Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 2 สี่โมงครึ่ง (เย็น)  

ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 2 สี่โมงครึ่ง (เย็น)

เส้นทางไปน้ำตกตาดเยืองที่ว่าโหดแล้วกลับดูเล็กน้อยไปเลย เมื่อตลอดเส้นทางการเดินทางในช่วงบ่ายแทบจะทำให้เราต้องคายสิ่งที่เพิ่งกินมาตอนเที่ยง

คนขับรถชาวลาวบอกว่านี่เป็นถนนที่เพิ่งตัดใหม่เค้าเลยลองพาเรามาทางนี้ดู แต่ดูจากสภาพแล้วไม่ใช่ถนนตัดใหม่หรอกครับ มันเป็นถนนที่เพิ่มจะเริ่มตัดต่างหาก ตลอดเส้นทางจึงมีแต่ทรายที่เพิ่งนำมาถม (หลังกลับจากที่นี่พวกเราก็คุยกันประมาณว่า น่าเห็นใจเจ้าของรถซึ่งก็คือคนขับนั่นล่ะจริงๆ เพราะค่าซ่อมน่าจะไม่คุ้มกับรายรับเสียแล้วสำหรับงานนี้)

เรามาถึง “ปราสาทหินวัดพู” เมื่อเวลาประมาณสี่โมงครึ่งซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างจะเป็นช่วงเย็นแล้ว เลยจากกำหนดการมาถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ที่นี่ไม่รู้ว่าไกด์ของเราตกลงกับเจ้าหน้าที่ด้านหน้ายังไงเค้าถึงไม่ให้เราเอารถเข้าไปจนถึงหน้าเขตของปราสาทหิน

ดังนั้น เราจึงตัดสินใจลงจากรถแล้วเดินเข้าไปกันเองซึ่งก็ไกลเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่แล้วก็เลยเดินได้เรื่อยๆ ช่วงระหว่างที่เดินเข้าด้านซ้ายมือของทางจะเป็นสนามหญ้าที่กว้างพอประมาณ ที่ตรงนั้นมีการจัดตลาดนัดเป็นแนวยาว แต่ผมไม่ได้เดินเข้าไปดูก็เลยไม่รู้ว่าเค้าขายอะไรกันมั่ง

ด้านขวามือของทางเดินเป็นบึงขนาดใหญ่ยาวขนานกับทางเดินไปจนถึงแนวกำแพงเขตปราสาทหิน ในบึงนี้ยามแดดร่มลมตก เด็กผู้ชายก็จะออกมาพายเรือเล่นกัน ส่วนเด็กผู้หญิงก็จะวิ่งเล่นเก็บดอกไม้ใบหญ้าอยู่ริมบึง

พ่อค้าแม่ค้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ บางคนก็เดินเข้าไปยังบริเวณปราสาทหิน บางคนก็เดินออกมา ในมือ บนบ่า หรือในรถเข็นในร้านเต็มไปด้วยของที่เค้าเหล่านั้นนำมาขายให้นักท่องเที่ยว ดอกไม้ธูปเทียนสำหรับนำขึ้นไปไหว้พระบนเขา ของกิน ขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม ก็ยังมีขาย ที่นี่ในช่วงเย็นๆ ดูมีชีวิตชีวาดีทีเดียว

อ้อ ธุรกิจยอดฮิตในสถานที่ท่องเที่ยวของที่ลาวเห็นจะไม่พ้นธุรกิจถ่ายรูปครับ เรียกว่าได้แทบจะทุกที่เลยทีเดียว คือ ถ้าเราสนใจเค้าจะถ่ายรูปเรา โหลดลงคอมพิวเตอร์ และพิมพ์ออกมาให้เดี๋ยวนั้นเลย (คอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์หลายตัวตั้งกันโดดเด่นอยู่ตรงนั้นเลยครับ)

พ้นจากแนวรั้วจะมีทางเดินซึ่งทั้งสองข้างของทางเดินจะมีสิ่งที่คล้ายๆ เสาเตี้ยๆ ตั้งเรียงรายไปจนสุดทางเดิน ซึ่งปราสาทหินจะตั้งอยู่ตรงสุดทางเดินนั้นนั่นเอง

ปราสาทหินเป็นปราสาทขนาดใหญ่ แต่สภาพทรุดโทรมมากแล้วจนต้องใช้ไม้ค้ำยันไว้ ในวันที่ไปเราพบทีมงานชาวยุโรปกำลังย้ายปราสาทหลังหนึ่งไปตั้งไว้ที่ใหม่ซึ่งอยู่ถัดไปจากที่เดิมเล็กน้อย ซึ่งทางไกด์บอกว่าที่เดิมมันทรุดและปราสาทกำลังถล่ม ดังนั้น จึงต้องทำการย้ายที่ตั้งใหม่

หลังจากนี้หากเดินพ้นไปจะเป็นทางที่ต้องขึ้นเขาแล้วครับ ขอบอกว่าทางขึ้นเขาเป็นหินที่นำมาวางเรียงกันเป็นบันได ซึ่งบางขั้นก็แคบมากเรียกว่าวางได้ไม่เต็มเท้า บางขั้นก็ผุแตกไปแล้ว แถมที่สำคัญคือ มันชันมากๆ แล้วก็ยังไม่มีราวเอาไว้เกาะเสียด้วย

หลายคนตัดสินใจหยุดชมบรรยากาศ ซื้อของนั่งกินอยู่ที่ตรงนี้เพราะไม่อยากเดินขึ้นไปอีก ตอนแรกผมก็ว่าจะหยุดเหมือนกัน แต่ก็อีกนั่นล่ะ ไหนๆ ก็มาแล้วขึ้นไปซะหน่อยก็ดี

กว่าจะขึ้นไปได้นี่เหนื่อยจริงๆ ครับ สองข้างทางระหว่างทางขึ้นก็ยังมีพ่อค้าแม่ค้าขายของอยู่เป็นระยะๆ ตลอดทางเช่นเคย (ตลอดทางเดินขึ้น เด็กชาวลาววิ่งขึ้นวิ่งลงเล่นกันเหมือนกับวิ่งเล่นกันบนพื้นราบเลยครับ)

ที่ด้านบนจะมีเทวสถานที่ด้านในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ (ใช้คำถูกหรือเปล่าเนี่ย) ก็ไหว้พระขอพรกันพอเป็นพิธีแล้วก็เริ่มเดินลงเพราะขณะนั้นประมาณห้าโมงนิดๆ แล้ว ขาลงนี่นึกว่าจะสบายๆ แต่ที่ไหนได้ เนื่องจากทางมันชันมากนั่นเองทำให้เดินได้ไม่ถนัดเลย (กลัวตก)

พอเดินลงมาได้ครึ่งทางก็เห็นร้านขายน้ำ ผมก็เลยเดินไปซื้อน้ำอัดลมหนึ่งขวด แม่ค้าจัดแจงเทน้ำอัดลมลงถุงพลาสติกใสจากนั้นก็หย่อนน้ำแข็งยูนิตมาให้อีกหนึ่งก้อน ทั้งหมดนั้นสี่สิบบาทครับ

เงินเนี่ยไม่เท่าไหร่เพราะเค้าคงขนขึ้นมาลำบาก แต่น้ำแข็งหนึ่งก้อนเนี่ย เฮ้อ ลองคิดดูสิครับ เดินมาเหนื่อยก็เหนื่อย กะจะดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ ซะหน่อย ก็น้ำอัดลมอุ่นๆ มันชื่นใจซะที่ไหนละครับ ผมงี้ยืนเขย่าถุงน้ำอยู่ตั้งนานกว่ามันจะเย็น

รออยู่ที่รถจนถึงประมาณห้าโมงครึ่งเราก็เคลื่อนขบวนกลับที่พัก ระหว่างอยู่ในรถไกด์ชาวไทยก็เล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟัง เค้าว่าที่โล่งๆ ตรงทางเดินที่เป็นทางยาวๆ เข้าไปยังบริเวณปราสาทหิน (ที่สองข้างทางมีเสาหินเตี้ยๆ) ในสมัยก่อนเคยมีน้ำอยู่เต็มครับ

สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ด้านบนเขาเป็นเทวสถานสำหรับใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น การบวงสรวง การบูชายันต์ เค้าเปรียบทางเดินเข้าไปในบริเวณปราสาทเป็นทางเดินข้ามแม่น้ำจากโลกมนุษย์ไปสู่สถานที่สถิตย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ปกปักษ์รักษาบ้านเมืองอยู่

และเทวสถานซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดเปรียบเสมือนอยู่บนสรวงสวรรค์ ดังนั้น จึงต้องปลูกสร้างไว้บนยอดเขา

พอคุยถึงตรงนี้ผมถึงได้รู้ว่าที่ด้านหลังของเทวสถานที่ผมไปไหว้พระมายังมีที่ให้เดินต่อไปได้อีก โดยจะมีแอ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ (หลายคนในคณะเอากลับมา แต่ที่ด้านล่างก็มีเด็กๆ กรอกใส่ขวดเอามาขายเหมือนกัน) และก็มีแท่นบูชายันต์อยู่ เสียดายครับ อุตส่าห์ขึ้นไปจนถึงยอดแต่ไม่ได้ไปดูซะนี่

รถแล่นมาซักพักผมเชื่อว่าหลายๆ คนบนรถก็คงคิดแบบผมว่าจะต้องกลับทางเดิมอีกแล้ว ตอนนี้เกือบจะหกโมงหากกลับทางเดิมไม่ถึงโรงแรมตอนสามทุ่มเหรอเนี่ย

พอแล่นมาพักหนึ่งถึงชุมชนที่ตั้งอยู่ระหว่างทาง (ขามาก็ผ่านครับ แต่ขอข้ามไปเพราะไม่มีอะไรเป็นพิเศษ) คนขับรถก็ถามเราว่าจะกลับแพมั้ย หลังตกลงกันพักหนึ่งเราก็ตัดสินใจลงแพ

ตอนเอารถลงแพนี่ขลุกขลักนิดหน่อยเพราะรถตู้มันหนักก็เลยติดหล่ม ใช้เวลาหลายนาทีเหมือนกันกว่าจะพาขึ้นมาแล้วลงแพได้ แพของที่นี่เป็นเรือสามลำเอามาตอกติดกันด้วยไม้ แต่รับน้ำหนักได้เหลือเชื่อจริงๆ ทั้งคนทั้งรถเยอะมากครับ

เราออกจากรถตู้มาสูดบรรยากาศสดชื่นบนแพ ชมแสงทองสุดท้ายของวันค่อยๆ ลับหายไป สวยดีทีเดียวครับ (แต่มองนานๆ แล้วแสบตาชะมัด) ใช้เวลาอยู่บนแพประมาณสิบห้านาทีแล้ววิ่งรถต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็กลับมาถึงสถานที่กินอาหารค่ำข้างๆ โรงแรมที่เราพัก เร็วเหลือเชื่อจนผมคิดว่าแล้วทำไมขาไปปราสาทหินถึงไม่ใช้แพ

จริงๆ แล้วเป็นความหวังดีของคนขับรถตู้ครับ เค้าบอกว่าวันนั้นแถวไหนซักที่มีงานเทศกาลพอดี ซึ่งเค้าเกรงว่าจะต้องต่อคิวลงแพนาน แล้วเค้าก็รู้มาว่ามีทางตัดใหม่ที่จริงๆ แล้วเค้าเองก็ยังไม่เคยไปทางนั้นเลยเหมือนกัน เค้าก็เลยตัดสินใจพาเราไปทางตัดใหม่แทนเพราะคิดว่าจะไม่เสียเวลารอลงแพ

หลังอาหารมื้อค่ำ (ที่จริงๆ แล้วตกถึงท้องประมาณทุ่มกว่าๆ) เราก็กลับที่พัก ที่ด้านหน้าของโรงแรมที่เราพักมีหนุ่มชาวลาวกลุ่มหนึ่งขับรถสองแถวมาจอดรอคณะทัวร์ของพวกเราอยู่ ซึ่งพอสอบถามก็ได้ความว่าเค้ามารอรับเผื่อพวกเราคนไหนสนใจจะไปเที่ยวต่อในตอนกลางคืน (เป็นธุรกิจของชาวลาวที่นั่นครับ ไม่เกี่ยวข้องกับคณะจัดทัวร์)

ใครยังมีแรงยังอยากเที่ยวก็ไป แต่ผมไม่ไหวแล้วขอตัวไปอาบน้ำนอนดีกว่าครับ เพราะยังเหลืออีกวันนึงที่ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง

วันที่ 1

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8058581/W8058581.html

วันที่ 2 แปดโมงเช้า

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8067511/W8067511.html

วันที่ 2 สิบโมงครึ่ง

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8078605/W8078605.html

วันที่ 2 เที่ยงครึ่ง

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8090063/W8090063.html

แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 10:03:06

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 10:02:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com