Aupair in America ต่อ
|
|
นาริตะ Japan ว้าวถึงญี่ปุ่นสักที เวลาประมาณ 5 โมงเย็นของวันที่ 25กุมภาพันธ์ ในประเทศญี่ปุ่น ที่ประเทศไทยเวลากี่โมงไม่รู้เพราะยังงงอยู่ และแล้วมาถึงชั่วโมงกิจกรรมพิเศษของพวกเรา ก็คือการถ่ายรูปกับสนามบินนั่นเอง ถึงจะไม่ได้เห็นทิวทัศน์ข้างนอกสนามบินก็เป็นอันเข้าใจกันว่ามาถึงญี่ปุ่นแล้วโดนไม่ต้องขอวีซ่า(เป็นการพยายามปลอบใจตัวเองน่ะ) ถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอแล้วจะต้องไปที่ด่านตรวจเอกสาร ขอบอกว่าแถวยาวมากๆเปรียบประหนึ่งว่าเป็นห้างสรรพสินค้าซึ่งกำลัง ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์กันเลยทีเดียวล่ะและเรื่องที่ปวดหัวใจคนใจง่าย เฮ่ย ! ใจแข็งอย่างเรา อย่างมากคือคนญี่ปุ่นพูดภาษาอังกฤษ โอ๊ะโอ้!! ฟังไม่รู้เรื่องเลย แต่ลืมบอกไปอีกอย่างหนึงว่า ฉันมีความความสามารถพิเศษในเดาอันยอดเยี่ยม บวกกับความบ้าอันมากมายที่มีอยู่ในตัวอย่างล้นปรี่ก็เลยกล้าถาม แล้วมีเอกสารอะไรในตัวก็เอาออกมาโชว์ให้หมดแค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ซึ่งจริงๆแล้วเค้าไม่ได้เอาอะไรมากมายหรอกแค่ขอดูพาสปอร์ต กับเอกสารที่เรามีอยู่แล้ว แต่เราฟังไม่รู้เรื่องเอง ก็คนมันไม่เคยออกนอกประเทศมาไกลขนาดนี้ แล้วเรื่องภาษาอังกฤษก็จัดว่าติดอันดับซึ่งตัวเองก็ยังไม่กล้านับ และถึงแม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์ไปต่างประเทศมาแล้วถึงสองประเทศด้วยกัน นั่นก็คือเขมรกับมาเลเซีย( แต่ไปแค่ด่านตรวจน่ะ ) เป็นอันว่าเราได้ตรวจเอกสารเรียบร้อย หลังจากนั้นก็สะพายกระเป๋าเป้อันหนักอึ้งกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊ค(ซึ่งไม่ใช่สมุด) และไบเบิ้ลคู่ชีพ เดินไปรอที่เกทเพื่อรอเครื่องที่จะบินไปซานฟรานฯ ตรงบันไดเลื่อนระหว่างทางไปเกทนี่เองเพื่อนออแพร์ที่ไปใน ทริปเดียวกันซึ่งเป็นคนสวย(เฉพาะในหมู่ผู้ชายฝรั่ง)ความสวยของเธอก็เลยไปเตะตาฝรั่งหนุ่มหล่อเหลือน้อยจากเท็กซัสเข้าอย่างจัง หนุ่มเจ้าก็เข้ามา speak กับเพื่อนของฉันในทันที่ทันได ถือว่าเป็นการเริ่มต้นในการฝึกภาษามือของฉันและเพื่อนกันเลยทีเดียว แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่เบื่อและถือว่าเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในการรอตั้ง 4 ชั่วโมง และที่นาริตะนี่เองฉันก็ได้เจอกับเพื่อนออแพร์ที่มาในทริปอีกและตอนนี้เราก็มีสาวออแพร์ 9 คน(จริงๆ แล้วมี11 คนแต่มี2 คนที่ต้องไปขึ้นเครื่องอีกลำ พี่ที่เอเจนซี่ไม่สามารถจองตั๋วของสายการบินนี้ได้เพราะเพิ่งแมทกับโอสได้ไม่นาน แต่ต้องรีบเดินทาง) หลังจากที่นั่งรอ นอนรอ ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เพื่อแสดงว่าฉันมาถึงญี่ปุ่นแล้วนั่นคือการเข้าไปสำรวจห้องน้ำนั่นเอง(สะอาดมากๆ ชักโครกก็จะทำงานโดยอัตโนมัติไม่ต้องใช่มือกดหรือใช้ขันตักน้ำ กลิ่นก็อยู่ในระดับที่ใช้ได้ แต่ใช้ให้ไปซื้อของที่เซเว่นไม่ได้นะ) หลังจากนั้นก็กลับไป ใช้ภาษามือคุยกับหนุ่มจากเท็กซัสที่มาจีบเพื่อนในกลุ่มบ้างเพื่อแสดงความสามารถในความเก่งของสาวไทยให้เป็นที่ประจักษ์ หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นอันถึงเวลาขึ้นเครื่องซักที............ ซาโยนาระ บ๊ายบาย เจแปน
จากคุณ |
:
JJconley
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ค. 52 23:36:12
|
|
|
|