ความคิดเห็นที่ 1 |
บทที่ 9
เมื่อทีนิสรักษาตัวจนหายดีแล้ว ทีนิสก็เริ่มแผนการที่ได้เตรียมเอาไว้ด้วยการจัดคณะละครเร่อันประกอบ ไปด้วยตัวเขา ไบรโอเนีย เอ็ดการ์ เลโอน่า มอร์ทีและเซ็ดเพื่อนของเลโอน่าตั้งแต่สมัยเด็กที่ทีนิสให้ ชักชวนเข้ามาร่วมแผนการนี้กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่แคว้นคิเรบัส
ทีนิสเลิกผ้าคลุมด้านท้ายเกวียนออกเมื่อเอ็ดการ์บอกเขาว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในเขตแดนของคิเรบัสแล้ว ทีนิสมองภาพภูมิประเทศของแคว้นคิเรบัสที่เขาจากมานานด้วยความรู้สึกหลากหลายปะปนกันไป
ไบรโอเนียมองทีนิสที่เหม่อมองออกไปข้างนอกแล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ นางบอกให้เอ็ดการ์หยุดเกวียน ไว้ก่อนเพื่อที่จะให้ทุกคนได้ออกมายืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งอยู่ในเกวียนกันมาทั้งวันพร้อมกับให้ม้าได้พัก โดยที่เอ็ดการ์และเลโอน่าลงจากเกวียนไปสำรวจบริเวณรอบๆ ก่อน หลังจากนั้นจึงส่งสัญญาณให้พวก ที่อยู่ในเกวียนค่อยๆ ลงมากันทีละคนอย่างระมัดระวัง เพราะถึงแม้ว่าจะปลอมตัวเป็นพวกละครเร่แต่ก็ ไม่อาจจะแน่ใจได้เลยว่าพวกเขาปลอดภัย
ทีนิสลงจากเกวียนเป็นคนสุดท้ายแล้วมองไปรอบๆ บริเวณที่ยืนอยู่ พวกเขาหยุดพักกันที่ทุ่งหญ้าบนเนิน เขาแห่งหนึ่งที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองคิเรบัสได้ทั้งหมด ทีนิสยิ่งรู้สึกปวดหนึบในใจเมื่อเขาเห็น แคว้นอันเป็นบ้านเกิดของเขาอยู่ห่างไปเพียงแค่เอื้อม
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ข้าไม่ได้ยืนอยู่บนแผ่นดินของข้า ทีนิสรำพึงก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะเมื่อรู้สึกขมขื่นในใจ น่าขันยิ่งนักที่ข้าไม่สามารถแม้แต่กระทั่งจะไปเดินในเมืองของข้าในฐานะที่ข้าเป็นข้าได้
ไบรโอเนียเดินมายืนอยู่ข้างๆ ทีนิสแล้วยกมือแตะต้นแขนเขาเป็นเชิงปลอบใจ
ท่านจะต้องล้างมลทินให้กับตัวเองได้ เชื่อข้าสิ
เขากุมมือนางแล้วยิ้มเจื่อนๆ ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เราจะต้องทำให้สำเร็จ
ไบรโอเนียดึงมือออกจากมือของเขาแล้วหันไปพยักหน้าให้กับเอ็ดการ์ที่เพิ่งกลับมาจากการไปเดินสำรวจ รอบๆ บริเวณที่พวกนางอยู่เพื่อระวังภัยให้แก่พวกตนอยู่ ก่อนจะปล่อยม้าตัวโตสองตัวที่ใช้เทียมเกวียน เพื่อให้พวกมันเดินเล็มหญ้าได้อย่างสะดวกในระหว่างที่พวกมันได้พัก และบอกทุกคนว่าคงจะต้องพัก ค้างแรมที่นี่เสียก่อนเพราะพวกเขาใช้ม้าลากเกวียนมาทั้งวันแล้ว แถมถ้าหากเดินทางตอนกลางคืนอาจจะ มีพิรุธต่อพวกทหารลาดตระเวนที่อาจจะมาเจอก็ได้ ซึ่งไบรโอเนียก็เห็นด้วยและถือโอกาสนี้ซักซ้อมพวก ผู้ติดตามทั้งสามเป็นครั้งสุดท้ายในระหว่างที่นั่งรับประทานอาหารมื้อค่ำที่เลร่า น้องสาวของเลโอน่าซึ่ง ตอนนี้เป็นข้ารับใช้ฝึกหัดเป็นผู้จัดเตรียมไว้ให้ก่อนพวกไบรโอเนียจะออกเดินทาง
น้องสาวของเจ้ามีฝีมือการทำอาหารนะเลโอน่า แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ขนมปังและเนยแข็งก็เถอะ ทีนิส กล่าวชื่นชมเลร่า ซึ่งผู้เป็นพี่สาวถึงกับยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ
เลร่าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งองค์ชายและองค์หญิง ก็เลยตั้งใจฝึกฝนตัวเองอย่างเต็มที่ จนทำให้ท่านหัวหน้าข้ารับใช้เลยเอ็นดูเป็นพิเศษน่ะเพคะ
ข้ากำลังคิดอยู่ว่าถ้าหากข้าเลือกส่งเจ้าไปอยู่ในครัวอย่างเลร่าจะเป็นยังไง ไบรโอเนียตั้งข้อสงสัยพลาง หัวเราะหึเมื่อเลโอน่าตีหน้ามุ่ย ก่อนที่นางจะทำสีหน้าจริงและเริ่มเข้าเรื่อง
ต่อจากนี้ไป เราจะต้องปลอมตัวเป็นพวกคณะละครเร่ จงลืมไปซะว่าข้าและทีนิสเป็นใคร จากนี้ไปเราจะ ใช้ชื่อปลอมกันและพวกเจ้าอย่าได้แสดงพิรุธอะไรออกมาให้ใครสังเกตได้ไม่เช่นนั้นถ้าหากเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีการกลับมาช่วยเหลือกันโดยเด็ดขาด เข้าใจกันนะ
เลโอน่ากับเพื่อนพากันพยักหน้าหงึกหงักในขณะที่ดวงตาเป็นประกายลุกวาวอย่างกระตือรือล้นในการร่วม ปฏิบัติการนี้อย่างเต็มที่ ทีนิสมองท่าทางของเด็กหนุ่มสาวพวกนั้นแล้วก็ลอบถอนใจออกมาเบาๆ หากท่าทางของเขาก็ไม่รอดพ้นสายตาของไบรโอเนียที่นั่งมองเขาอย่างจับสังเกตไปได้
***************************
หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อค่ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอ็ดการ์ก็สั่งให้พวกเลโอน่าจัดเตรียมที่นอน ให้กับทีนิสและไบรโอเนีย ในระหว่างนั้นทีนิสก็เดินเลี่ยงออกมาทางด้านหนึ่งแล้วก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ที่ประดับไปด้วยดาวนับล้านดวง ไม่อยากเชื่อเลยว่าตอนนี้เขาจะยืนอยู่ภายใต้ท้องฟ้าเหนือเมืองคิเรบัส บ้านเกิดของเขาแล้ว...
มีเรื่องอะไรทำให้ท่านไม่สบายใจอีกหรือทีนิส
ทีนิสหันกลับไปมองแล้วก็พบว่าเป็นไบรโอเนียที่ยืนมองเขาด้วยความเป็นห่วง นางส่งยิ้มให้กับเขาเมื่อเดิน เข้ามาใกล้
ข้าเห็นท่านดูไม่ค่อยสบายใจนัก ท่านกลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ
เจ้าสังเกตข้าได้ดีจริงๆ ทีนิสหัวเราะเสียงแห้งก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด ข้ากำลังคิดว่ามันดีแล้ว จริงๆ หรือที่ดึงให้เด็กพวกนั้นมาร่วมแผนการด้วย พวกเขาอาจจะต้องตายก็ได้นะถ้าหากว่ามันผิดพลาด
ถ้าท่านมัวแต่คิดเช่นนั้นคงทำอะไรไม่สำเร็จหรอก นางกล่าวตำหนิเขาตรงๆ อย่ามัวแต่คิดถึงว่าคนอื่นจะ เป็นเช่นไรเลย ยังมีหลายอย่างที่ท่านจะต้องจัดการ ถ้ามัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลังท่านจะทำอะไรไม่สำเร็จ เลยสักอย่าง
แล้วนางก็เงยหน้ามองดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ถ้าหากว่าจะต้องเสียสละอะไรเพื่อทำให้ไปถึง เป้าหมายบ้าง ก็คงจำเป็นต้องทำ การเป็นผู้นำได้ไม่ใช่เพียงแค่ต้องปกป้องทุกสิ่งหรอกนะ แต่เป็นการ ตัดสินใจเลือกเพื่อความเหมาะสมของส่วนรวมต่างหาก เสด็จพ่อบอกข้าเอาไว้เช่นนั้น
ทีนิสมองไบรโอเนียที่เหม่อมองไปยังบนท้องนภาด้วยความลืมตัว ใบหน้าของนางถูกแสงสีเงินยวงอาบไล้ ดูงดงามราวกับภาพฝัน นับตั้งแต่ที่เขารอดชีวิตจากการถูกลอบทำร้ายในครั้งล่าสุดได้ ทีนิสก็ไม่อาจจะฝืน ความรู้สึกของตัวเองที่จะไม่ตกหลุมรักสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้อีกต่อไป เขาแค่นหัวเราะเสียงหยัน ใส่ตัวเองเมื่อคิดได้ว่าตัวเขาเองนั้นแทบไม่มีค่าคู่ควรแก่นางเลยแม้แต่สักกระผีกเดียว
ท่านมองข้านานไปแล้วนะ ไบรโอเนียเอ่ยโดยไม่หันกลับไปมองเขา
ข้าก็แค่คิดว่าเจ้านี่ช่างเข็มแข็งเหลือเกิน ทั้งที่เจ้าเป็นผู้หญิงแท้ๆ กลับต้องมาคอยดูแลและสอนอะไร หลายๆ อย่างให้กับข้า แล้วก็เลยพาลคิดไปว่าข้านี่ช่างไม่เอาไหนเหลือเกินน่ะ
นางยิ้มเขินกับคำพูดของเขาก่อนจะส่ายหน้า ท่านพูดเกินจริงไปแล้ว ข้าก็เพียงแค่คิดจะทำในสิ่งที่ตั้งใจ เอาไว้ให้สำเร็จก็เท่านั้นเอง ท่านไม่ควรเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับข้าเลยเพราะเราต่างเติบโตกันมา คนละสถานภาพกัน
เจ้าควรภูมิใจที่เจ้าเป็นเช่นนั้น เพราะข้าอิจฉาเจ้าที่สามารถต่อสู้กับทุกอย่างได้ด้วยตัวของเจ้าเอง ทีนิส กล่าวก่อนจะยกมือขึ้นเหนือศีรษะและสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ไปกันเถอะ ข้าว่าเรารีบเข้านอนให้ไว หน่อยดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางกันแต่เช้า
แล้วทีนิสก็เดินกลับไปรวมกลุ่มกับพวกเอ็ดการ์โดยมีไบรโอเนียมองตามหลังเขาไปด้วยความรู้สึกเป็น กังวลอยู่บ้าง เพราะนางหวังว่าทีนิสน่าจะเข้าใจถึงสิ่งที่ตัวเองทำให้มากกว่าที่เป็นอยู่ หาไม่เช่นนั้นแล้ว ทุกอย่างที่นางพยายามมาทั้งหมดคงจะพังทลายไปต่อหน้าเป็นแน่
*******************************
และแผนการของทีนิสก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงในเขตเมืองของแคว้นคิเรบัส พวกเขาเล่น ละครเร่ข้างถนนเล่านิทานเกี่ยวกับเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระราชาแคว้นหนึ่งโดยพระโอรสของพระองค์ ถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้สังหาร แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นแผนการของขุนนางใจคดที่หวังจะครอบครองบัลลังก์นั้น และเป็นไปตามที่ทีนิสคาดเอาไว้ เมื่อนิทานที่พวกเขาเล่านั้นเป็นที่โจษจันท์ไปอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนแผนการจะไปได้สวยนะ ไบรโอเนียเอ่ยกับเขาเมื่อเห็นจำนวนของคนที่เข้ามารอดูละครจากข้าง หลังฉากที่ต่อแบบหยาบๆ เอาไว้
ทีนิสที่พรางตัวด้วยการเขียนหน้าตาตัวเองเป็นตัวตลกพยักหน้าด้วยความพอใจ
ข้าว่าอีกไม่นานประชาชนคงจะรวมกลุ่มกันเพื่อต่อต้านพวกขุนนางแน่
แล้วหลังจากนี้ท่านจะทำยังไงต่อไป ถ้าหากประชาชนเกิดต่อต้านพวกขุนนางจริง เราที่เป็นต้นเหตุคงไม่ แคล้วจะโดนจับแน่ๆ
ไม่ต้องห่วงหรอก ข้ามีแผนรับรองเสมอ ทีนิสกล่าวพร้อมกับมองไปยังชายสูงวัยที่ดูท่าทางแปลกแยก จากชาวบ้านทั่วไปยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ชายคนนั้น... คนที่สวมผ้าคลุมสีน้ำตาลนั่นจับตามองเขาให้ดี ข้าอยากจะพบกับเขา
ไบรโอเนียขมวดคิ้ว เขาเป็นใครกัน
เขาเคยเป็นราชครูของข้าและเมืองนี้ก็คือบ้านเกิดของเขา น่าสงสัยอยู่ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่แทนที่จะ เป็นทาวันดาร์ ซึ่งข้าเดาว่าหลังจากที่เลกัสขึ้นครองบัลลังก์แล้วคงจะริบอำนาจพวกขุนนางฝ่ายตรงข้ามจน หมดและหาทางทำอะไรสักอย่างที่ทำให้คนพวกนี้ไม่สามารถรวมกลุ่มกันเพื่อต่อกรกับตัวเองได้อีก อย่างเช่น ใส่ความคนพวกนั้นแล้วก็จับไปขังเอาไว้ แต่ก็คงจะมีบางส่วนที่ไหวตัวทันและหนีออกมาได้ เช่นกัน
ท่านแน่ใจแล้วหรือที่จะทำอย่างนั้น นางถามเขาพลางหรี่ตามองชายคนนั้นอย่างไม่แน่ใจ เพราะเป็นไป ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะส่งสายสืบมาเป็นตัวล่อให้พวกตนตกหลุมพรางก็ได้
ทีนิสพยักหน้า ถือว่าข้าขอร้องเจ้าก็ได้
ไบรโอเนียนิ่งอย่างนึกชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะพยักหน้า ก็ได้ แต่ว่าถ้าหากเกิดอะไรไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ข้าจะฆ่าทิ้งทันทีเลยนะ
จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นเลยหรือ
ถ้าเราไม่ฆ่า เราก็จะต้องถูกฆ่า มีทางเลือกอยู่แค่สองทางเท่านั้นแหละ นางตัดบทเขาแล้วก็เดินไปสั่ง การเอ็ดการ์ที่พยักหน้าและรีบเดินออกไปรวมกับฝูงชนโดยทันที แล้วนางก็หันกลับมาพยักหน้าให้กับทีนิส
เขายกมุมปากยิ้มน้อยๆ แทนคำขอบคุณนางก่อนที่จะเดินออกไปหน้าฉากเพื่อเล่นบทตัวตลกที่เป็นผู้เล่า เรื่องราวอีกครั้งหนึ่ง
********************************
เอ็ดการ์ย่างเท้าตามหลังชายคนนั้นหลังจากที่การแสดงละครเร่จบแล้ว เขาเร่งฝีเท้าขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเลี้ยว เข้าไปในตรอกที่ลับสายตาผู้คนพร้อมกับชักดาบสั้นออกมาเผื่อว่าอีกฝ่ายมีอาวุธ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อ เห็นว่าชายสูงวัยในเสื้อคลุมสีน้ำตาลนั้นหยุดนิ่ง
เจ้าเดินตามข้ามาต้องการอะไรอย่างนั้นหรือ
เอ็ดการ์สืบเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายทีละน้อยอย่างระมัดระวัง ข้าไม่ได้ต้องการทรัพย์สินหรือสิ่งใดๆ จากท่าน หรอก
ชายสูงวัยนั้นหัวเราะเสียงแผ่วก่อนจะหันกลับมามองเขา แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดจากข้ากันเล่า หรือว่าเลกัส ส่งเจ้ามาสังหารข้า
เอ็ดการ์ส่ายหน้า มีคนอยากพบท่าน ท่านจะยอมตามข้ามาแต่โดยดีหรือไม่
มีใครกันที่ต้องการอยากจะพบกับข้า
ริมฝีปากขององครักษ์หนุ่มยกมุมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเก็บดาบสั้นใส่คืนในฝัก และลดท่าทีคุกคามลงเป็นปกติ ข้าไม่อาจบอกชื่อคนผู้นั้นให้กับท่านได้ ตามข้ามาเถอะแล้วท่านจะรู้เองว่าเป็นใคร
เอ็ดการ์เองก็ไม่รู้เช่นกันว่าชายคนนี้เป็นใคร แต่คงจะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับทีนิสเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ ยอมเสี่ยงให้ได้พบเจอเช่นนี้ เพราะตั้งแต่อยู่ในคิเรบัสนั้นพวกเขาต่างใช้ชีวิตกันอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง เพื่อที่จะดำเนินแผนการให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
เมื่อเอ็ดการ์พาชายคนนั้นมายังที่พักของพวกเขาซึ่งอยู่ในโรงแรมถูกๆ สำหรับพวกพ่อค้าจากต่างแคว้น และนักเดินทางใช้เป็นที่พักแรมระหว่างทาง พอเห็นพวกของเลโอน่าที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ตรงโถง ทางเดินแคบๆ เขาก็ระลึกได้ทันทีว่าพวกของเอ็ดการ์คือใคร
เจ้าเป็นคนของคณะละครเร่หรือ
ท่านไม่ถามเองนี่ว่าข้าเป็นใคร เอ็ดการ์หัวเราะหึก่อนจะดันให้เขาเดินเลยพวกเลโอน่าไปยังห้องพักที่อยู่ ด้านในสุด คนที่รอท่านอยู่ในห้องนี้
แล้วราชองครักษ์หนุ่มก็เคาะประตูเป็นจังหวะซึ่งคนในห้องขานรหัสใส่และพอเอ็ดการ์ขานรหัสตอบ ก็เป็น ไบรโอเนียที่เปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง
รีบเข้ามาในห้องเถอะ ก่อนที่ใครจะเห็นเข้า
ไม่รอให้ได้ท้วงเอ็ดการ์ก็ผลักชายคนนั้นให้เข้าไปในห้อง
เจ้าน่ะหรือที่ต้องการจะพบกับข้า เขาถามไบรโอเนีย
นางส่ายหน้า ไม่ใช่ข้าหรอกท่านราชครูซิกลี่ย์
เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร... ซิกลี่ย์ขมวดคิ้วและมองพวกนางด้วยความหวาดระแวง พวกเจ้าเป็นใครกันแน่
เขาเป็นผู้ช่วยเหลือชีวิตของข้าเอง ซิกลี่ย์
| จากคุณ |
:
ตัว(Z)
|
| เขียนเมื่อ |
:
26 ก.ค. 52 01:03:36
|
|
|
|