ความคิดเห็นที่ 1 |
กองไฟเห็นว่าพญานาคหาแสงดาวเจอแล้วก็ตกใจแผดร้องขึ้น แววตาจ้าววารีแดงก่ำดุจดวงไฟจากโลกันต์และแฝงด้วยประกายอาฆาตหันตามเสียงเรียก ราวกับมันโกรธจัดที่เด็กชายไม่ให้เกียรติ์มาลดระดับให้เป็นงูธรรมดา จึงหมุนขนดขวับกลับมาหา แสงดาวเมื่อได้ยินเสียงก๊องก็เป็นห่วง จึงหาญกล้าโผล่ออกมาจากหลังโคนมะพร้าว
อย่า อย่าไปทำเขา! หล่อนยืนกำมือแน่น ฉันอยู่นี่!
งื้น... พญานาคหันขวับมาทำเสียงแหลมและแยกเขี้ยวคมดุจซี่เลื่อยอวด ราวประกาศว่าจะได้ตายทั้งคู่แน่ แล้วก็เกร็งตนยกขนดให้ข้ามพรวดไปในดงมะพร้าว หัวใจเด็กสาวแทบหยุดเต้น เมื่อร่างยาวใหญ่มาขนดเป็นชั้นราวนั่งบัลลังก์อยู่ต่อหน้า ถ้าจ้าวแห่งน้ำนี้ใจดีก็คงแลสวยอยู่หรอกเพราะลวดลายที่หงอนนั้นงดงามราวมีชฏาแหลมครอบ หล่อนแม้จะกลัว แต่ก็ใจสู้ ยิ้มหวานให้ตามที่แม่สอน พร้อมค่อย ๆ เดินถอยหลังและหันกลับ วิ่งไปหลบหลังมะพร้าวต้นอื่น
ซึ่งมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะพญานาคเหนือด้วยเล่ห์จึงไม่ไล่ตามหลัง แต่กลับสร้างความตื่นเต้นให้มากขึ้นด้วยพุ่งร่างอ้อมดงมะพร้าวและใช้ขนดยาวล้อมไว้ทุกทิศ แสงดาวโผล่มามองแวบนึงเมื่อเห็นร่างยาวเอี้ยวไปทางอื่นก็ใจชื้น นึกแล้วว่าถ้ายิ้มไว้ ใครก็ต้องรัก แต่สุดท้ายเมื่อหันหน้ากลับมาหล่อนก็ต้องลืมความคิดนั้นไปเลย เพราะเศียรที่เคยชมว่าสวยบัดนี้ลอยเด่นดักอยู่ข้างหน้า ทั้งเหงือกแดงอันมีรอยหยักประหนึ่งสลักยืดกว้างเหมือนยิ้มตอบดั่งที่ตนยิ้ม ต่างกันที่คมเขี้ยวแวววาวแหลมจนน่าเสียวไส้ และคงไม่ได้เป็นรอยยิ้มเป็นมิตร เพราะดวงตาจ้องเขม็งและลิ้นแหลมที่แลบแผลบ ๆ ออกมานั้นหามีอายแห่งความปราณีไม่
คราวนี้แสงดาวยิ้มเจื่อน คิดในใจว่าคงตายแน่ เพราะไม่มีทางหนีแล้ว จึงทรุดตัวนั่งเอามือกุมศีรษะไว้และห่อตัวให้เล็กที่สุด เผื่อพญานาคจะสงสาร แต่เป็นไปไม่ได้ เพราะในวินาทีชีวิตนั้นหล่อนรู้สึกได้ว่าหัวใหญ่ ๆ พาดมาข้างบนแล้ว กลิ่นอำมหิตเตะจมูกจนแทบไม่กล้าหายใจพร้อมเสียงยวบยาบดุจใบมีดโกนที่ถูลับกับพื้น
ถ้าข้ากินเจ้าไป ทุกอย่างคงจบสิ้นสินะ เสียงแหลมของนาคสื่อสารออกมา แต่แสงดาวไม่ได้ยินเพราะหัวใจดวงน้อยที่เต้นรัวนั้นมีเสียงก๊องแผดลั่นแว่วมา จอมภพและว่านแก้วก็ร้องเรียกด้วย รวม ๆ เป็นคำว่าแสงดาว ๆ เด็กสาวนึกถึงหน้าพ่อแม่ น้ำตาเริ่มเจิ่ง เกร็ดที่เสียดสีกับพื้นดังเป็นจังหวะสุดท้าย ราวว่าจะโผขึ้นแล้วพุ่งหัวเขมือบ แต่ในเสี้ยวนาทีนั้นกลับมีอีกเสียงลอยมา ทว่าไม่ใช่เสียงคน เสียงขู่ฟ่อ เสียงคมเขี้ยว หรือเสียงเกร็ดงู...แต่...เห้ย...เสียงนี่มัน...
บ๊าว...! ! !
เสียงเจ้าคิโบว์นี่!
มันกระโดดมาช่วยหรือว่ากระโดดเข้าปากพญานาคจอมโหดไปแล้วนะ ไม่อยากจะเชื่อว่าชั่ววูบวินาทีหล่อนยังล้อเล่นกับตัวเองอีก ทำไมเลือดติ๋ง ๆ ยังไม่หยดลงมา ร่างที่นั่งเกร็งเริ่มคลายพร้อมแหงนใบหน้านวลซีดเซียวขึ้นมอง คิดในใจอย่าได้เห็นครึ่งท่อนของคิโบว์ที่โผล่มานอกปากจ้าวอสรพิษเลย ไม่งั้นยาเมะคงเสียใจมาก และตนคงใจสลายแน่ ถ้าเจ้าหมาที่น่าสงสารจะมาสละชีวิต เมื่อจบความคิด หล่อนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมอง
ฮื่อ...! ! !
เห้ย! ดวงตาเบิกกว้างกว่าที่เคยกว้าง เมื่อตาไม่ฝาดก็ยิ่งตกใจ เป็นคิโบว์จริง ๆ แต่ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมกลายเป็นหมายักษ์เช่นนี้เล่า! ขนาดตัวของมันใหญ่กว่าจะเข้าปากนาคได้ ทั้งยังงับกระพุ้งแก้มที่มีลายกนกนั้นไว้อีก หล่อนแทบอยากจะเป็นลมล้มพับ ทว่าไม่ใช่วิสัยของแสงดาว เด็กสาวดีดตัวคลานถอยหลังกรูด เพื่อมองให้ชัดขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเมื่อพ้นเงาของสัตว์ใหญ่ทั้งสองที่บดบัง หล่อนก็เซอร์ไพรส์มาก เพราะผู้ที่ลอยอยู่บนฟ้าโดยบังดวงจันทร์ไว้ครึ่งเสี้ยวนั่นก็คือ...
คือ...
คือ...
จิระยาเมะ! ...ยาเมะ... แสงดาวส่งเสียงร้องด้วยดีใจ ทุกสายตาไม่ได้มองบนฟ้าแต่จับจ้องไปยังการต่อสู้อันระทึกขวัญ ทันใดนั้นเอง นอกจากคิโบตัวใหญ่แล้ว ก็ยังมีคิโบอีกสี่ห้าตัวโผล่ขึ้นมาจากผิวดิน! แม้จะขนาดย่อมลงกว่ามาก แต่แต่ละตัวกระโดดเข้าหาพญานาค จ้วงกัดอย่างดุดัน จ้าวแห่งบาดาลกอดรัดฟัดเหวี่ยงทั้งฝังเขี้ยวพิษไปยังหมาทั้งหลาย คิโบบางตัวเหมือนจะแหลกเป็นธุลีดิน แสงดาวและจอมภพรีบวิ่งหนีออกมา เสียงร้องโหยหวนดังระงม แต่เหมือนจ้าวแห่งบาดาลมีอำนาจเหนือฝูงหมา จึงดีดขนดสะบัดหมู่จิ้งจอกหลุดกระเด็น มีเพียงร่างเงินตัวใหญ่ที่กัดไม่ปล่อย จนกระทั่งเสียงผู้เป็นเจ้าของแผดกร้าว
ถอยไป คิโบ! สิ้นคำดุดันของยาเมะ เด็กหนุ่มผู้ลอยสถิตอยู่ ณ ม่านรัตติกาลก็เนรมิตง้าวคมยาวออกมาขู่ เสียงหวนหวีดกรีดอากาศราวกับดังออกมาจากอาวุธที่แกว่งไกว ราวคนร้องไห้ พญานาคได้ยินเสียงนั้นก็หันกลับมา ตาแดงเบิกโพลงตกใจ กลัวศาสตราวุธแห่งมฤตยูกำลังจะถูกเหวี่ยงมาจึงหมุนขนดหลบแล้วดีดตัวลงบ่อน้ำไปอย่างเร็ว เจ้าคิโบพร้อมสมุนเห็นเช่นนั้นก็กระโจนตามไปงับ สู้กันต่อในน้ำอย่างพัลวัน
กองไฟเพ่งมองการต่อสู้ที่ดุเดือด เขาเห็นแวบ ๆ ว่าหนึ่งในคิโบห้าตัว มีตัวหนึ่งมีละอองสีเงิน แต่เขาไม่แน่ใจ ลองจ้องมองใหม่ รัศมีนั้นก็หายไป ไม่นานนัก น้ำในบ่อก็มีกลิ่นไอดินฟุ้ง น้ำนั้นแปรเป็นสีกาแฟเหมือนหลังฝนตกใหม่ แต่ความมืดทำให้ไม่มีใครสังเกต นอกจากจะเห็นร่างหนึ่งลอยขึ้นมาเมื่อแผ่นน้ำสงบลงราวไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เป็นคิโบในขนาดปกตินั่นเอง แสงดาวตกใจ ทั้งจอมภพ ว่านแก้ว กองไฟวิ่งมาที่ริมบ่อ ยาเมะพาร่างลอยลดระดับมายังเหนือน้ำแล้วใช้มือพยุงสัตว์แสนรู้คู่กายลากมาข้างตลิ่ง น่าแปลกที่มันดูอ่อนแรงอย่างมาก เด็กหนุ่มใจหาย แต่แสงดาวใจสลาย
คิโบ...ว์ เด็กสาวไม่คาดคิด หล่อนครวญเมื่อเห็นตาหมาหนุ่มปิดสนิทก็หลั่งน้ำตาไหลติ๋ง แล้วรีบฉุดเจ้าจิ้งจอกเงินขึ้นมากอด ขนที่เคยฟูฟ่องเปียกน้ำแฟบจนเห็นว่าตัวจริง ๆ นั้นผอมบาง ดวงตาบ้องแบ๊วค่อย ๆ เปิดขึ้นมาเพื่อสบตานายสาวอย่างภูมิใจที่ทำหน้าที่ปกป้องอันตรายได้สำเร็จ ก่อนมองขึ้นไปหายาเมะ เชิงค้อนเล็กน้อย แต่ปากของมันก็ยิ้ม ท่าทางมันน่าสงสารมาก ลิ้นที่เคยสีชมพูแปรเป็นสีม่วงห้อยลงมาพร้อมน้ำลายที่ไหลเป็นทาง หางยกเบา ๆ แสดงความเคารพนายตน ร่างที่แน่นหนาและฟูฟ่องไปด้วยขนนั้นแฟบด้วยหยาดน้ำแนบหนัง เสียงครางบ๋าว ๆ แผ่วเบาลงทุกที น่าเสียดายมันคงไม่ได้กลับไปดูแลนายน้อยอีกแล้ว เป็นยังไงล่ะ ยกมันให้กับคนอื่น สมน้ำหน้า ต่อไปนี้คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว
คิโบ...! ยาเมะแรงหมดทรุดตัวฮวบลงมาจากอากาศนั่งกับพื้นดิน อย่าล้อเล่นน่า ลุกขึ้นมาเร็ว!
เบ๋า... ไม่ลุก คิโบยังคงดื้อกับนายน้อยเสมอ
พี่แก้ว คิโบ... จะตายไหม? แสงดาวเสียงสั่นถามสาวรุ่นพี่ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหล่อนไม่ใช่สัตวแพทย์ วิชาแพทย์ก็ยังไม่ได้เรียน
มันโดนกัดตรงไหนหรอ ว่านแก้วก็ร้องไห้ด้วยกลัวว่ามันจะตาย หล่อนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วพยายามไล่ตรวจรอยแผลอย่างเบามือ หล่อนพยักหน้าให้ยาเมะช่วยหงายอีกด้านขึ้นมา ทว่าเมื่อไม่เห็นสักรอยแผลก็เงยหน้ามองทุกคนด้วยความฉงน
พิษนาคคงแรงมาก แค่สัมผัสจากภายนอกก็แย่แล้ว แสงดาวขยี้ตา
ลองไปหาหมอไหม?...พี่จะให้พ่อขับเรือไป จอมภพก้มลงหมายประคอง แทนว่านแก้วที่ลุกถอยให้
พิษงูยังมีเซรุ่ม แต่พิษนาคจะใช้อะไรล่ะ ไม่เคยมีใครเจอพญานาคมาก่อนนะ แก้วให้เหตุผล
ไม่ต้องไปหาหมอหรอก มันไม่เป็นไรหรอก ลุกขึ้นมา หนุ่มลูกครึ่งจาปันดึงมือจอมภพออกไม่สบอารมณ์ แล้วตีก้นคิโบกระตุ้นให้ลืมตา แสงดาวเห็นเช่นนั้นก็หันขวับมาปัดมือเพื่อนชายอย่างแรง
มันกำลังจะตาย! หล่อนร้อง มันเจ็บ จะตีมันอีกทำไม!
มันไม่ตายหรอก ยาเมะตีก้นหมาหนุ่ม เหมือนทุกครั้งที่เขาปลุกให้มันตื่นนอน มันแกล้งตายไปอย่างนั้นแหละ ใช่ไหมคิโบ?
เธอไม่เข้าใจ เธอไม่รักมัน เด็กสาวฉุน หล่อนผลักยาเมะ แล้วโน้มตัวลงกอดคิโบว์แน่น
จิระยาเมะมองสาวน้อยที่หน้าบู้บี้ด้วยความเศร้า แล้วก็เขย่าร่างหมาของตนอีก แรงขึ้น แรงขึ้น
ลุกขึ้น ลุก จะทำให้คนอื่นร้องไห้ไปถึงไหน เสียงดุฟังไร้เหตุผล แต่สะท้านใจผู้อยู่รอบล้อมจนน้ำตาล้น
มันไม่ลุก จะลุกได้ไง ก็มันไม่มีแรงแล้ว มันจะตายอยู่แล้ว! แสงดาวเถียง หล่อนเม้มปากไม่ให้น้ำมูกไหลเข้าไป ยิ่งเห็นว่ายาเมะไม่เชื่อยังเขย่าร่างคิโบแรง หล่อนก็ดึงแขนเพื่อนชายออก แล้วตีเผียะ ๆ ด้วยความเสียใจเช่นกัน แค่นี้มันก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว ฮือ ๆ เธอน่ะใจร้ายที่สุด เธอใช้กสิณขยายร่างของมัน ทั้ง ๆ ที่น่าจะรู้ว่านาคน่ะ มีพิษร้ายขนาดไหน แล้วตอนนี้ยังแกล้งมันอีก ฮือ...
| จากคุณ |
:
X RoBiN
|
| เขียนเมื่อ |
:
15 ก.ค. 52 21:46:47
|
|
|
|