Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ช่อละมุนกะโปโล - 19  

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8095590/W8095590.html

บทที่ 19

หมดกัน.. ความตั้งใจแรกว่าด้วยการจะอดทนอดกลั้นต่อแรงถาโถมของปรารถนา

มันไม่มีทางเป็นไปได้ในความรู้สึกปั่นป่วนรัญจวนใจเหลือทนยามนี้ของใบปัทม์

ชายหนุ่มเก็บกลืนความขุ่นระคายในอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่แล้ว

ตอนตวาดใส่หน้าลูกจ้างปากเก่ง เธอลอยหน้างัดเหตุผลมาปาวๆ ไม่ตกฟาก จนสุดท้ายก็เอ่ยอ้างชื่ออดิเรก

เอ่ยถึงความพึงพอใจในการอาศัยอยู่ในบ้านพักพนักงาน เธอกล้าเปรียบเทียบให้ฟังเสียด้วยว่า

หากได้อยู่ที่นั่น จิตใจจะสบายกว่าอยู่ในบ้านหลังใหญ่ๆ หลังนี้ อันที่จริงเธอไม่คิดจะพูดอย่างนั้นหรอกใช่ไหม

เธอคงอยากบอกว่า เธอมีความสุขที่สุด หากสามารถย้ายกลับไปอยู่ใกล้ชิดกับอดิเรก

แทนการอดทนเป็นภรรยาปลอมๆ ของเขา

แล้วทีนี้.. พอหมดความอดทนอดกลั้น จะด้วยแรงหวงแหนหรืออะไรก็ช่าง

แต่มันทำให้เขาไม่สามารถฝืนตัวเองให้ร้อนอย่างเดียวดายในห้องได้ก็แล้วกัน

ตอนย้อนกลับเข้ามาในห้องเธอ ก็ยังไม่มีเหตุผลอะไรจะอ้างสักนิด

ยังโชคดีที่นึกได้ว่าต้องไปงานเลี้ยงลูกค้าคืนพรุ่งนี้ แต่เธอก็ไม่ใช่เงาในแผน เขาตั้งใจไปตามลำพังต่างหาก

แล้วเป็นไงอีก.. พอเข้าห้องเธอมาได้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรล่ะ แต่มาดตัวเองก็ไม่ควรเสียไปให้เธอหัวเราะเยาะนี่

ออกคำสั่งเธอก็ได้ใช่ไหม พาเธอไปด้วยก็ไม่เห็นแปลก ไม่หนักรถสักหน่อย

ครั้นสั่งเสร็จสรรพ แม่สาวปากเก่งก็ยอกย้อนล่ะ.. ไอ้ที่ร้อนออกมาจากห้อง ก็ยิ่งเดือดทะลักเหมือนทะเลไฟ

เธอไม่รู้หรือว่าเขาไม่ชอบให้ใครมาขัดใจ ขัดคำ ขัดคำสั่ง แล้วนี่เธอทำอะไรอีก ดิ้นขลุกขลัก

พยายามจะให้หลุดจากจุมพิตเขาให้ได้ แบบนี้เรียกว่าขัดขืนใช่หรือเปล่า อันนี้เขายิ่งไม่ชอบที่สุดเลย

"อยู่เฉยๆ "

เขากระชากเสียงห้วนแกมสั่นพร่า ตัดใจกดร่างบางลงแนบที่นอน แล้วค่อยยกตัวขึ้นไปทอดทับ

"ฉันจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว นิ่งเลยนะ"

"น้องเจ็บข้อเท้านี่"

เธอครางพร้อมกับนิ่วหน้า ลำคออุ่นโดนซุกไซ้จนเหงื่อชุ่ม กระแสวาบหวามประหลาดเลื่อนไหลปราดเปรียว

เดี๋ยวจู่โจมกลางกระหม่อม เดี๋ยวจ่อจรดปลายเท้า

"พี่บี.. ปล่อยน้อง"

"อืม"

สงสาร.. เธอคงเจ็บจริงๆ ใบปัทม์ยอมพลิกกายไปนอนข้างๆ แต่พาดลำแขนทิ้งไว้บนหน้าท้องนวลนาง

ปรายตาจับทรวงที่ดีดสะท้อนหวั่นไหว เลื่อนเข้าไปพินิจในลำคอที่ขยับเป็นคลื่น

เธอกลืนน้ำลายหลายเฮือกติดๆ กัน ตาใสจ้องขึงเพดานข้างบน ร่างนวลนอนนิ่งและทื่อ

"อย่ายั่วฉันอีก ฉันก็บอกไม่ถูกว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมต้องทำแบบนี้กับเธอ มันไม่ใช่งาน ฉันรู้.. มันไม่ถูก.. นี่ฉันก็รู้.. ระหว่างเราไม่ควรเกิดความสัมพันธ์ที่เลยเถิดไปกว่าการเป็นลูกจ้างนายจ้าง ยิ่งข้อนี้.. ฉันท่องไว้ตลอดเวลา แต่ไม่รู้ทำไม.. ไม่รู้สิ.. "

เจ้านายหนุ่มเปรยยาวมาก ตาสีน้ำเงินขึงเพดานเหมือนคนนอนข้าง สักพัก.. ก็ลดตาลงแล้วเหลือบมองคนฟังนิ่ง

จึงค่อยเห็นหยาดน้ำใสไหลเป็นสายบางทางหางตา ปากจิ้มลิ้มเม้มคล้ายกลืนสะอื้น ยิ่งเห็นก็ยิ่งหนักใจ

บอกไม่ถูกว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมนึกผูกพันกับเธออย่างไร้เหตุผลขึ้นมา

แล้วชื่อชายอื่นนี่ก็เหมือนกัน เขาอยากขอร้อง..

"ต่อไปนี้ อย่าพูดชื่อผู้ชายคนไหนให้ฉันได้ยิน ฉันไม่ชอบ"

เอ.. ทำไมเอาแต่เงียบ เขาพูดไปตั้งหลายคำ ใบปัทม์หงุดหงิดขึ้นมาอีก ร่างกำยำจึงพลิกจากท่านอนหงายเป็นตะแคง

พามือที่ทอดทับเหนือหน้าท้องมาค้ำศีรษะ แล้วใช้อีกมือบีบคางนวลนาง ก่อนจะเค้นเสียงสำทับ

"ไอ้ที่พูดมานี่ ได้ยินไหมน้อง เงียบแบบนี้ ฉันก็ไม่ชอบ เข้าใจไหม"

"ค่ะ"

"ก็แค่นี้.. "

ใบปัทม์ค่อนขอดหงุดหงิด เขาดีดตัวลุก ตั้งใจว่าจะลงไปในครัว ดื่มน้ำเย็นสักแก้ว น่าจะดับร้อนในอารมณ์ได้บ้าง

"ฉันจะลงไปดื่มน้ำ จะหายามานวดข้อเท้าให้ด้วย นอนเฉยๆ ไม่ต้องลุก เข้าใจไหม"

"คำสั่งหรือคะ"

"น้อง.. เข้าใจไหม"

"ค่ะ"

เจ้านายหนุ่มขึงตาแล้วตวัดกลับเร็วจนเกือบจะเป็นตวัดค้อน เธอไม่ยอมหยุดตอแยอารมณ์ของเขาเสียที

ปากเปราะดีนัก เดี๋ยวเขาอดใจไม่ไหว ล่วงล้ำเลยเถิด จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว


ชายหนุ่มลงมาข้างล่าง ตาเข้มเพ่งความมืดที่คลุมทางเดินแคบๆ จากบันไดไปสู่ห้องครัว เขาหันฝีเท้าไปทิศทางนั้น

แต่แล้วริมโสตคล้ายสะดุดกับเสียงผิดปกติ มันดังมาจากห้องหนังสือ คล้ายเสียงเปิดหรือปิดประตู

ฝีเท้าจึงหันเห มุ่งไปยังต้นเสียงก่อน

เมื่อเปิดประตูเข้าไป ใบปัทม์ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด เขาเดินตรงไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานริมหน้าต่าง

เปิดโคมไฟเล็กตรงมุมโต๊ะ ตาเข้มเหลือบเห็นลิ้นชักชั้นล่างเปิดค้างเล็กน้อย

ซองเอกสารสีน้ำตาลโผล่พ้นขอบลิ้นชักออกมา ร่างสูงหย่อนลง แล้วดึงมันออกมาอ่านหน้าซอง ก่อนจะโคลงศีรษะ

ไม่มีอะไร.. เอกสารตั้งแต่หกเดือนก่อน ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว

ชายหนุ่มเก็บใส่ลิ้นชักดังเดิม พลางผลักลิ้นชักให้ปิดสนิท ก่อนจะลุกยืนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ

ความมืดที่คลุมชุดรับแขกฟากโน้นแลเข้มทึบอยู่กลางตาสีน้ำเงิน เขามองนิ่งอยู่อึดใจ

ก่อนจะเดินไปหยุดหน้าโต๊ะกระจกทรงหกเหลี่ยม

ทำไม.. หมอนอิงถึงระเห็จขึ้นมาวางอยู่บนนี้ได้ อิ่มทำความสะอาดยังไง ไม่เรียบร้อยเลย

ร่างสูงย้อนกลับออกมา พร้อมกับปิดประตู แล้วตรงไปยังห้องครัว แวะเปิดตู้ยาสามัญประจำบ้าน

หยิบยาน้ำไปวางบนโต๊ะกลาง แล้วค่อยจัดการหาน้ำดื่มดับกระหาย อ้อ.. ไม่ใช่.. ดับร้อนในอารมณ์ต่างหาก

ไฟในครัวดับวูบลง พร้อมกับเสียงคล้ายมีใครสะดุดหกล้มใกล้กับบันได

ใบปัทม์กะพริบตา แล้วค่อยลากฝีเท้าสุขุม สมองเริ่มสั่งการฉับไว ปกติไม่เคยมีโจรล่วงล้ำ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีตลอดไป และคืนนี้ก็อาจจะเป็นเวลาที่โจรอยากมา

"ใคร"

เขาตะโกนถามออกไป ทันทีที่เห็นเงาตะคุ่มฟุบกลางบันได

"น้องค่ะ"

อ้าว.. แม่ตัวดีลงมาทำไมอีก สั่งให้นอนเฉยๆ ไม่ใช่หรือ ใบปัทม์ระบายลมหายใจ กึ่งโล่งอกกึ่งฉุน

เขาตรงไปยังเงาตะคุ่ม แล้วช่วยประคองให้นั่งดีๆ

"ทำไม"

"น้องกะเผลกลงมา พลาดนิดหน่อย"

"ลงมาทำไม"

"ก็.. น้องเผื่อว่าพี่บีจะหิว เลยตั้งใจจะลงมาช่วยทำอะไรให้กิน"

คำตอบแบบนี้น่ารักจะตาย.. ใบปัทม์อมยิ้มในเงาสลัว เขาอุ้มสาวน่ารักไปวางอย่างบรรจงในห้องนั่งเล่น

เปิดไฟดวงเล็ก ซึ่งก็ไม่สว่างมากนัก แต่ก็พอเห็นหน้าเห็นตัวกันชัด

"ยื่นขามาซิ ตอนฉันนวดก็เจ็บหน่อย ฉันเป็นคนมือหนัก ทำใจนะ"

เสียงทุ้มเตือนแข็งๆ มือเริ่มเทน้ำมันลงชโลมรอบข้อเท้า แล้วนวดคลึงเบาๆ

หญิงสาวลอบมองความตั้งใจของเขาด้วยใจวาบหวาม ความสุขประหลาดท่วมท้นขึ้นถมช่องว่างในใจดวงน้อย

ความตั้งใจทำตัวเองให้หายไปจากโลก ค่อยๆ สะเทือน แม้ไม่ถึงกับรุนแรง

แต่อย่างน้อย.. มันก็เกิดปฏิกิริยาบ้างแล้วล่ะ

"มันจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไปไหมคะ หากน้องอยากให้พี่บีเล่าถึงความรัก.. เอ้อ.. กับคุณบัว"

มือที่นวดคลึงขะมักเขม้นค่อยแปรเป็นอ้อยอิ่ง ตาเข้มเหลือบมองคนพูดแวบหนึ่ง เหมือนเขาจะคิดชั่งใจ จึงนิ่งไปเป็นครู่

แล้วถัดมา.. หญิงสาวก็เกือบจะยิ้มลิงโลดในทันทีที่เห็นเขาผงกศีรษะ

"ความรักก่อตัวขึ้นช้าๆ มันแทรกความรู้สึกแบบพี่น้องเข้ามาเอง โดยที่ฉันไม่รู้สึกตัวเลย และกว่าจะรู้ตัว ความรักมันก็จับจองพื้นที่ในหัวใจไปจนหมดเสียแล้ว"

เขานั่งพิงไหล่มน ตาสีน้ำเงินแลสุกสกาวในแสงไฟบาง มุมปากปรากฏรอยยิ้มล้ำลึก

ความรักครั้งเก่ายังไม่ตาย มันรุ่งโรจน์อยู่บนกรอบหน้าเข้มที่แลอ่อนนุ่มในยามนี้

มันทำให้หญิงสาวได้ประจักษ์ชัดยิ่งขึ้นว่า เขาไม่เคยเสื่อมคลายในรักครั้งนั้น แม้วันเวลาจะผ่านไปและผ่านไป

"มีทั้งคนสนับสนุนและคัดค้าน ทั้งญาติผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง ตอนนั้น.. เลยกลายเป็นสองพรรคสองพวก เก๋ล่ะ ที่เป็นตัวตั้งตัวตีคัดค้านสุดเสียง สองสาวคู่นี้ ไม่ลงรอยกันมาแต่เด็ก น้องบัวน่ะ ไม่มีอะไรหรอก แต่เก๋ของฉัน เป็นเด็กเอาแต่ใจ ชอบเป็นหนึ่งในทุกเรื่อง"

"พี่เก๋เลยไม่พอใจที่โดนแย่งความเป็นหนึ่งไปหรือคะ"

"ทำนองนั้น"

เขาหันมาหัวเราะ

"อันที่จริง เก๋มันก็คิดมากไปเอง ฉันมีน้องสาวคนเดียว รักเหมือนแก้วตาดวงใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณพ่อกับคุณแม่ แต่ก็อย่างว่าล่ะ วิธีการแสดงความรักน้อง กับวิธีเผยความรักแบบหนุ่มสาว มันคงต่างกันมาก"

"พี่บีขอคุณบัวแต่งงานไหมคะ"

"เกือบขอ"

เขาหัวเราะอีก

"ก็รอว่าให้น้องบัวเรียนจบก่อน ตั้งใจว่าจะขอในวันรับปริญญา แต่ก็.. "

เขายักไหล่ แล้วเปลี่ยนรอยยิ้มนุ่มเป็นขื่น

"พระเอกตัวจริงก็มาปรากฏตัววันนั้นเหมือนกัน"

"คุณยอยศหรือคะ"

เขาพยักหน้า แล้วนึกอะไรก็ไม่ทราบ จู่ๆ ก็ดึงมือเธอไปกุมไว้แนบอก

"น้องไม่อยากนึกภาพเลยว่า วันนั้นพี่บีจะเสียใจมากแค่ไหน"

เธอรำพึงมากกว่าบอก

"โอ้.. เหมือนฟ้าถล่ม แผ่นดินทลาย มหาสมุทรทั้งโลกแห้ง มันบอกไม่ถูกเลย"

จากคุณ : thassada
เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 11:15:46




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com