Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  
 


ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 2 เที่ยงครึ่ง  

ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 2 เที่ยงครึ่ง

เราต้องวิ่งรถกลับมาตามถนนเส้นเดิมเพื่อไปยังร้านอาหาร ระหว่างทางที่รถวิ่งอยู่นั้นเราจะพบชาวต่างชาติซึ่งน่าจะเป็นฝั่งยุโรปปั่นจักรยานท่องเที่ยวอยู่เป็นระยะๆ

มองไปเห็นพวกเค้าก็น่าเห็นใจอยู่เหมือนกันเพราะพอรถตู้ของพวกเราแล่นผ่านก็ทำให้ฝุ่นตลบอบอวลไปหมดจนแม้แต่จะมองไปข้างหน้ายังยากเลย พวกเค้าจำเป็นต้องจอดจักรยานสูดฝุ่นละอองแล้วรอให้ขบวนของพวกเราผ่านไปก่อน

ผมแอบนึกอยู่ในใจว่าเค้าทำได้ยังไงกันกับการปั่นจักรยานตากแดดตากฝุ่นไปที่ไกลขนาดนี้ (ทางไปน้ำตกตาดเยืองที่พวกผมเพิ่งไปมาเป็นถนนเส้นเดี่ยวที่ไม่มีทางแยกครับ ดังนั้นเลยเข้าใจว่าเค้าน่าจะปั่นจักรยานไปที่นั่น) เพราะขนาดผมเองซึ่งเป็นคนเมืองร้อนแท้ๆ ยังไม่ไหวเลยถ้าต้องตากแดดที่ร้อนขนาดนั้นนานๆ

ช่วงนี้พวกเราบนรถตู้เริ่มหงอยๆ กันแล้วหลังจากช่วงเช้าที่เฮฮากันขนาดหนัก ก็ช่วงเวลาที่ใกล้จะเที่ยงแล้วแถมต่างคนต่างออกแรงกันขนาดหนักแบบที่ไม่เคยทำในที่ทำงานทำให้พลังงานในตัวเหลือน้อยลง เรียกว่าถ้าเป็นอุลตร้าแมนสัญญาณไฟสีแดงตรงกลางอกคงกระพริบไปแล้ว

พวกเราเลยรบเร้าให้คนขับรถชาวลาวเร่งเครื่องขึ้นอีกหน่อย ซึ่งเค้าเองก็ให้ความร่วมมือเต็มที่เสียด้วย คนอื่นไม่รู้เป็นไงแต่ผมงี้นั่งลุ้นตลอดทางเลยครับ

ถนนของประเทศลาวค่อนข้างจะโล่งมาก แต่ด้านข้างจะไม่มีราวถนนและตรงกลางก็ไม่มีเกาะกลางถนน ดังนั้นเวลาขับรถเค้าจะขับกันตรงกลางถนนเลย หรือไม่อย่างน้อยก็ต้องมีล้อฝั่งหนึ่งล้ำเข้าไปที่เลนส์ตรงข้าม พอมีรถแล่นสวนมาเค้าถึงจะหักหลบกันครั้งหนึ่ง

เหมือนที่ใครว่าไว้ว่าเราจะรู้สึกว่าขากลับมักจะเร็วกว่าขาไป รถตู้พาเรามาถึงร้านอาหารที่ปลูกอยู่ติดกับ "น้ำตกตาดผาส้วม" ด้วยความรู้สึกนั้นครับ (ชื่อร้านอาหารผมจำไม่ได้เสียแล้ว)

พอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลาก็พบว่าเรามาเร็วกว่าขาไปจริงๆ แฮะ ไม่ได้รู้สึกไปเอง เพราะตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงครึ่งเท่านั้นเอง

พูดถึงโทรศัพท์มือถือแล้ว ทำให้นึกออกว่าก่อนไปผมเปิดบริการโทรข้ามแดนไว้ ก็นึกว่ากดเบอร์ตามปกติเหมือนที่ใช้ในประเทศก็สามารถโทรกลับมาที่ไทยได้ ที่ไหนได้กดแล้วกดอีกก็โทรออกไม่ได้ซะที

ได้ยินแต่เสียงสาวชาวลาวพูดกลับมาว่าโทรผิดวิธีหรือว่าเลขหมายยังไม่เปิดใช้บริการอะไรประมาณเนี้ยล่ะครับ ผมงี้เซ็งเลย (หลายคนในคณะทัวร์อารมณ์เดียวกับผมเป๊ะ)

ดีที่ว่าวันนี้มีคนโทรผิดเข้ามาจากฝั่งไทย ผมก็เลยลองกดดูว่ามันขึ้นเบอร์อะไรยังไงแล้วลองโทรอีกทีโดยกดเลียนแบบเบอร์นั้น ก็ปรากฏว่าโทรกลับมาไทยได้ในที่สุด เฮ้อ โชคดีไป (ความรู้สึกตอนนั้นดีใจมากๆ นึกว่าเปิดมาจะไม่ได้ใช้ซะแล้ว)

มาเข้าเรื่องกันต่อครับ ร้านอาหารร้านนี้เป็นไม้ทั้งหลัง การจัดร้านเรียบๆ แต่ก็ดูโล่งโปร่งสบายดี เราต้องถอดรองเท้าไว้หน้าร้านบริเวณที่มีน้ำเต้าผูกประดับไว้เป็นราว เดินขึ้นไปบนร้านแล้วนั่งหย่อนขาลงในช่องที่เจาะไว้ที่พื้นใต้โต๊ะอาหารยาวๆ

ผมก็อธิบายไม่ค่อยถูกครับ แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงเหมือนกับเวลาที่เราไปนั่งในห้องของร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างฯ ครับ

อาหารลาวที่ร้านนี้จัดว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาหากเทียบกับคืนเมื่อวานและอีกสองมื้อถัดจากนี้ จริงๆ แล้วหน้าตาหรือรายการอาหารของลาวก็เหมือนกับของไทยครับ แต่เท่าที่ผมกิน อาหารของเค้าจะออกจืดๆ ผิดกับของไทยที่รสชาติจะจัดกว่าเมื่อเป็นรายการอาหารเดียวกัน

อาหารเกือบทุกรายการจะใช้น้ำปลาร้าแทนน้ำปลา แต่ผมว่าน้ำปลาร้าของลาวไม่ยักมีกลิ่นเหมือนของเรา หรือถ้ามีกลิ่นก็อ่อนมากจนคนไม่ชอบก็ยังพอกินได้ (แต่ผมชอบอยู่แล้ว เลยกินได้สบาย)

หลังจากเติมกับข้าวไปหลายรอบจนหนังท้องตึงจนแทบปริแล้ว พวกเราก็ตัดสินใจออกเดินไปยัง "น้ำตกตาดผาส้วม" ที่อยู่ข้างๆ ร้านอาหารนั้นเองเพื่อเป็นการย่อยเสียหน่อย

"น้ำตกตาดผาส้วม" เป็นน้ำตกหินที่มีความสูงไม่มาก สายน้ำทิ้งตัวค่อนข้างแรงในระดับความสูงเดียวกับที่เรายืนกันอยู่ลงไปสมทบกับลำธารขนาดใหญ่ด้านล่าง หินแต่ละก้อนที่น้ำตกแห่งนี้สีจะออกคล้ำๆ ดำๆ เงาๆ ดูแล้วก็แปลกตาไปอีกแบบ

หากยืนอยู่ตรงจุดชมวิวเราจะเห็นด้านหน้าและลำธารด้านบนของน้ำตก และเมื่อมองไปรอบๆ ก็จะรู้สึกเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติ ต้นไม้น้อยใหญ่โอบล้อมอยู่รอบบริเวณโดยมีลำธารใสและน้ำตกเย็นฉ่ำตัดผ่านกลางวงล้อมสีเขียวนั้น

สะพานไม้ที่คล้ายๆ กับเอาไม้รวกมาขัดกันเป็นทางเดินข้ามไปอีกฝั่งส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำ (ผมไม่รู้ว่ามันทำมาจากไม้อะไรครับ) ถึงจะดูแข็งแรงดีแต่พอเดินกันหลายๆ คนผมก็เสียวอยู่เหมือนกัน

ที่นี่มีร่มไม้ให้หลบแดดได้นิดหน่อยแถมไม่ต้องเดินขึ้นลงให้เมื่อยก็เลยได้เก็บภาพแบบสบายๆ หน่อยครับ ดูเหมือนว่าน้ำตกตาดผาส้วมจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมพอสมควรทีเดียวสำหรับชาวลาว

อาจเป็นเพราะระยะทางไม่ไกลมาก (กะเอาจากระยะทางที่วิ่งกลับมาก็น่าจะอยู่ห่างจากโรงแรมที่พวกเราพักไม่มาก) อีกทั้งยังมีทั้งร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย

ดังนั้นที่นี่เราเลยพบหนุ่มสาวชาวลาวที่มาเป็นกลุ่มบ้าง มาเป็นคู่บ้าง หรือมากับครอบครัวบ้าง ยืนชมวิว ปูเสื่อนั่งกินอาหารกันอยู่หนาตาพอสมควร

เด็กหรือแม้แต่หนุ่มวัยรุ่นบางคนก็พยายามหาทางปีนลงไปให้ถึงพื้นน้ำลำธารด้านล่าง ซึ่งหลายๆ คนดูแล้วก็อดที่จะหวาดเสียวไม่ได้เหมือนกันเพราะหินที่เห็นน่าจะค่อนข้างลื่นทีเดียว

เมื่อข้ามสะพานไม้แล้วเราก็จะพ้นจากตัวน้ำตก เดินไปอีกหน่อยจะเป็นบ้านของชาวลาวที่ปลูกทิ้งระยะห่างกันอยู่หลายหลัง ตรงจุดนี้ผมเดินมาเจอไกด์เสียก่อนซึ่งเขาก็เร่งให้ขึ้นรถเพื่อไปยังที่ต่อไปเพราะเลยเวลามาพอสมควรแล้ว

ผมจำใจเดินขึ้นรถอย่างเสียไม่ได้ ก็เลยอดไปดูว่าตกลงแล้วบ้านตรงนั้นเค้าปลูกอยู่กันเองหรือเป็นแหล่งให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมเลือกซื้อของฝากกัน

หลังจากนั้นอีกประมาณสิบถึงสิบห้านาทีทุกคนก็มาประจำที่ของตัวเองบนรถตู้ และพวกเราก็พร้อมที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดท้ายของวันที่สองนี้เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง

วันที่ 1

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8058581/W8058581.html

วันที่ 2 แปดโมงเช้า

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8067511/W8067511.html

วันที่ 2 สิบโมงครึ่ง

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8078605/W8078605.html

บรรยากาศร้านอาหารข้างน้ำตกตาดผาส้วมแบบสบายๆ

 
 

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 19:51:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com