ความคิดเห็นที่ 1 จังหวัดไอจิ (Aichi) มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งป่าไม้ วันธรรม โบราณสถาน โบราณวัตถุ และ ยังติดกับทะเลญี่ปุ่นอีกด้วย เรียกได้ว่ามีครบทุกรสที่นี่คะ และที่สำคัญยังไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก ... จังหวัดไอจิ ตั้งอยู่ในบริเวณภาคกลางของญี่ปุ่น มีอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่น ไม่ร้อนเกินไป และไม่หนาวเกินไป จังหวัด ไอจิ  อาจจะไม่คุ้นหูแต่ถ้าบอกว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของเมืองนาโกย่า (Nagoya)  ที่เราจะไปเที่ยวกันวันนี้  .... เพื่อนๆ ก็คงถึงบางอ้อ นาโกย่า ตั้งอยู่ระหว่าง โตเกียวและโอซาก้า ไปมาสะดวกด้วยรถไฟเพียงไม่กี่ชั่วโมงเองครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:47:30

ความคิดเห็นที่ 2 ปราสาท Nagoya เป็นสัญลักษณ์สำคัญของ เมือง Nagoya สร้างขึ้นในปี 2155 โดย โชกุน อิเอะยาสุ โตกุกาว่า แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาท Nagoya ได้ถูกทำลายและได้บูรณะซ้อมแซมอีกครั้งในปี 2502 ปราสาทนี้มีความสวยงามมาก บนยอดหลังคาของปราสาทมี ชาจิโอโกะทองคำอยู่ด้วย ซึ่งมีลักษณะคล้ายปลาโลมา จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:51:33

ความคิดเห็นที่ 3 ปราสาท Inuyama ตั้งอยู่ในเมือง Inuyama เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นให้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ ด้านในมีการจัดแสดงอาวุธในการทำสงครามในสมัยต่าง ๆ ของญี่ปุ่นอีกด้วย สามารถขึ้นไปชมด้านบนได้ ซึ่งจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมือง Inuyama ตลอดจน แม่น้ำคิโซะ ที่ราบโนบิ และยอดเขาคิโซะ โอนทาเคะ อีกด้วย จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:52:41

ความคิดเห็นที่ 4 Nagoya TV Tower มองไกลๆ ผมนึกว่าเป็นหอไอเฟิล อิอิ Nagoya TV Tower  เป็นเสาทีวีแห่งแรกของญี่ปุ่น สร้างในปี 1954. นักท่องเที่ยวสามารถที่จะขึ้นไปดูวิวเมือนาโกย่าได้ครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:55:22

ความคิดเห็นที่ 5 บริเวณใกลักับ Nagoya TV Tower  มีสวนสาธารณะ เลยมีดอกไม้มาฝากครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:56:28

ความคิดเห็นที่ 6 สิ่งก่อสร้างที่ดูทันสมัยแห่งนาโกย่า ก็คือ  JR Central Towers ซึ่งสร้าวเสร็จในปี 1999 ถือว่าเป็น landmark อันหรูหราของนาโกย่าเลยทีเดียว ตีกนี้มีความสูงถึง  245 เมตร เป็นที่รวมของศูนย์การค้า สำนักงาน ร้านอาหารและจุดชมวิวในยามค่ำคืน แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 16:12:09 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:02:34

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนไฮไลท์ของทริปนาโกย่าที่อยากนำเสนอต่อเพื่อนๆ ก็คือ วัด Toganji จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:04:03

ความคิดเห็นที่ 8 วัดนี้อยู่ในเขต Motoyama สร้างในสมัยศตวรรษที่ 16 ซึ่งได้รับอารยธรรมมาจากอินเดีย จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:05:29

ความคิดเห็นที่ 9 สมัยก่อนวัดนี้เป็นแหล่งศึกษาของนักบวชระดับสูง และมีหอพระแม่สรัสวดีอีกด้วย จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:08:49

ความคิดเห็นที่ 10 ส่วนที่เป็น unseen สำหรับผมก็คือวัดนี้มีพระพุทธรูปกลางแจ้งแบบพุทธ สูงถึง 15 เมตร ไว้สำหรับพุทธศาสนิกชนอีกด้วย เพื่อนๆ ลองดูองค์พระ จีบจีวร และ รายละเอียดพระอัครสาวกที่ฐานพระสิครับ ....... งามมาก จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:11:34

ความคิดเห็นที่ 11 อันนี้ก็เป็นปฏิมากรรมที่อยู่ใกล้ๆ กัน เป็นพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:13:07

ความคิดเห็นที่ 12 บรรยากาศอันร่มรื่นภายในวัด จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:13:52

ความคิดเห็นที่ 13 การเดินทางไปวัด Toganji สะดวกมาก ด้วยการนั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Motoyama แล้วเดินอีกประมาณ 10 นาที ผมคิดเอาเองว่า อีกหน่อยจะมีคนไทยไปเที่ยวเพิ่มมากขึ้นและจะเป็นที่โด่งดังเช่นเดียวกับหลวงพ่อโตแห่งคามาคุระ   เราลานาโกน่าแล้วนั่งขิงคังเซ็นผ่านเกียวโต แล้วต่อไปยังโอซาก้ากันครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:17:31

ความคิดเห็นที่ 14 โอซาก้า เป็นเมืองธุรกิจที่สำคัญและมีการเจริญเติบโตมาอย่างยาวนาน โอซาก้าได้รับสมญานามมากมาย เช่น เมืองแห่งสายธาร เพราะเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง หรือจะเป็นนครพันสะพาน เนื่องจากมีสะพานเกือบพันแห่ง แม่น้ำและสะพานเหล่านี้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและวัตถุดิบเข้าออกโอซาก้า ซึ่งเป็นประตูส่งออกที่สำคัญของญี่ปุ่น จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:20:47

ความคิดเห็นที่ 15 ทริปแวะโอซาก้าของผมคราวนี้ก็คือชมซากุระตามจุดต่างๆครับ เริ่มที่ Mint Bereau  ซึ่งตอนผมไปยังบานไม่เต็มที่ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:25:34

ความคิดเห็นที่ 16 บรรยากาศสวนด้านข้าง จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:26:27

ความคิดเห็นที่ 17 ปราสาทโอซาก้า เป็นสัญญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองโอซาก้า สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกบนบริเวณที่เคยเป็นวัด Osaka Hongan-ji เมื่อปีค.ศ.1583 โดย Toyotomi Hideyoshi (ค.ศ.1537-1598) นักรบระดับไดเมียวผู้พยายามรวบรวมประเทศเป็นครั้งแรก หอคอยประสาทหรือส่วนที่เรียกว่า Tenshukaku แล้วเสร็จลงสองปีต่อมา แต่หลังจากสงคราม Osaka Natsu No-jin ในปีค.ศ.1615 ตระกูล Toyotomi ถูกฆ่าล้างโคตร Tenshukaku ก็ถูกทำลายลงย่อยยับ ต่อมาได้รับการบูรณะใหม่ในสมัย Tokugawa แต่น่าเสียดายที่ในปีค.ศ.1665 ได้ถูกฟ้าฝ่าเสียหายย่อยยับอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ปราสาทโอซาก้าไม่มี Tenshukaku มานานปี แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 21:29:36 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:28:42

ความคิดเห็นที่ 18 จนกระทั่งในปี 1931 นายกเทศมนตรีเมืองโอซาก้า นาย Seki ได้ขอรับเงินบริจาคจากชาวเมืองจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนเยน (เท่ากับราว 75,000 ล้านเยนในปัจจุบันนี้) มาบูรณะปราสาทใหม่ ปราสาทโอซาก้าปัจจุบันสูง 55 เมตร มี 5 ส่วน 8 ชั้น เครื่องประดับหลังคาและภาพเสือบนกำแพงตัวปราสาทและหลายๆส่วนลงทองสีอร่ามสวยงาม (ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกสำคัญของประเทศ) บนหอคอยชั้น 8 ของ Tenshukaku ท่านสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรวมของเมืองโอซาก้าได้อย่างชัดเจน ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั้งในและนอกประเทศมาเยือนปีละราว 1-3 ล้านคน ภาพนี้เป็นการเล่นละครลิง หน้าปราสาท ลิงน่ารักแสนรู้มากครับ ..... ชอบตรงใส่แพมเพอร์สอะครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:31:07

ความคิดเห็นที่ 19 บรรยากาศซากุระรอบสวนในปราสาทโอซาก้า จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:32:43

ความคิดเห็นที่ 20 บรรยากาศดีมากครับ แต่บอกได้คำเดียวว่าร้อนมาก จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:34:01

ความคิดเห็นที่ 21 ---- แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 21:38:27 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:37:36

ความคิดเห็นที่ 22 ไปเที่ยวกันต่อครับ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สวนสนุกระดับโลก ซึ่งยกฉากดังจากหนังพันล้านของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ดมาจำลองไว้ ณ ที่นี้ โดยนักท่องเที่ยวจะรู้สึกเสมือนได้เป็นตัวละครของเรื่องนั้นๆ และร่วมผจญภัยไปกับฉากตื่นเต้น และเร้าใจมากมาย ซึ่งจำลองออกมาโดยใช้สเปเชี่ยลเอฟเฟ็คท์อย่างสมจริง ระทึกใจจากภาพยนตร์ดังที่เรารู้จักกันดี เช่น ฉากเพลิงไหม้จากเรื่อง “แบ็คดราฟท์” จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:40:24

ความคิดเห็นที่ 23 เราสามารถล่องเรือผจญภัยกับไดโนเสาร์จากเรื่อง “จูราสสิค พาร์ค” “นั่งรถซีมูเลเตอร์” ย้อนเวลาหาอดีตกับไมเคิล เจฟอกซ์ จากเรื่อง “แบ็ค ทู เดอะ ฟิวเจอร์” นั่งเรือเพื่อพบกับความน่าสะพรึงกลัวเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงกับ “จอว์ส” ใช้ทุนสร้างมหาศาลกว่า 1,500 ล้านเยน จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:41:36

ความคิดเห็นที่ 24 และยังมีฉากจำลองของเมืองนิวยอร์ค  พร้อมยังได้ชมเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์สามมิติ “อีที” และเครื่องเล่นใหม่ล่าสุด “สไปเดอร์แมน” ที่นักท่องเที่ยวสามารถสนุกได้อย่างสุดเหวี่ยงกันทั้งวัน โดยเครื่องเล่นทุกชนิดไม่จำกัดจำนวนครั้ง ผมสนุกมากจนลืมวัยเลยครับ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 21:45:26 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:42:43

ความคิดเห็นที่ 25 เรามาปิดทริปโอซาก้ายามค่ำกันครับ .....ย่านช๊อปปิ้งชื่อดัง จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:46:41

ความคิดเห็นที่ 26 Namba & Dotombori  & Shinsaibashi   เป็นอาเขตการค้าที่สำคัญของย่าน Minami ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้าทางด้านทิศใต้ โรงละคร Shochiku-za ร้านปู Kanidoraku ซึ่งมีปูยักษ์จำลองเป็นเครื่องหมายร้าน ป้ายกูลิโกะที่มีแสงไฟกระพริบหยิบยับยามค่ำคืน ล้วนเป็นสัญญลักษณ์ของ Dotombori ที่เลื่องลือไปทั่วโลก จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:48:02

ความคิดเห็นที่ 27 ชื่อของ Dotombori (คลองโดทม) มาจากชื่อของนาย Yasui Dotom เศรษฐีพ่อค้าชาวเมืองโอซาก้าคนหนึ่งที่บริจาคทรัพย์ส่วนตัวขุดคลองขึ้นเมื่อค.ศ.1612 ต่อมา ในสมัยเอะโด (ค.ศ.1603-1867) ทางการได้ปรับปรุงเมืองใหม่ ทำให้มีโรงละครมาเปิดแสดงทางตอนใต้ของคลอง Dotombori มากมาย ตามมาด้วยโรงน้ำชาเปิดบริการกว่า 47 โรง ทำให้ Dotombori กลายเป็นย่านที่คึกคักไปด้วยผู้คนจากทั่วสารทิศที่พากันมาชมการแสดง ต่อมาจึงมีร้านอาหารทยอยเปิดขึ้นดังดอกเห็ด เรามาดูตำนานกูลิโก๊ะกัน ย้อนกลับไปในปี 1919  ขนมกลูลิโกะชนิดแรกถือกำเนิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุด ผู้ก่อตั้งและริเริ่มขนมชนิดนี้คือ ริอิชิ เอซะกิ ด้วยการนำหอยนางรม มาต้มเพื่อกลั่นเอาไกลโคเจนมาผสมกับคาราเมล ให้เด็กญี่ปุ่นในยุคนั้นได้ลิ้มรส เนื่องจากอยู่ในภาวะขาดสารอาหาร ใครที่เคยไปเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น คงไม่พลาดที่จะไปชม บิลบอร์ดขนาดใหญ่โฆษณาผลิตภัณท์กลูลิโกะ สัญลักษณ์คนวิ่งชูแขนสองข้าง ป้ายโฆษณานีออนที่เราเห็นกันอยู่ปัจจุบันนี้ ได้รับการปรับปรุงมาแล้วถึง 4 ครั้ง ล่าสุดคือปี 1998 ด้วยคำคมที่ว่า อมลูกอมกลูลิโกะเพียงเม็ดเดียว วิ่งได้ถึง 300 เมตร... การคำนวนของกลูลิโกะที่ว่า ลูกอมคาราเมลผสมไกลโคเจนของหอยนางรมนั้น สามารถให้พลังงานได้ถึง 15.4 กิโลแคลเลอรี่ พอดิบพอดีกับการวิ่งในระยะ 300 เมตรเป๊ะ การณ์นี้เขาคำนวณจากนักวิ่งที่มีความสูง 165 เซนติมเตรและหนัก 55 กิโลกรัมค่ะ รูปนักวิ่งชูแขนนี้เอง จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของผลิตภัณท์กลูลิโกะบนกล่องสีแดง เครดิตจาก http://www.prontera.in.th/forums/lofiversion/index.php/t19811.html จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:58:13

ความคิดเห็นที่ 28 ชื่อของกลูลิโกะมาจากคำว่า กู ลิ โค เก้น หรือ Glycogen ในภาษาญี่ปุ่นคือ คาตากานะ เหตุก็เพราะเอซะกิ ผู้ก่อตั้ง เล็งเห็นว่าเด็กๆ ในประเทศของเขากำลังอยู่ในภาวะขาดสารอาหาร หลังการทดลองในปี 1919 อีก 3ปี ถัดมา ในปี 1922 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ กลูลิโกะก็ได้วางขายในห้างสรรพสินค้า mitsukoshi ในเมืองโอซาก้า ปี 1945 สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด ญี่ปุ่นพ่ายสงครามตึกรามบ้านช่องเสียหายหลากหลายที่ แน่นอน รวมทั้งที่โอซาก้า และ โตเกียว บริษัทกลูลิโกะก็ไม่อาจรอดพ้นจากสถานการณ์เช่นนั้นได้ ...แต่พวกเขาก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นับแต่นั้นขนมกลูลิโกะได้ออกผลิตภัณท์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัลมอนด์ กลูลิโกะ อัลมอนด์ ชอคโกแลต กลูลิโกะโคน ไอศครีม บัตเตอร์พรีซ และป๊อกกี้ ชอคโกแลต ฯ จนถึงปัจจุบันนี้ เครดิตจาก http://www.prontera.in.th/forums/lofiversion/index.php/t19811.html จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:00:43

ความคิดเห็นที่ 29 พบกันใหม่ตอนหน้ากับ .......  Let it Snow At Toyama ! สวัสดีครับ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 22:09:00 จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:08:03

ความคิดเห็นที่ 30 ซากุระบานสวยจังเลย ลิงใส่แพมเพอร์สก็น่ารัก จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 23:07:50

ความคิดเห็นที่ 31 วัดที่ญี่ปุ่นนี่ถึงอยู่ในเมืองใหญ่ก็ยังร่มรื่นนะคะ สงสัยนิดค่ะ รูปที่ปราสาทโอซาก้าที่ว่าร้อนมาก แต่พอมาถึง Universal Studio กลายเป็นผู้คนใส่เสื้อหนาวกันหมดล่ะคะ หรือว่าเป็นคนละวันกัน จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 01:34:38

ความคิดเห็นที่ 32 โอ คุณกุลธิดา  ช่างสังเกตุดีจังครับ ภาพถ่ายคนละปีเลยครับ อิอิ แต่ผมเอามารวมกันเพื่อเป็นภาพรวม ขอบคุณครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 09:27:47

ความคิดเห็นที่ 33   ลูกทัวร์มารายงานตัวครับ จากคุณ : garnet19th เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 15:32:28