน

"คือว่า ชาวลาวเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย และมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ตามปกติพอเค้าทำงานได้เงินมา ได้มาเท่าไหร่เค้าก็เอามาสร้างบ้าน พอเงินหมดสร้างได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ปล่อยไว้อย่างนั้นก่อน ไว้รอทำงานได้เงินงวดต่อไปเค้าก็จะเอามาสร้างต่อไปเรื่อยๆ จนเสร็จ บางหลังกว่าจะเสร็จก็หลายปีทีเดียวครับ"

รถแล่นผ่านโรงเรียนไม้ชั้นเดียวที่ปลูกเดี่ยวๆ ในพื้นที่ที่เป็นดินแดง มีรั้วไม้เตี้ยๆ ล้อมอยู่ พอเห็นรถวิ่งเป็นแถวยาวๆ เด็กๆ ก็จะกรูกันออกมาดู เท่าที่ดูจากระยะไกลดูเหมือนเด็กๆ จะไม่ได้ใส่รองเท้ากัน ดูแล้วก็อดยิ้มในใจและนึกถึงเมื่อครั้งที่ผมยังเป็นเด็กไม่ได้ ที่พอเห็นรถทัวร์วิ่งติดๆ กันมาหลายคันก็จะต้องวิ่งออกไปดูพร้อมโบกไม้โบกมือให้คนบนรถ

จากระยะทางแล้วดูเหมือนเราจะใช้เวลานานเกินกว่าที่ควรจะเป็นในการเดินทาง นั่นก็เพราะสภาพถนนและภูมิประเทศที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น

และแล้วเราก็มาถึง "น้ำตกตาดเยือง" เมื่อเวลาประมาณสิบโมงครึ่ง พอรถจอดสนิทปุ๊บหลายคนก็วิ่งกรูกันแย่งเข้าห้องน้ำที่มีบริการเพียงสองห้อง ส่วนผมและเพื่อนร่วมคณะทัวร์อีกหลายคนก็ถือโอกาสนี้เดินตรงไปยังน้ำตก เพื่อที่จะได้เก็บรูปเวลาที่ยังไม่มีคนเดินไปเดินมาเสียหน่อย

อากาศในช่วงเวลานี้ร้อนขึ้นกว่าช่วงเช้าค่อนข้างชัดเจน แต่ร่มไม้และทิวทัศน์ตรงหน้าก็ยังช่วยให้ผมไม่รู้สึกร้อนจนเกินไปนัก

ทางเดินลงไปตอนแรกจะเป็นทางลาดที่ไม่ชันมาก พวกเราจึงเดินกันไปได้แบบสบายๆ ต่ำลงไปทางซ้ายมือเป็นลำธารที่ดูเหมือนกระแสน้ำจะไหลเอื่อยๆ ลัดเลาะไปตามดินและก้อนหินน้อยใหญ่ พื้นดินเขียวขจีไปด้วยหญ้า สองข้างลำธารเต็มไปด้วยไม้ยืนต้น

มีสะพานไม้สำหรับข้ามลำธารเป็นระยะๆ เพิงเล็กๆ ถูกปลูกไว้ให้สำหรับคนที่ต้องการหยุดชมบรรยากาศในบริเวณนี้

เดินตามลำธารมาหน่อยหนึ่งจู่ๆ พื้นดินตรงที่น้ำเคยไหลอยู่ก็หายไปดื้อๆ ได้ยินแต่เสียงซ่าดังสนั่นหวั่นไหวมาจากเบื้องล่าง

จากจุดนี้ไปทางจะลาดชันมากอีกทั้งค่อนข้างจะชื้นแฉะพอสมควร พวกเราต้องเดินลงด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้นเพราะอาจจะลื่นได้ จากด้านบนไม่ไกลมากนักเราก็เห็นน้ำตกที่ผมคิดว่าเป็นน้ำตกในอุดมคติของผมเลยทีเดียว

สูง สวยงาม และไม่ได้ตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง (แต่ถ้าเป็นฤดูฝนผมว่าก็ไม่แน่นะ)

ไม่น่าเชื่อว่าลำธารที่ดูสงบเสงี่ยมเมื่อครู่จะสามารถกลายเป็นน้ำตกที่ดูมีมนต์ขลังขนาดนี้ได้ สายน้ำแตกกระเซ็น ฟองสีขาวที่ไหนผ่านตามชั้นดินชั้นหินและทิ้งตัวลงสู่พื้นกลายเป็นลำธารที่ยังคงไหลเอื่อยต่อไปเบื้องล่างอย่างไม่สนใจใคร

แรกๆ ผมก็ลังเลอยู่เหมือนกันที่จะเดินลงไปยังส่วนล่างสุด เนื่องเพราะละอองน้ำและความชื้นจากน้ำตกที่มากเหลือเกินจนทำให้ผมเกิดกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับกล้องของผม แต่สุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหว ก็ไหนๆ ก็มาแล้ว เรื่องอื่นไว้คิดกันทีหลังละกัน

ผมยืนเก็บภาพธรรมชาติ บรรยากาศ และรอยยิ้มของเพื่อนร่วมคณะทัวร์ ต้องบอกว่ารอยยิ้ม ใบหน้าท่าทางของพวกเขาที่กำลังมีความสุขนั้น ผมรู้สึกว่ามันเด่นชัดและปราศจากอารมณ์ปนเปื้อนใดๆ จริงๆ นั่นก็พลอยทำให้ผมรู้สึกดีตามไปด้วย

ความผ่อนคลาย เป็นมิตร อิ่มเอม และความสวยงามที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ เป็นความรู้สึกที่ผมคิดว่าผมได้รับจากที่ "น้ำตกตาดเยือง" แห่งนี้ครับ

ในขณะที่หลายคนยังคงเก็บภาพกันอยู่ ผมรู้สึกว่าอากาศในขณะนี้ซึ่งเป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่งร้อนมากจนผมไม่สามารถจะยืนอยู่ต่อไปได้ ดังนั้น จึงตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปด้วยความทุลักทุเลทีเดียวเนื่องจากทางที่ชันมาก

เมื่อเดินขึ้นมาถึงด้านบนผมก็เกิดอาการหน้ามืดตามคาดจริงๆ จนเพื่อนร่วมคณะทัวร์ต้องหายาดมมาให้และผมต้องเสียเวลานั่งพักอยู่ตรงนั้นนานพอสมควรทีเดียว

พออาการดีขึ้นพวกเราก็เดินกลับไปที่จอดรถ และก่อนขึ้นรถเพื่อไปหามื้อกลางวันกันบางคนก็แวะซื้อเนื้อที่แม่ค้านำมาขายนักท่องเที่ยว มันเป็นเนื้อสีคล้ำๆ ร้อยกันเป็นพวงซึ่งแม่ค้าบอกว่าเป็นเนื้อเก้ง

แต่สำหรับผม ใครจะซื้ออะไรผมก็ไม่สนหรอกครับ ผมตรงดิ่งไปซื้อน้ำ รีบขึ้นรถรับอากาศเย็นและรอให้รถเคลื่อนที่ไปสู่ร้านอาหารที่กำลังเตรียมอาหารกลางวันให้พวกเราอยู่

วันที่ 1

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8058581/W8058581.html

วันที่ 2 แปดโมงเช้า

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8067511/W8067511.html

ลำธารต้นน้ำตกตาดเยือง

 
 

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 22:15:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com