ความคิดเห็นที่ 1 |
^ ^ ^ ศศิธรทอรัศมีนวลลอยเคว้งอยู่บนผืนฟ้าราตรี รายล้อมด้วยดวงดาราระยิบระยับ เสียงเรไรหรีดระงมคละเคล้าสายวาโยที่พัดพากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าตลบอบอวลรอบร่างที่นั่งทำสมาธินิ่งอยู่บนแท่นหิน ตรงหน้าคือกองไฟลุกโชนกัดกินท่อนฟืนแดงฉานภายในขีดวงกลมสีแดงที่ลากผ่านบนพื้นดิน
ในคืนนี้จิตของมโนพัศราวกับถูกรบกวนอยู่ตลอดเวลาอย่างที่เจ้าตัวรับรู้ได้ บรรยากาศยามราตรีเช่นทุกคืน หากแต่คืนนี้เหมือนมีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ไม่ใช่เหล่าสัตว์ป่าที่ผ่านมาและก็ผ่านไปทันทีที่ได้สัมผัสรังสีตบะญาณที่กล้าแข็ง หากมันวนเวียนเหมือนรอเวลาจะล่วงล้ำเข้ามา
ท่ามกลางความวิเวกของบรรยากาศยามค่ำคืน เสียงใบไม้แห้งลั่นกราวเตือนให้มโนพัศรับรู้ถึงผู้มาเยือน เงาตะคุ่มปรากฏอยู่ไกลๆ
ใคร?...ธีรวงศ์ เจ้ารึเปล่า? มโนพัศจำต้องละจากสมาธิ เขม้นมองเงาที่เคลื่อนใกล้เข้ามา รูปร่างที่โปร่งบางอ้อนแอ้นแปลกตาหาใช่คนที่ตนกล่าวถึง แสงจันทร์ฉายและแสงจากเปลวเพลิงสาดให้เห็นใบหน้านั้นชัดขึ้น
สตรีที่งดงามราวนางอัปสร เส้นผมดำยาวสลวยล้อมกรอบดวงหน้าหวานหากแสดงความพรั่นพรึงไร้เดียงสา เครื่องนุ่งห่มเรียบง่ายเช่นสาวชาวบ้านทั่วไป หากแตกต่างเพราะความโดดเด่นเกินกว่าจะเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา และน้ำเสียงหวานใสเอื้อนเอ่ยชวนให้มโนพัศตะลึงพรึงเพริด
ท่าน...ได้โปรดช่วยข้าด้วย ร่างอรชรอ้อนแอ้นหมดแรงล้มลงเบื้องหน้ากองเพลิง มโนพัศแทบจะลืมตนเข้าไปประคับประคอง แต่ยังดีที่ยั้งไว้ทันเมื่อระลึกได้ว่าตนกำลังฝึกฝนสมาธิ แต่ถ้ามีหญิงงามกำลังเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า จะไม่ให้วอกแวกได้อย่างไร
นางเป็นใคร มาจากไหนกัน
ข้า...ข้าเรือแตกกลางทะเลพอฟื้นขึ้นก็พบว่าตัวเองถูกคลื่นซัดขึ้นมาบนหาด ข้าพยายามตามหาคนติดตาม แต่ก็ไม่พบใครเลยจนกระทั่งมาถึงที่นี่...ป่านนี้ทุกคนคงตายหมดแล้ว นางงามร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร มโนพัศนึกอยากจะเข้าไปปลอบประโลมหากแต่ติดที่ว่าตนไม่สามารถออกจากวงกลมที่กำหนดนี้ได้
หญิงสาวแปลกหน้าเงยหน้ามองมโนพัศอย่างอ้อนวอน ยิ่งทำให้โอรสหนุ่มกระสับกระส่าย ถึงแม้จะแปลกใจที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เดินทางรอนแรมมาเพียงลำพังกลางป่าลึกเช่นนี้ ซ้ำยังสวยงามจนแทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นนางมนุษย์ ในที่สุดมโนพัศก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่เสียงหวานใสที่ออดอ้อน
ข้าหนาวเหลือเกิน...
เอ่อ...นาง...เข้ามาใกล้ๆ กองไฟสิจะได้ไม่หนาว
แต่...ข้ากลัว...รอบๆ ตัวท่านมีวงกลมสีแดงขวางอยู่ หญิงสาวมองอย่างหวาดระแวง มโนพัศจึงก้าวลงมาจากแท่นหิน เดินเข้าไปเฉียดใกล้เส้นสีแดงที่ขวางระหว่างตนและหญิงงามก่อนจะยื่นมือออกไป
เข้ามาสิ น้ำเสียงที่ชักชวนนุ่มทุ้มอบอุ่นยากที่ใครจะปฏิเสธได้ พาให้หญิงงามชะงักไปอย่างที่มโนพัศเข้าใจว่าอีกฝ่ายลังเลที่จะไว้ใจ
ถ้าอยู่ใกล้ๆ เราเจ้าก็จะปลอดภัย หญิงสาวก้มหลบแววตาหยาดเยิ้มที่ส่งมาให้อย่างเอียงอายก่อนจะวางมือเรียวบางลงบนฝ่ามืออีกฝ่ายให้บุรุษรูปงามชักจูงผ่านเส้นสีแดงเข้าไป
โอ๊ะ!! ร่างบอบบางสะดุดรากไม้เซซวนดีที่มีอ้อมแขนกว้างรับไว้ได้ทัน มโนพัศอดจะตื่นเต้นไม่ได้ที่ได้ใกล้ชิดหญิงงามในระยะที่ใกล้เช่นนี้
หากแต่บางสิ่งทำให้ต้องแปลกใจเมื่อน้ำหนักที่โถมลงมาเมื่อครู่มากเกินกว่าจะเป็นร่างเล็กบอบบางเช่นนี้ อาการนิ่งชะงักไปเป็นครู่ของโอรสหนุ่มพาให้หญิงสาวในอ้อมแขนชะงักตาม แก้วตาใสกลอกกลิ้งกังวล ก่อนจะรีบใช้เสียงหวานๆ กลบพิรุธ
เอ่อ...ข้าขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านต้องลำบาก ข้าเดินทางมาอ่อนเพลียจนไม่มีแรง
ไม่เป็นไรหรอก มา เจ้ามานั่งพักก่อนเถอะ มโนพัศปัดความประหลาดใจนั้นออกไปและประคองร่างบอบบางมานั่งพักบนแท่นหินที่ตนใช้เป็นที่ทำสมาธิ...การได้ใกล้ชิดหญิงงามเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องลำบากเลยซักนิด
เจ้าบาดเจ็บตรงไหนมั้ย
ท่านใจดีจังเลย เสียงใสเอ่ยชื่นชมพร้อมกับมือบางๆ นั้นกระชับฝ่ามือหนาที่คอยประคอง ซ้ำยังดวงหน้างดงามราวเทพธิดาที่ชิดใกล้มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ริมฝีปากจิ้มลิ้มแย้มพราย มโนพัศพักตร์แดงซ่าน หทัยเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่ออีกฝ่ายทำราวกับยื่นไมตรีตอบกลับมา
เราจะใจร้ายกับเจ้าได้ยังไง คำตอบอย่างหลงใหลนั้นเรียกให้ดวงตาคู่งามเปล่งประกายแวววาวติดจะเจ้าเล่ห์แสนกลอย่างที่มโนพัศเห็นแล้วต้องชะงักงันอีกครั้ง
แล้วจะใจดีกับทุกคนเช่นนี้รึเปล่าล่ะ ดวงตาคมที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ดูคุ้นเคยอย่างประหลาด...ไม่สิ...เป็นดวงตาที่เขารู้จักเป็นอย่างดี...แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง
เหมือนอีกฝ่ายจะปรารถนาปั่นป่วนให้เขาเกิดความสับสนงุนงง และเขาก็กำลังเป็นเช่นนั้น
ท่านเป็นอะไรไปรึเปล่า
เส้นวงกลมสีแดงที่อาตมาขีดให้พระโอรสมโนพัศนี้เป็นอาคมป้องกันอันตรายจากความชั่วร้ายทั้งมวลไม่ให้เข้ามากล้ำกรายพระองค์ได้ในขณะปฏิบัติสมาธิ
...เรือแตก...เหลือเพียงคนเดียว...
มือเรียวบางของอิสตรีหมายจะแตะปรางถามไถ่ หากมโนพัศจะไม่ได้สติเสียก่อน หลุดจากภวังค์ที่หลงไปในเสน่ห์เล่ห์กลของอีกฝ่าย
วงพักตร์ของใครบางคนซ้อนทับใบหน้างดงามปานเทพธิดานั้น โดยเฉพาะดวงตา...ที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน!
เฮ้ยยย!! ธีรวงศ์!!! เจ้า!!
มโนพัศโพล่งนามสหายรักลั่นพร้อมแรงจากฝ่ามือผลักหญิงงามตรงหน้าออกไปเต็มที่ก่อนที่ตนเองจะกระโจนหนีแทบไม่ทัน ร่างอรชรกระเด็นกลิ้งออกไปไกลอย่างไม่ทันตั้งตัว
สตรีสาวแสนสวยที่กลิ้งไปกับพื้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนคืนกลับเป็นสหายสนิทที่คุ้นเคยอย่างไม่น่าให้อภัย พร้อมกับเสียงหวานที่มโนพัศเคยหลงใหลก็กลับกร้าวแข็งเช่นเดิม
มโนพัศ! เจ้าจะฆ่ากันเลยรึไง ฮ่าๆๆ ธีรวงศ์ลุกขึ้นมาโวยวาย ทั้งที่ใบหน้ายังมีริ้วรอยขบขันไม่สร่าง
ถ้าไม่ติดว่าเมื่อครู่เจ้าอยู่ในร่างผู้หญิงเราถีบเจ้าไปแล้วด้วยซ้ำ! มโนพัศโวยวายลุกลน พลางถอยหนีเมื่ออีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหา
อย่าเข้ามานะ ธีรวงศ์! เราไม่ไว้ใจเจ้า...ทำไม...ทำไมต้องแปลงกายเป็นผู้หญิงมาหลอกเราด้วย หรือว่า...ที่แท้เจ้าก็คิดกับเราอย่างนี้มาเกือบสิบปี?...ไม่! เราไม่น่าไว้ใจเจ้าเลย
พอได้แล้ว พระอาจารย์สั่งให้เรามาทำลายสมาธิเพื่อทดสอบจิตใจเจ้าต่างหาก ธีรวงศ์อธิบายแทรกอีกฝ่ายที่พล่ามไม่หยุด
คำสั่งของพระอาจารย์?... มโนพัศฟังแล้วค่อยสงบลง แต่ก็ยังไม่ยอมเข้าใกล้ธีรวงศ์อยู่ดี
แล้วเจ้าคิดว่าอยู่ดีๆ เราจะลุกขึ้นมาเล่นอะไรแผลงๆ อย่างนี้รึไง ไม่ได้พิศวาสเจ้าหรอกนะ พูดเองธีรวงศ์ยังทำท่าสยดสยองเสียเอง
อาตมาต้องการให้พระโอรสไปทำลายการปฏิบัติสมาธิของพระโอรสมโนพัศ
คำสั่งที่ทำให้ธีรวงศ์ต้องคิดหนักว่าจะใช้วิธีใดถึงจะทำลายสมาธิของสหายรักได้
แล้วทำไมเจ้าจะต้องแปลงเป็นผู้หญิงด้วย วิธีอื่นไม่มีรึไง แค่คิดว่าเมื่อครู่ตนแสดงความสนใจต่อร่างแปลงของสหายรักมากเพียงใด ก็สยองพองเกล้าชักรังเกียจตนเองขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
พระโอรสทั้งสองทรงสนิทสนมกันมานานปี ย่อมต้องรู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดอ่อนใดที่สามารถทำลายได้ จงเลือกวิธีนั้น
ก็เจ้าน่ะ มันเจ้าชู้...แค่ร่างแปลงของเราเจ้ายังตกหลุมพรางง่ายๆ นี่ถ้าหากเมื่อกี้ไม่ใช่เราแต่เป็นปิศาจร้ายที่เจ้าพาข้ามเส้นสีแดงเข้าไป เจ้ามิตายเหรอ
ขนาดเหล่านางไม้พรายน้ำที่สิงสถิตอยู่โดยรอบอาศรม มโนพัศยังหาญกล้าเข้าไปเกี้ยวพาราสีถึงที่โดยไม่สนใจเผ่าพันธุ์หรือชาติภพ นับประสาอะไรกับการที่มีนางงามเดินเข้ามาหาถึงที่
คราแรกธีรวงศ์ไม่คิดว่าแผนการของเขาจะได้ผลนักเพราะมโนพัศไม่ยอมออกมาจากวงกลมที่วาดไว้ง่ายๆ แต่กลับเกินความคาดหมายที่อีกฝ่ายตกหลุมพรางเสน่ห์และเป็นฝ่ายดึงเขาเข้าไปในวงกลมแทน เขาต้องแสร้งทำเป็นเอียงอายเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ขัน
ระยะห่างของทั้งสองเริ่มสั้นลงตามความเคยชิน เมื่อต่างเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดคือคำสั่งของพระอาจารย์
ท่าทางของเจ้าเมื่อครู่มันตลกชะมัดเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ
ก็...เจ้ามันเล่นละครสมบทบาทเกินไปน่ะสิ แล้วอีกอย่าง...ร่างแปลงของเจ้า...ก็สวยงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ มือเจ้าก็นุ่มนิ่ม ซ้ำกลิ่นกายยังหอมเหมือนดอกไม้
คราวนี้มโนพัศขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างไม่มีท่าทีกระดากกระเดื่อง จนธีรวงศ์เสียวสันหลังวาบ และยิ่งเมื่อสบกับดวงเนตรหวานหยาดเยิ้มของมโนพัศเช่นที่ส่งให้แก่ตนเองในร่างหญิงงาม ธีรวงศ์ก็ไม่อาจทนเล่นบทบาทจำเป็นได้อีกต่อไป ต้องผลักสหายรักกระเด็นไปไกลๆ
เรากลับคืนร่างเดิมแล้ว เจ้าไม่ต้องมองเราด้วยสายตาซาบซึ้งขนาดนั้นก็ได้ เราแค่ทำตามคำสั่งของพระอาจารย์แล้วก็นึกอยากแกล้งเจ้านิดหน่อยเท่านั้นอย่าอาฆาตแค้นกันเลยนะ ธีรวงศ์เอ่ยอย่างหวาดหวั่นและก้าวถอยหลังไปไกลกว่าเดิม เป็นทีของมโนพัศได้สรวลเยาะเย้ย
เจ้าจะได้รู้ไงล่ะว่าเรารู้สึกยังไง ท่าทางของเจ้าน่ะมันน่ากลัวยิ่งกว่าอมนุษย์กินคนที่ศลภะนคราซะอีก...หมดกัน สติแตกหมด แล้วคืนนี้เราจะปฏิบัติสมาธิต่อได้ยังไง มโนพัศบ่นพึมพำ
ธีรวงศ์ก้มลงเติมฟืนให้กองเพลิงที่เริ่มมอดลงเอ่ยเยาะเย้ยสมน้ำหน้า
หึหึ เจ้านี่ไม่เอาไหนซะเลย แค่กำหนดจิตตนเองไม่ให้วอกแวกยังทำไม่ได้
พูดยังกับว่าเจ้าฝึกวิชาต้านทานไฟมรกตของเจ้าได้ดีนักนี่ ต่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร หากแต่ละครั้งก็เป็นเพียงการเจรจาพาทีฉันมิตร มิได้จดจำแข่งขันเอาแพ้ชนะจริงจัง
...ไม่ใช่วันพรุ่ง...ที่แพ้ชนะคือเรื่องสำคัญ...
เสียงสนทนาหยุดลง ความเงียบเข้าแผ่ปกคลุมบรรยากาศโดยรอบมีเพียงเสียงปะทุจากอัคคีที่ลามเลียเชื้อไฟที่ถูกเติมเข้าไป
มโนพัศ เรามีเรื่องจะบอก ธีรวงศ์เกริ่นขึ้นมาน้ำเสียงเคร่งขรึม
อะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าเจ้าเกิดหลงรักเราขึ้นมา
เรารู้นะว่าตัวเองก็รูปงาม หญิงใดเห็นก็ต้องหลงรัก เจ้าเองก็อยู่กับเรามานาน น่าจะรู้นะว่า... มโนพัศพล่ามด้วยความหวาดระแวงไม่เลิก
ไม่ใช่... ธีรวงศ์ตัดบทอย่างระอา พรุ่งนี้เราสองคนต้องมาประลองศิลปะวิชาที่เรียนมา เป็นการทดสอบครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะ... ธีรวงศ์ลังเลใจ คำว่า...จากกัน...มิอาจเปล่งออกมาจากโอษฐ์ได้
ก่อนที่จะอะไร? มโนพัศถามอย่างแปลกใจ ช่วงเวลานานนับสิบปีที่ร่วมเป็นร่วมตายกัน การเอ่ยวาจา...ครั้งสุดท้าย...ทำให้ใจหายอย่างบอกไม่ถูก
ก่อนที่เราจะต้องออกเดินทางไปตามหาไออุษณะกลับไปช่วยบ้านเมืองของเรา
จริงสิ เราเองก็ลืมไป นี่ก็จะครบกำหนดเวลาที่บ้านเมืองของเจ้าจะกลายเป็นน้ำแข็งแล้วสินะ...เอาเถอะ ยังไงก็ได้ เราพร้อมเสมอที่จะออกเดินทางไปกับเจ้า
เราคนเดียวต่างหาก เจ้าไม่เกี่ยวด้วยเสียหน่อย ธีรวงศ์เอ่ยอย่างเย็นชา ภาระหน้าที่นี้เป็นเรื่องของเขาเพียงผู้เดียว แล้วจะให้เขาดึงใครไปเสี่ยงชีวิตด้วยได้อย่างไรกัน หากผู้ฟังนั้นเสียความรู้สึกอย่างยิ่งกับคำพูดไร้เยื่อใยนั้น
ทำไมเจ้าพูดเหมือนกับว่าเราไม่ใช่เพื่อนกัน อย่าลืมนะ เราเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันมามากแค่ไหน และเขาน่ะหรือ จะยอมให้เพื่อนเพียงคนเดียวต้องไปผจญภัยเพียงลำพัง
เจ้าเป็นความหวังของมัณฑรนคร เจ้าจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเราด้วยทำไม
ถ้าเราทิ้งให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายเพียงลำพัง เราก็ไม่เหมาะที่จะเป็นกษัตริย์แห่งมัณฑรนครเช่นกัน ธีรวงศ์ถอนปัสสาสะ แต่ภายในหทัยปิตินักกับมิตรภาพที่เขาได้รับ
นี่เจ้าดึงดันจะไปกับเราให้ได้ใช่มั้ย
แน่นอน!
งั้นก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าพรุ่งนี้เจ้าต้องเอาชนะเราให้ได้เสียก่อน ถ้าชนะไม่ได้ เจ้าก็กลับมัณฑรนครไปซะ
ตกลงตามนี้ เจ้าก็ห้ามผิดคำพูดล่ะ!
จากคุณ |
:
บทเพลงปีศาจ
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ค. 52 11:03:16
|
|
|
|