ความคิดเห็นที่ 1 |
|
เขาสารภาพจากใจ แล้วก้มหน้าหัวเราะแหบพร่า
"ยังแปลกใจตัวเองไม่หายว่า ยืนมาดเท่ทักทายคุณยอยศได้ยังไง โดยไม่ล้มตึงแล้วขาดใจตายไปเสียเลย"
ประโยครันทดเช่นนี้ ย่อมดึงตาใสให้พลอยสลดลงได้อย่างไม่ยากนัก ร่างบางเผลอไผลขยับเข้าไปอีกนิด
ทั้งที่ขณะนี้ก็ประชิดกันจนไอร้อนจากสองกายสามารถทักทายกันได้แล้ว แต่เธออยากใกล้อีกหน่อย
อยากสัมผัสความทุกข์ระคนขื่นของเขาให้ถนัดกว่านี้
"ทุกวันนี้ พี่บีก็ยังรักคุณบัวไม่น้อยลงเลยใช่ไหมคะ"
เจ็บในหัวใจแปลบๆ ยามเห็นศีรษะสวยผงกลงเนิบช้า หญิงสาวกลืนก้อนสะอื้นที่แล่นปราดมา
ทำไมต้องอยากร้องไห้ด้วยก็ไม่รู้ เสียใจที่เขายอมรับหน้าชื่นอย่างนั้นหรือ อยากเห็นเขาสั่นหน้ากระมัง
มันเป็นไปได้เสียที่ไหน เธอนั่นแหละที่เพ้อเจ้อ สิ่งที่เธอต้องระมัดระวังตลอดเวลาก็คือ หัวใจตัวเอง..
"เธอ.. กลับมาที่นี่ทำไมคะ"
คำถามนี้ ดึงตาสีน้ำเงินเหลียวกลับมาจ้อง เขาเม้มปากแล้วกัดเบาๆ อาจกำลังชั่งใจว่าควรบอกหรือเปล่า
หน้าขรึมเลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม ตาทอดจับบางอย่างในเงาสลัว แล้วถอนใจ แต่ก็เล่าให้ฟัง
"น้องบัวกับสามีระหองระแหงกันอย่างรุนแรง จนมีทีท่าว่าอาจต้องหันหลังให้กัน เธอต้องการหย่า"
"พี่บีสนับสนุนความคิดของเธอสิคะ"
"ไม่รู้สิ"
พี่บีสั่นหน้าสับสน
"บางทีก็ดีใจที่ฉันจะได้น้องบัวกับความรักครั้งเก่ากลับคืนมา แต่บางทีก็.. "
หญิงสาวเผยตาใสเพ่งอากัปกิริยาสับสนลังเลของคนเล่า
เธอไม่มีวันล่วงรู้เลยว่า ประโยคที่ต่อท้ายหลังจากที่เว้นวรรคแล้วเงียบไปเลยนั้น มีใจความว่า
"เพราะเธอเองนะน้อง ทำให้ฉันสับสน ฉันอยากดีใจที่น้องบัวคืนสู่เรือนรัก แต่ฉันก็ใจหาย หากคิดว่าอีกไม่นานเราสองคนก็จะ.. หันหลังให้กัน.. เหมือนกัน"
"ทำไม.. พี่บีไม่บอกความจริงกับเธอไปล่ะคะ เธออาจจะตัดสินใจได้เร็วขึ้น มันก็ไม่แน่ว่าที่เธอรีรอเรื่องหย่า ก็เพราะติดอยู่ที่เราเป็นสามีภรรยากัน"
"ทำไม"
เสียงย้อนแลตึงขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล มือเล็กที่แนบนิ่งอกอุ่นอยู่นานโดนสลัดไม่แยแส
"อยากเสร็จงานเร็วก่อนกำหนดล่ะสิ เงินค่าจ้างคงพอให้เธอกับชายที่เธอรักสร้างครอบครัวเล็กๆ ได้อย่างสบาย รีบจริงนะ"
"อะไรกันน่ะ.. น้องยัง.. "
"ไม่ต้องพูดมาก ร้อยคำก็มีแต่แก้ตัวทั้งเพ ไม่เห็นอยากฟัง ฉันจะไปนอน เธออยากนั่งเพ้อเจ้อ วาดวิมานในอากาศ ก็เชิญตามสบาย"
อ้าว.. อะไรกันน่ะ บ้าจัง พื้นอารมณ์ไหนขึ้นมาอีกแล้ว หญิงสาวทำหน้างุนงงสับสน เขาลุกผละไปแล้วล่ะ
ไม่คิดแม้แต่จะชวนเธอไปด้วย ประคองให้ลุกก็ไม่เลย เขาลืมไปหรือเปล่าว่าเธอเจ็บข้อเท้า
แล้วนี่ก็เป็นคดีที่เขาก่อขึ้นเองด้วยนะ "พี่บี ไม่คิดจะรอน้องเลยใช่ไหมคะ น้องเจ็บขานะ เดินไม่เร็วอย่างนั้นหรอก"
เธอรีบลุกแล้วเดินกะเผลกตามไป ปากก็ร้องตะโกนประท้วงไปด้วย ร่างสูงก็เลยหยุดรออย่างเสียไม่ได้
หญิงสาวเกือบจะประท้วงต่อแล้วล่ะ แต่ก็เดาอารมณ์เจ้านายหนุ่มไม่ทันหรอก
เธอกรีดร้องแผ่วแทนความตั้งใจแรก ตระหนกที่เขาปรี่มาอุ้มลอยวืด
เขาทำเหมือนตัวเธอเบาเท่าปุยนุ่น ไอ้ท่าพาเดินขึ้นบันไดก็ปลอดโปร่งยิ่ง
ทันทีที่แสงไฟในห้องนั่งเล่นดับวูบลงอีกครั้ง ร่างของสโรชาที่คุดคู้ในซอกหลืบระหว่างทางเดินกับตู้ปลาก็ปรากฏขึ้น
หล่อนเป่าปากระบายความหวาดเสียว กำปั้นเล็กๆ ทุบไล่ตั้งแต่ไหล่ไปจรดต้นคอด้านหลัง
ในใจลอบร้อง.. เกือบแล้วไหมล่ะ
หากคิดจะกลับขึ้นห้องพัก หล่อนต้องเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ปรากฏแสงไฟสลัว และเป็นไปไม่ได้ว่าสามีภรรยาในนั้นจะไม่เห็น
คำถามที่หล่อนตอบยากก็จะอุบัติขึ้น เป็นใครก็ต้องนึกสงสัยว่า ดึกดื่นค่อนคืน หล่อนลงมาทำอะไร
แล้วหากชายหนุ่มล่วงรู้ว่าหล่อนแอบเข้าห้องหนังสือเมื่อครู่ก่อนด้วย
เขาจะยิ่งนึกสงสัย และต้องคาดคั้นคำตอบชนิดไม่ปล่อยแน่ๆ คิดแล้วก็ยิ่งหวาดเสียว.. สโรชารีบกลับเข้าห้องพัก แล้วไปนั่งถูมือบนเก้าอี้ปลายเตียง
สามีที่ยังตรึงร่างสูงริมหน้าต่าง รีบดิ่งมานั่งข้าง แล้วพยักพเยิดเป็นเชิงถาม
"เกือบโดนจับได้เลยค่ะ"
หล่อนบอกด้วยน้ำเสียงหวาดเสียวไม่หาย
"ตอนพี่บีเดินไปหยุดหน้าโซฟา บัวกลัวจนตัวเย็นไปหมด ไม่กล้าหายใจตั้งหลายนาที ถ้าเขาจับได้ บัวต้องตายแน่ๆ "
"มันคงลำบาก.. "
สามีเปรยเสียงหม่น
"ไม่ลำบากค่ะ เพียงแต่เราไม่ค่อยมีจังหวะ พี่ยศต้องอดทนและใจเย็นนะคะ ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องทำให้สำเร็จก่อนสิ้นเดือนนี้ให้ได้ แต่ว่า.. พี่ยศไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ บางที หากเราบอกพี่บีไปตรงๆ "
สามีสั่นหน้าดิก ใบหน้าหม่นลอยห่างไปอยู่ปลายเตียง
ไหล่สองข้างนั้น คู้หดหู่มานานกว่าสามเดือนแล้ว สีหม่นบนหน้านั้นก็เช่นกัน สโรชาเฝ้ามองภาพนั้นด้วยใจหดหู่ สามีกำลังเผชิญภาวะวิกฤติร้ายแรงที่สุดในชีวิต เขาต้องพยุงภาวะเช่นนี้เพียงลำพัง
ญาติพี่น้องก็ช่างใจจืดใจดำ ไม่คิดยื่นมือประคับประคอง แล้วภรรยาอย่างหล่อน
ก็ทำได้แค่อยู่เคียงข้าง คอยเป็นกำลังใจ แต่ก็นั่นล่ะ.. กำลังใจใช้แก้ภาวะวิกฤติไม่ได้
สามีภรรยาคู่นี้.. ค่อยประคับประคองกันไปนอน โดยที่ต้องพยายามข่มตาให้หลับ
สามียกมือก่ายหน้าผากระทมทุกข์ ภรรยาเคลื่อนกายเกยกอดเป็นขวัญจิตขวัญใจ บางขณะก็น้ำตาซึมด้วยความสงสาร
สามีภรรยาอีกคู่.. จำต้องนอนเคียงบนเตียงเดียว โดยที่ภรรยานอนไม่ค่อยหลับ เพราะร้อนวูบวาบรอบข้อเท้า
กายขยุกขยิกทำให้สามีที่นอนตะแคงหันหลัง ต้องพลิกกลับแล้วเอ็ดดุ
"นอนให้นิ่งไม่ได้หรือน้อง เป็นอะไร"
"ก็น้องเจ็บนี่คะ นอนไม่หลับ"
เธอลุกมานั่งแล้วโน้มตัวไปบีบคลึงข้อเท้า สามีกำมะลอลุกบ้าง เขาไม่กลับไปนอนห้องตัวเอง เพราะห่วงอาการบาดเจ็บของเธอ
ก็นี่ล่ะ.. ที่ชวนให้หงุดหงิดไม่หยอก เขาอยากกลับห้องตัวเองมากกว่า แต่หัวใจก็ตวาดห้ามแหวๆ ว่า.. อย่า
"มันบวมแล้วด้วย แหม.. พี่บีเข้าใจหาเหตุนะคะ"
เธอบ่นไปด้วย ปรักปรำไปด้วย
"เหตุ.. "
เสียงทุ้มทวนฉงน
"หมายถึงอะไรของเธอ"
"ก็หาเหตุทำเป็นปล้ำน้อง จะให้น้องตกใจกลัว แล้วหนีลุกลี้ลุกลนจนตกเตียง ข้อเท้าแพลง คืนพรุ่งนี้ ก็ไปงานเลี้ยงไม่ได้ เห็นทีต้องควงน้องบัวตลอดคืนเสียแล้ว ชื่นใจจริงๆ "
"ทำเป็นรู้"
สามีอดยิ้มไม่ได้ นึกเอ็นดูหน้าบ้องแบ๊วลอยไปลอยมา
"แล้วน้องเดาถูกหมดหรือเปล่าล่ะคะ"
"ไม่หมด.. ต่อให้ต้องเดินกะเผลก ฉันก็จะพาเธอไปด้วยให้ได้ แต่ตอนเต้นรำ ฉันจะให้เธอนั่งมองฉันกับน้องบัวสโลว์ซบกันอย่างดื่มด่ำ ทายว่าเธอต้องมองอย่างอิจฉาตาร้อน แหม.. ชื่นใจจริงๆ "
เขาล้อเลียนนวลนาง เธออ้าปากค้าง เบิกตาโต ท่าทางไม่ค่อยจะยอมแพ้เสียทีเดียวนัก
แค่ปล่อยให้เขาหัวเราะเยาะได้นิดหน่อย แล้วเธอก็สวนกลับ
"อ้อ พี่เก๋คงชื่นใจด้วยแน่ๆ เลย น้องจะชวนพี่เก๋ไปด้วย รับรองเธอต้องไป"
"อย่าคุย"
เขาจิ้มขมับ กดแล้วผลัก
"น้ำหน้าอย่างเธอ จะใช้น้ำยาอะไรไปชักชวนเก๋มันได้ นอนไป๊.. เบื่อจะฟัง"
เขาทำเสียงดูแคลน แล้วทอดตัวลงไปนอนคว่ำ สอดสองแขนใต้หมอน
"ก็แล้วถ้าหากน้องทำได้จริงๆ พี่บีจะให้รางวัลอะไรคะ อิสรภาพก่อนกำหนดได้ไหม อุ๊ย.. "
ไอ้ท่อนหลัง เธอก็พูดเย้าเล่นไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ แต่เจ้านายหนุ่มคงคิดเขวไปไกล
ซึ่งไม่ว่าเขาจะคิดอะไร แต่ตอนนี้ เธอซวยไปแล้ว
"พี่บี"
เธอร้องตกใจ กายหนักอึ้งจนหายใจขัด ร่างหนาของชายหนุ่มไม่ได้เบาเลยนะ
"ทำไมสมองของเธอวนเวียนแต่เรื่องนี้ อยู่กับฉันนี่ ต้องทนหรือ.. "
"น้อง.. "
"ไม่ฟัง"
เขาตวาดแผ่วชิดเรียวปาก แล้วฉกฉวยดูดกลืนด้วยจุมพิตเดือดดาล การบดขยี้ครานี้ ค่อนข้างรุนแรงกระชากกระชั้น
หญิงสาวเจ็บนิดๆ ตอนเขาแทรกลิ้นผ่านเข้ามากอดลิ้น กิริยากระหวัดรัดร้อยแลหยาบห้วน
กายบางโดนเขารัดแน่น สลับกับเล้าโลมด้วยสองมือร้อน ซึ่งก็.. ไม่สุภาพเลย
"ปล่องน้องนะคะ น้องไม่ชอบ.. "
เธอเบี่ยงหน้าจนพ้นจูบกระด้าง ตั้งใจจะบอกว่า ไม่ชอบรุนแรง "ฉันชอบ"
ฝ่ายสามีก็ถลันตามติด ตั้งใจบอกว่า ชอบที่จะทำแบบนี้กับเธอจริงๆ
โอ้.. เป็นเรื่องอื่นไปอีกแล้ว เมื่อเนื้อนวลโดนพลิกตะแคงซ้ายขวา เพื่อเปลื้องอาภรณ์น่ารำคาญออก
ใบปัทม์คว้าผ้าห่มคลุมร่างขาวใสเฉพาะท่อนล่าง เพราะท่อนบนเดี๋ยวเขาจัดการคลุมเองด้วยแหเสน่หา
ทรวงละมุนแลครัดเคร่งอยู่ในมือ เขาก็เคล้าคลึงย่ามใจ พาจุมพิตไปเย้าแหย่ พาปลายลิ้นไปยั่วยุ
สะใจดีจัง ตอนฟังเธอครางไม่เป็นภาษา มันสะท้านๆ แว่วๆ และหวิวๆ
"ฉันอยากตาย"
ใบปัทม์ครางอย่างทรมาน ตอนจูบไซ้กายนวลต่ำลงสู่ใต้ผ้าห่ม
"น้องก็เหมือนกัน"
เธอครางด้วย แต่ยาวและประหลาดกว่า
"อยากตาย อยากหายไปจากโลกนี้ อยากไปเจอพ่อกับแม่ อยากหนีคนใจร้าย อยากตายตั้งนานแล้ว อยากตาย.. "
เอ.. อันนี้ฟังไม่ได้ ปรารถนาเถื่อนเลือนหาย กายกำยำเคลื่อนไอร้อนระอุอยู่เหนือผ้าห่ม
มือร้อนชื้นรีบปิดปากที่ครางกลั้วน้ำตา ปากอุ่นก้มจูบซับพวงแก้ม แล้วรีบห้ามสั่นพร่า
"อย่าพูดส่งเดช ฉันไม่อยากฟัง"
"น้องพูดอะไรคะ"
เธอรีบดึงมือเขาออก แล้วถามงงๆ
เอ้อ.. พูดอะไร เธอละเมอหรือ อ้อ.. หรือว่าระบายความเสียวซ่านด้วยวาจาน่ากลัวเช่นนั้น.. ไม่เข้าท่าเลย
ใบปัทม์ยิ้มเครียดในเงาทึบ เขาบีบจมูกภรรยากำมะลอ เธอเป็นสาวกะโปโลโรคประสาท
การกระทำและคำพูดแลประหลาดเข้าใจยาก ประเดี๋ยวก็เศร้าแกมเหม่อลอย อีกคราก็แสนซน
อีกทีก็เคร่งขรึมเจ้าความคิด ถัดไปก็ช่างยอกย้อน เถียงคำไม่ตกฟาก
ใบปัทม์ถอนใจยาว ก่อนจะเลื่อนร่างหนักลงจากร่างนวลที่ตนขยับอ้อยอิ่งนานแล้ว
ทั้งที่เมื่อเลื่อนลง แต่ยังไงก็ได้นอนข้างอยู่ดี ทว่า.. หัวใจยังเอะอะปึงปัง ต่อว่าเขาอย่างไม่พอใจ
คล้ายๆ ว่า.. เสียดายจัง ลงไปทำไมกัน น่าจะทำอะไรที่ไถลพ้นขอบกำมะลอ เสียให้รู้แล้วรู้รอด
ตอนลงนอนข้าง แขนข้างหนึ่งพาดอ้อมไปกระชับเอวกิ่ว แล้วรั้งให้ขยับเข้าแนบชิด
ทรวงสวยก็มีอันแนบแผงอกชื้น บดเบียดเพียงเบาๆ ใบปัทม์กัดปากในเงาทึบอีกครา
แต่เธอพริ้มตาลง หว่างคิ้วแลหมกมุ่น เธอคงเจ็บข้อเท้านั่นแหละ
แต่อาจต้องแบ่งช่วงนาทีมาหวั่นแกมกลุ้มกับการจาบจ้วงเอาแต่ใจของเขาด้วย
สงสารเธอ.. ปล่อยให้เธอหลับดีกว่า.. เพราะคิดได้อย่างนี้ ใบปัทม์จึงเพียงแต่โอบกอดร่างน้อยไว้แนบอกเฉยๆ
และปล่อยให้ความเงียบหอบนิทรามาคลี่คลุม ซึ่งแค่เพียงไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็หลับสนิทจริงๆ
ยุติชีวิตกำมะลอของวันนี้ลงแต่เพียงเท่านี้ เฮ้อ.. เห็นหน้าบ้องแบ๊วยามหลับแล้ว เขารักเธอจัง..
| จากคุณ |
:
thassada
|
| เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ค. 52 11:17:33
|
|
|
|