Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  
 


...............???? เหยื่อ ????  

ผมมองผ่านกระจกมัวซัวเขรอะไปด้วยฝุ่น มองออกไปยังท้องถนนข้างนอกนั่น  รถราเบื้องล่างยังคงแล่นขวักไขว่ มองเห็นเป็นกลุ่มไฟสองกลุ่มแล่นสวนทางกันไปแปลกตา   ดูราวกับหนอนยักษ์เรืองแสงสองตัว ที่กำลังออกคืบคลานหากินในเวลากลางคืน  ......
         ผมนั่งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้    พอรู้สึกตัว ก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู   ...นี่มันจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว    ผมหันไปมองรอบๆฟู้ดคอร์ท  ไม่มีคนนั่งกินเหลืออยู่เลยซักโต๊ะ    ....พนักงานทำความสะอาด สองคนกำลังง่วนอยู่กับการถูพื้น ส่งสำเนียงอีสานคุยกันเซ็งแซ่ แข่งกับเสียงก๊องๆแก๊งๆในครัว  ...    ป้าแก่ๆคนนึงกำลังนั่งนับเงินอยู่หน้าเคาน์เตอร์   สลับกับดูละครจากทีวีเครื่องเล็กที่มักจะเต้นเป็นเส้นๆอยู่ทุกๆครึ่งนาที  
            ...สำหรับพวกเขาแล้ว.....อีกไม่นาน วันหนึ่ง ก็จะผ่านพ้นไป  จะได้มีเวลาพักผ่อนหย่อนกายให้หายเหนื่อยกันซักที  ตื่นเช้ามาพรุ่งนี้จะได้มีแรงทำงานกันต่อ    
......แต่สำหรับผม   มันสิ้นสุดไปแล้วเมื่อเช้านี้    ทันทีที่ผมเปิดอ่านข้อความในซองขาวซองนั้น…
 “ คุณถูกเลิกจ้าง ”
....จดหมายฉบับนั้นมีเงินจำนวนหนึ่งแนบมาด้วย  
..เป็น เงินเดือนๆสุดท้ายของผม !!


……….แล้วทีนี้... ใครจะเป็นคนส่งน้องชายผมเรียนให้จบ ???

..................  ใครจะเป็นคนใช้หนี้สินที่เหลืออยู่ของพ่อ ???

..…………………ใครจะเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่??

..........................ไหนจะค่าเช่าห้องที่ยังค้างอยู่ 3 เดือนอีก??....


              ผมยกขวดเหล้าขึ้นกรอกปากอีกอึกหนึ่ง  หวังลมๆแล้งๆว่ามันจะช่วยทำให้ลืมเรื่องราวทั้งหลายไปได้สักเพียงชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี..  ....ทั้งๆที่ผมเองก็เป็นคนไม่ชอบดื่มเหล้า  แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นเพื่อนและที่พึ่งสุดท้ายของผม  
            ด้วยความมืดมิดแห่งราตรีภายนอก  ทำให้ผมเห็นเงาร่างของตัวเองเลือนรางบนกระจก      ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฝุ่นที่เกาะอยู่ที่กระจกหรือแสงสว่างทึมๆจากในร้าน  ....ผมรู้สึกว่าทำไมตัวเองหน้าหมองขนาดนี้   รอยคล้ำใต้ตาเป็นสีม่วงคล้ำกับรอยริ้วตีนกาสองสามเส้นที่หน้าผาก  มันทำให้ผมดูเหมือนคนอายุสักสี่สิบกว่าๆ  ทั้งๆที่ปีนี้ผมเพิ่งจะย่าง  30  เท่านั้นเอง    
              30 ปี ...... ควรจะเป็นวัยที่คนส่วนใหญ่จะเริ่มต้นสร้างเนื้อสร้างตัว  แต่สำหรับผมแล้วตอนนี้   เพียงแค่จะเลี้ยงตัวเองให้รอดไปวันๆยังลำบากเลย
              หลอดไฟบางส่วนเริ่มถูกปิดไป  ส่งสัญญาณไล่ลูกค้า (ซึ่งเหลือแต่ผมคนเดียว)เป็นนัยๆ   ..เหล้าในขวดพร่องไปมากแล้ว  คงเหลือนอนก้นแค่เพียงพอดีซักอึก    ...ผมกระดกเหล้าเข้าปาก  กลั้วอยู่ในปากซักพัก พอจะได้กำซาบความขมเฝื่อนๆของมัน  ก่อนจะกลืนลงไป    

.....  เหล้าค่อยๆไหลลงลำคอไปแล้ว     น่าแปลกที่ไม่อาจไล่ความทุกข์ที่ยังจุกลำคอผมออกไปได้หมดสิ้น            

.............................................


ผมเดินออกจากห้างไปยังสะพานลอยที่เชื่อมต่อกัน  ดึกป่านนี้แล้ว รถเบื้องล่างยังคงวิ่งขวักไขว่
แสงไฟเมืองกรุงยังคงเรืองรุ่งส่องสกาวในยามราตรี   ดึงดูดผู้คนมากมายสารพัดถิ่นหลั่งไหลเข้ามาราวกับแมงเม่าที่พิสมัยกองไฟร้อน  .....ผมเองไม่ต่างจากแมงเม่าตัวหนึ่งที่ปีกถูกเผาไหม้เกรียมจนร่วงหล่นลงมากองที่พื้น  และกำลังพยายามกระเสือกสนคลานต่อไปเพื่อให้รอดชีวิต  
ใจหนึ่งก็อยากจะกระโดดสะพานลอยตาให้มันรู้แล้วรู้รอด  อีกใจหนึ่ง  ก็เป็นห่วงพ่อแม่และน้องชายว่าเค้าจะอยู่กันยังไง

ผมเดินโซซัดโซเซไปเรื่อยๆ  ....ตามแต่สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจากฤทธิ์สุราไป  ... เข้าซอยนู้น ทะลุออกซอยนี้   ไร้จุดหมายปลายทาง   ....โลกนี้ราวกับกำลังหมุนคว้างไปตามมรสุมคลื่นลมแห่งชีวิตผม

...แล้วจู่ๆ  ผมก็รู้สึกเหมือนชนถูกอะไรเข้าบางอย่าง

“ เฮ้ย  ไอ่น้อง ..... ลื้อเดินชนอั๊วแบบนี้  นึกว่าตัวเองเก๋าแค่ไหนวะ???  ”  เจ้าของเสียงกระชากคอเสื้อผมขึ้นมา   นัยน์ตาเกรี้ยวกราดมองจ้องเขม็งมาที่ผม      ...พวกของมันอีกสองคนยืนขนาบสองข้างยืนยิ้มเยาะราวกับหมาไนเจ้าเล่ห์

“ ผะ  ผมม …ขะ ขอโทษครับพี่ ”   ผมละล่ำลัก ยกมือไหว้ท่วมหัว ...สติเริ่มคืนกลับมา  
“ มะ... ไม่ ได้ ตั้งใจจริงๆ พี่ ”      
“ เมิงไม่รู้เหรอวะ  ว่าแถวนี้มันถิ่นใคร ”   ไอ้หมาไนตัวขวาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ
……อารามตกใจปนหวาดกลัว...ทำให้ผมเงียบไปพักหนึ่ง  ..........กำลังจะเอ่ยปากขึ้นตอบ
ก็รู้สึกถึงแรงเหวี่ยงมหาศาล  ทำเอาผมล้มลงไปกองกับพื้น

“ เฮ้ย  กูถาม ทำไมเมิงไม่ตอบกูวะ …………แบบนี้มันจงใจกวนตีนกันนี่หว่า ”   ไอ้ตัวขวาตวาดพลางเดินตรงรี่มาที่ผม   แล้วเตะเข้าที่ท้องเต็มรัก

“ อุ๊บบ.. ”  ผมนอนคุดคู้ เอามือกุมท้องด้วยความจุก   ความเจ็บปวดแล่นปรี๊ดไปทั่วสรรพางค์
“ เฮ้ยย  ไอ้น้อง  ”    อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น  เดาว่าคงจะเป็นไอ้ตัวซ้าย  “ ถ้าเมิงอยากกลับบ้านโดยสวัสดิภาพล่ะก็  จ่ายค่าผ่านทางมาซะดีๆ  ”

“  … ผม...  ผมไม่มีเงินให้พวกพี่หรอกครับ   ”   ผมพยายามพูดขึ้นอย่างยากลำบาก  พลางยันตัวขึ้นมาในท่านั่งคุกเข่า มือยังคงกุมท้องอยู่       “..พี่ปล่อยผมไปเถอะนะ  ผมขอร้อง”    

“ อั๊วไม่เชื่อ!!!  ”   ไอ้ตัวลูกพี่โพล่งขึ้น  พยักเพยิดไปทางไอ้หมาไนตัวซ้าย   “ เฮ้ย...  พวกเมิง!!  ..ค้นดิ๊”

เจ้าสองคนนั้นเดินตรงมาที่ผม   ผมพยายามยกมือหนึ่งขึ้นห้าม  ร้องเสียงหลง

“ อย่าทำผมเลยพี่..  ”    ….....ไร้ประโยชน์    ..แขนของผมถูกกระชากจนต้องลุกยืนขึ้น  พร้อมกับที่ร่างๆหนึ่งปรี่เข้ามาข้างหลังผม   สองแขนสอดมาข้างลำตัวล็อคแขนทั้งสองข้างของผมเอาไว้
ผมพยายามดิ้นให้หลุด   ...แต่ด้วยอาการจุกจากที่ถูกเตะเมื่อกี้นี้ ทำให้ผมไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน

ไอ้โจรที่กระชากแขนผม  เริ่มล้วงกระเป๋าเสื้อ และกระเป๋ากางเกงผม   เห็นมันคว้าได้กระเป๋าสตางค์กับมือถือผมไปต่อหน้าต่อตา  ....ทำให้ผมบันดาลโทสะขึ้นมา
“ เฮ้ยย  พวกเมิงอย่าเอาของกูไป ”    ...ผมสะบัดเท้าไปทางข้างหลังเต็มเหนี่ยว ถูกขาไอ้โจรที่ล็อกคอผมเข้าเต็มๆ  มันร้อง “โอ๊ย”  เสียงลั่น  ….รู้สึกเรี่ยวแรงที่ล็อกผมจะคลายลงเล็กน้อย  ผมจึงอาศัยจังหวะนั้นดิ้นหลุดออกมา   ...พลางพุ่งหมัดตรงไปที่ไอ้คนข้างหน้า  เข้าที่ปากมันเลือดกลบ

โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง  ผมยื่นมือไปแย่งกระเป๋าสตางค์ของผมจากมือของมัน..........และจังหวะนั้นเองหมัดลุ่นๆก็พุ่งเข้าใส่โหนกแก้มผมจนหน้าหัน   แรงปะทะทำให้ผมเซเสียหลักไป   ..ที่แท้กไอ้ลูกพี่มันนี่เอง  มาเข้าร่วมวงด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้    ......จากนั้นการรุมยำ 3 รุมหนึ่งแบบหมาหมู่ก็เกิดขึ้น

……ไม่นานนักผมก็ลงไปกองกับพื้น ในสภาพสะบักสะบอมจมกองเลือด

ผมยื่นมือออกไปจับขาพวกมันคนหนึ่ง  ร้องขออย่างวิงวอน
“  ขะขอ  ร้องล่ะพี่  .....อย่าเอาของผมไปเลย   ...ผมต้องเอาเงินไปรักษาแม่  ”  ผมกล่าวอ้อนวอนทั้งๆที่เลือดเต็มปาก  ...:-)ก้อนเลือดลงพื้นทีหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า  “ ....ผมถูกไล่ออกจากงาน..... ผมไม่มีเงินเหลือแล้ว.... ขอเถอะนะพี่    ”

“ เฮ่ยย   แล้วไงวะ     …….แล้วมันหนักหัวพ่อพวกอั๊วด้วยเหรอวะ … ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”  ไอ้หัวโจกกล่าวพลางหัวเราะลั่นเสียงดัง  ไอ้หมาในสองตัวนั่นก็หัวเราะตาม

“ ทุ้ย.. ”  ไอ้คนที่ถูกผมจับขา  ถ่มน้ำลายใส่ผม  “ กูไม่กระทืบตายคาตีนก็บุญแต่ไหนแล้ว.......เฮ้ยปล่อยกู ”
มันเตะขาสะบัดผมหลุดลงไปกองอย่างง่ายดาย ...  ปล่อยให้ร่างอันไร้เรี่ยวแรงของผมเฝ้ามองดูพวกมันหยิบเงินออกจากกระเป๋าตังค์ แล้วโยนกระเป๋าเปล่าๆมาที่ข้างๆตัวผม  ... ก่อนจะเดินจากไป

“ ขอ......ขอร้อง........ล่ะ..... ครับ  ”  
ผมพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมด เปล่งเป็นคำพูดออกมา .......ทว่าเสียงขอร้องสุดท้ายของผมคงแผ่วราวกับสายลมบางเบา…ที่แม้แต่ผมเองก็ยังไม่ได้ยิน    
……………………………
พวกโจรเฮงซวยจากไปนานแล้ว.........ทิ้งไว้แต่บาดแผลและร่องรอยความบอบช้ำไปทั่วทั้งร่าง
........ถึงกระนั้นก็คงยังไม่เท่ากับบาดแผลในใจผม   ที่เจ็บปวดเสียจนราวกับมันจะแตกสลายลงไปตรงนั้น  
.........วูบหนึ่ง ผมรู้สึกโกรธแค้นไอ้พวกนั้นเข้ากระดูก     ที่ทำกับผมเช่นนี้ มันยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่อีกหรือ     หรือเป็นเพียงแค่เดรัจฉานในคราบมนุษย์  ที่หวังแต่จะเล่นงาน “เหยื่อ”
โง่ๆอย่างผม  

หึ.......เหยื่องั้นรึ  
แท้จริงพวกมันเองก็คือเหยื่อเช่นกัน  
...............เหยื่อแห่งสิ่งสมมุติ ที่เรียกกันว่า เงินตรา..............
..........สิ่งที่สั่งให้พวกมันทำได้ทุกอย่างโดยไม่หลงเหลือเศษเสี้ยวของความเป็นมนุษย์
.........
.......ผมนอนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้   …..
...................รู้สึกตัวอีกที เหมือนกับมีใครซักคนมาสะกิดผม พร้อมกับส่งเสียงเรียกผมเบาๆ
“ ...ไอ้น้อง.....ไอ้น้อง”   ผมค่อยๆเผยอเปลือกตาขึ้นมา  เห็นชายคนนั้นรางๆ  “  เป็นอะไรมากเปล่าวะ ....เดี๋ยวพี่พาไปส่งโรงบาล ”

............นั่นเป็นวันแรกที่ผมได้พบกับพี่ศักดิ์

จากคุณ : ซงย้ง
เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 18:03:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com