ความคิดเห็นที่ 1 |
ครั้งหนึ่ง โกอ่างเป็นข่าวลงในหนังสือพิมพ์ และ ไอทีวีว่า เพราะอธิบดีรายหนึ่งให้การสัมภาษณ์ว่า ปริมาณทองคำในไทยมีมากกว่าเดิมเพราะมีทองเถื่อนเข้ามาขาย เลยมีข่าวลือปนข่าวมั่วว่า โกอ่างค้าทองเถื่อน(ทองของมาเลย์มาหลอมขาย) เพราะเห็นว่าร้านทองของแกมียอดขายมากและลูกค้ามากกว่าร้านอื่น ๆ ที่มาเปิดร้านทองขายในปาดังเบซาร์ภายหลัง แกเลยท้าทายว่าคนออกข่าวให้มาจับแกได้เลย ถ้ามีทองเถื่อนในร้านค้าของแก เพราะแกรับซื้อ/รับจำนำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง คือมีบัตรประชาชนยืนยันการจำนำทองคำหรือการขายทองคำ แถมแกยังบอกเลยว่า การค้าทองตอนนี้ไม่ใช่กำไรมากมายนัก อยู่ที่การเก็งราคารับซื้อกับราคาขายทองแท่งออกไป โดยบางครั้งต้องหลอมทองรูปพรรณโดยยอมเสียค่ากำเหน็จ เพื่อนำไปขายต่อให้กับร้านทองแห่งอื่นไปทำทองรูปพรรณต่อไป ส่วนทองที่ได้มาก็จากการรับซื้อหรือการหลุดจำนำไปนานแล้ว ก่อนพยายามขายต่อไปในลักษณะทองรูปพรรณ แต่ถ้าขายไม่ได้จริง ๆ แล้วก็จะนำไปหลอมเป็นแท่งขายต่อไป และแกท้าให้ไปดูราคาทองมาเลย์ว่า ซื้อมาหลอมเป็นทองแท่งขายแล้วถูกกว่าเมืองไทย แกกล้ารับซื้อทั้งหมดเลย มีกี่ตันแกก็กล้าเหมาหมด ผลก็คือ ข่าวนี้จบแบบไทย ๆ คือ เงียบหายไปในที่สุด ไม่มีอะไรคืบหน้า
ธุรกิจร้านทองรูปพรรณอยู่ได้เพราะการซื้อมาขายไปและรับจำนำ และต้องมีการคบค้าสมาคมเพื่อนฝูงหลากหลาย ทำให้โกอ่างติดสุรายาเมาเวลายามเย็น แกต้องออกตระเวณหาเพื่อนฝูงมาชุมนุมสามัคคี ดื่มน้ำร่วมสาบานเพื่อการสนทนายามเย็นที่สนุกสนาน ทำให้สุขภาพเริ่มมีปัญหาในระยะยาว ผลเป็นโรคตับแข็งต้องเยียวยารักษาพยาบาล จนกระทั่งอาการเริ่มดีขึ้นมากกว่าเดิม แกก็ยังไม่ยอมหยุดการดื่มสุรายาเมา โดยบอกดื่มแต่เบียร์เล็กน้อยไม่เป็นไรมาก แล้วค่อย ๆ เขยิบกลับคืนแบบเดิม ครั้งที่สองปรากฎว่าไม่รอดอีก เพราะอาการหนักกว่าเดิมมาก ผลสุดท้ายก็คือ เดินทางไกล ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น ปิดตำนานเจ้าของร้านทองแห่งแรกในปาดังเบซาร์
ขอแก้ไขเพิ่มเติม ทราบจากเพื่อนว่า โกอ่างเป็นลมหัวฟาดกับพื้น ตอนเข้าไปในสวนยางพาราหรือสวนปาล์ม(จำไม่ได้) แล้วถึงแก่กรรม อาจจะเพราะพิษจากโรคตับส่วนหนึ่งด้วย เพราะแม้ว่าแกรักษาหายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็กลับมากินอีก เริ่มจากเบียร์ แล้วเหล้า แกมักจะคุยว่า เป็นได้ เดี๋ยวรักษาก็หายได้ ที่ทราบเพราะร่วมน้ำสาบานกับแก ตอนเพิ่งอาการดีใหม๋
พร้อม ๆ กับที่ดินสวนยางพารา และสวนปาล์ม ที่โกอ่างสร้างสมขึ้นมาในระหว่างเปิดร้านทองรูปพรรณ ที่ต้องมีการตีความกันในระหว่างพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันว่า เป็นสมบัติของกงสี (ครอบครัว) ซื้อขึ้นมาหรือเป็นสมบัติส่วนตัวโกอ่าง แต่มีดีอย่างที่พี่น้องครอบครัวนี้ มองที่ผลลัพท์สุดท้ายคือ สมบัติที่เพียรพยายามสร้างสมขึ้นมา ต้องอดกินอดทนเป็นเวลานาน กว่าจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ (ปลูกยางพาราใช้เวลาเจ็ดปี ปลูกปาล์มน้ำมันใช้เวลาสามปี แต่ต้นทุนการลงทุนแตกต่างกัน) ก็เพื่อลูกเพื่อหลานในอนาคต จึงตกลงแบ่งสันปันส่วนกันลงตัวในที่สุด ก็เพื่อประโยชน์ของลูกหลานทุก ๆ คน
แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 52 21:54:16
จากคุณ |
:
ravio
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ค. 52 15:38:24
|
|
|
|