เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน อะไรวิ่งอยู่บนหลังคา
|
|
สามารถติดตามอ่านเรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า และนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่ blog ของมูนนี่ค่ะ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever
ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านมากๆค่ะ^/|\^
ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (หลอนครั้งแรก) ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (ฝูงผีบุก) ตอน ผีทวงสมอง ตอน ช่วยด้วย ตอน หัวใคร ในทะเล ตอน ทำไมพี่ถึงไม่ช่วยผม! ตอน กลิ่น ตอน เขามาเตือน ตอน วิญญาณป่าที่เขาใหญ่ ตอน เขามานำทาง ตอน เหงามั้ยจ๊ะ ตอน ผีถ้วยแก้ว ตอน ผีที่อินเดีย ตอนแรก ตอน เขา....มาเกาะที่ไหล่ ตอน ท่อนแขนใครบนหาดทราย ตอน ผีที่อินเดีย(ภาคสองเสียงในความมืด) ตอน ความอัศจรรย์บนนากาก็อต ตอน พรายทะเล ตอน มือสีขาว ตอน ผีที่ดินเดีย ภาคเจอผีที่เนปาล ตอน ผมเป็นทหารช่าง ตอน ผีอำ ตอน เส้นทางสนธยา ตอน เงาดำที่ศรีลังกา ตอน ขอข้าวอีก! http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8041465/W8041465.html ตอน ใครที่วิ่งเข้ามา http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8064925/W8064925.html ตอน ศีรษะสยองขวัญ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8092509/W8092509.html ตอน เสียงที่วิ่งรอบรถ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8122337/W8122337.html
เรื่องที่ 30
อะไรวิ่งอยู่บนหลังคา
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมานานมาก ตั้งแต่ครอบครัวยังอยู่แถวกม.ที่ 2 ถนนรามอินทรา ซึ่งถนนเส้นนี้เมื่อราวสิบกว่าปีนั้นจะเป็นเพียงถนนลาดยางขนาดเล็กกว้างแค่สองเลนพอให้รถวิ่งสวนทางกันได้ แถมสองข้างทางยังไม่มีไฟฟ้า ตกกลางคืนจะเงียบเหงาขนาดแท็กซี่ไม่กล้าวิ่งผ่านเลยล่ะ
บ้านของพี่เป็นทาวเฮ้าส์ชั้นเดียวแต่ค่อนข้างจะทันสมัยมากในยุคนั้น แถมทำเลยังติดถนนใหญ่อีกด้วย จะว่าไปก็ไม่เปลี่ยวเท่าใดนักเพราะลงรถเมล์มาเดินแค่ประมาณร้อยห้าสิบเมตรก็ถึงหน้าบ้านแล้ว ฝั่งตรงข้ามก็เป็นบ้านจัดสรรของอีกโครงการหนึ่งซึ่งเป็นทาวเฮาส์สองชั้น มีผู้คนเข้าอยู่อาศัยเต็มทุกหลัง
ช่วงสมัยนั้นที่ท่องเที่ยวมีน้อย ห้างใกล้ที่สุดก็อยู่แถวๆลาดพร้าว ผู้คนส่วนมากจึงไม่ค่อยได้ออกไปไหนตกเย็นก็เสวนากันแล้วแยกย้ายเข้าบ้านใครบ้านมัน อ้อ ลืมเล่าทำเลอีกด้าน คือหลังบ้านพี่จะเป็นหนองน้ำขนาดเล็ก มีต้นหญ้าและป่าละเมาะย่อมๆเป็นเกาะกลาง พวกพี่ชอบปีนรั้วไปถางพวกกอหญ้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต้นธูปฤาษีให้แหวกเป็นช่องแล้วเอาไม้ไผ่กั้นเป็นเขื่อนอีกที ที่ทำแบบนี้เพราะเอาไว้นั่งดูปลาเล็กปลาน้อยพวกปลากริม ปลากัด ปลากระดี่หรือบางทีก็มีปลาช่อนมานอนกบดาน วันไหนอากาศดีจะมีเต่านามานอนผึ่งแดดด้วย
ริมรั้วหลังบ้านมีต้นไม้ตายพรายอยู่ต้นหนึ่ง ตอนกลางวันก็ดูสวยดีอยู่หรอกแต่พอตกกลางคืนดูวังเวงพิกล ยิ่งถ้าเป็นช่วงคืนแรมด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึงเพราะกิ่งก้านของมันมองแล้วจินตนาการไปถึงหนังสยองขวัญได้เป็นเรื่องเป็นราว บางทียังคิดเลยว่าถ้าวันไหนมันกลายเป็นมือผีแล้วยื่นมาจับเราจะทำยังไง
ก็ห้องนอนพี่มันตรงกับต้นไม้ต้นนี้พอดีน่ะสิ
อารัมภบทมายืดยาว เข้าเรื่องหลักกันเสียที เรื่องในคราวนี้จะบอกว่าเป็นผีก็ไม่เชิงนักเพราะพวกพี่ได้ยินแต่เสียงเท่านั้น แต่เป็นเสียงที่ฟังแล้วขนพองสยองเกล้าชนิดติดตราตรึงไว้ในความทรงจำมาจนถึงทุกวันนี้
วันนั้นเป็นคืนจันทร์เพ็ญ ตอนเย็นหลังกินข้าวแล้วพวกพี่ก็นั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขก อย่างที่เล่าไว้ในตอนแรกว่าบ้านเป็นทาวเฮ้าส์ชั้นเดียว ดังนั้นประตูหน้าบ้านหลังบ้านจะเยื้องกันเล็กน้อย ตอนที่กำลังนั่งดูทีวีกันเพลินๆอยู่ๆก็มีลมกระแทกประตูหลังบ้านที่เป็นมุ้งลวดจนเปิดออก มันวิ่งเข้ามาหมุนในบ้านรอบหนึ่งก่อนจะกระแทกประตูหน้าบ้านแล้วไหลพรวดออกไป ใช้คำว่าไหลพรวดเลยค่ะเพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ระหว่างที่ลมหมุนอยู่ในบ้านพี่ได้กลิ่นดอกมะลิแรงมาก แต่ความที่ถูกสอนมาว่าอย่าได้ทักอะไรก็เลยนั่งนิ่ง น้องๆก็มองหน้ากันแต่ไม่มีใครพูดอะไร พอแม่กับน้องชายคนที่สามกลับมาจากข้างนอกพี่ก็เล่าให้แม่ฟัง แม่หันไปดูปฏิทินแล้วบอกว่าวันนี้ถ้ามีอะไรอย่าเอ่ยปากทัก ถามหรือพูดจนกว่าจะเช้า ตอนนั้นก็สงสัยอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร
ราวสองทุ่มพวกพี่เริ่มปิดไฟและแยกย้ายกันเข้านอน ความกลัวเลยอพยพไปกองรวมที่ห้องแม่กันหมดยกเว้นน้องชายคนที่สามซึ่งค่อนข้างนักเลงแถมไม่กลัวอะไรง่ายๆ เขาบอกอึดอัดเลยหอบหมอนไปนอนดูหนังในห้องรับแขก ตอนที่กำลังคุยกันเพลินๆอยู่นั้นพวกพี่ก็เริ่มได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
วิ่งอยู่หลังคา
เสียงของมันเหมือนวิ่งมาจากต้นซอยผ่านบ้านแต่ละหลังไล่มาเรื่อยจนถึงบ้านพี่แล้วหายไปทางท้ายซอย แล้วเริ่มต้นมาจากปากซอยอีกครั้ง ตอนที่ผ่านบ้านพี่ เสียงของมันดังสนั่นเหมือนมีใครเอารถถังขึ้นไปวิ่ง ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนหลังคาสั่นสะเทือนจนแทบถล่ม พวกพี่ขยับไปนั่งกองที่ริมเตียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร พอเจ้าเสียงนั่นดังได้สามครั้งก็เงียบ
ไอ้เราก็นึกว่าจบลงแค่นั้น แต่เปล่า
น้องชายที่แยกไปนอนนอกห้องแหกปากร้องโวยวาย แม่เลยรีบออกไปดูเห็นเขากำลังนั่งด่าใครไม่รู้เสียงดังลั่น พอถามเขาก็เล่าให้ฟังว่า
พอไอ้เสียงรถถังบนหลังคาเงียบปุ๊บ เขาก็เห็นใครบางคนยืนอยู่นอกรั้ว ทีนี้ประตูบ้านพี่เป็นประตูเหล็กที่สร้างเสริมขึ้นมาให้สูงกว่ากำแพง ดังนั้นต่อให้เป็นผู้ชายตัวสูงมายืนก็ไม่มีทางเห็นส่วนหัวของเขาแน่นอน
น้องชายพี่เล่าว่าคนที่ยืนน่ะ หัวของมันโผล่เลยขอบบนของประตูเหล็กขึ้นไปอีก เขามองไม่เห็นหน้าเพราะเหมือนมีผ้าคลุมแต่ตาวาวๆ ไม่ได้ลุกเป็นไฟนะ มันวาวคล้ายตาแมวตอนกลางคืน หน้าประหลาดยืนจ้องอยู่แบบนั้นจนน้องชายพี่รำคาญประกอบกับความง่วงเลยยกพระบาทาให้พร้อมกับตะโกนด่า
ไอ้ส้น....ตี๊ด....จะมายืนมองหา..เ.ห.ตี๊ด...อะไร กรูจะนอน!
ตามมาด้วยภาษาวิบัติอีกพะเรอเกวียน ชะรอยผีตัวนั้นคงเห็นว่าน้องพี่ร้ายกว่าเลยหายไป พอดีกับที่แม่เปิดประตูห้องออกมา
จากนั้นก็ไม่มีอะไร ตอนเช้าลองถามเพื่อนบ้านว่าเมื่อวานได้ยินเสียงอะไรไหม เขาก็บอกว่าไม่ได้ยินอะไร พี่พยายามหาเหตุผลทั้งในแง่ที่ว่าอาจจะเป็นรถบรรทุกวิ่งผ่านบ้านเลยสั่น แต่มันไม่น่าจะดังขนาดนี้ และถ้าจะบอกว่าเป็นเครื่องบินหรืเฮลิคอบเตอร์ของกรมทหารที่อยู่แถวนั้นก็ไม่น่าใช่ เพราะพวกพี่เคยอยู่ดอนเมืองคุ้นเคยกับเสียงเครื่องบินชนิดต่างๆมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นมันไม่ใช่เสียงยานพาหนะทางอากาศแน่
หลายวันหลังจากนั้นแม่ได้ไปเยี่ยมพระภิกษุที่นับถือกัน พอเล่าให้ฟังแล้วท่านจึงบอกว่า นั่นน่ะเป็น ของ ที่พวกหมอผีเขาปล่อยมาตามลม บางทีก็เรียกลมเพลมพัด แต่เนื่องจากคืนนั้นเป็นวันพระใหญ่แถมทิศทางอะไรสักอย่างเกี่ยวกับทางด้านนี้มันตรงกับแถบหมู่บ้านพี่พอดี ทุกอย่างมันเลยรวมตัวกันพุ่งตรงไปที่นั่น ดีแล้วที่ไม่ทัก ส่วนน้องชายที่ไม่โดนอะไรเพราะรายนั้นเขาแอบไปเรียนอะไรบางอย่างมาเลยมีของดีคุ้มตัว
ฟังเหมือนเรื่องเหลือเชื่อ โดยเฉพาะคนที่ไม่ศรัทธาในสิ่งลี้ลับ แต่บ้านพี่ถูกพร่ำสอนมาตลอดว่าจะเชื่ออะไรก็ต้องหาเหตุผลมารองรับก่อน อย่าได้หลงงมงายไปกับสิ่งไร้สาระ พี่เป็นคนที่ต่อให้เห็นอะไรผ่านตาก็ต้องตามไปดูให้แน่ว่าไอ้นั่นมันเป็นผีหรือโจร
ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พี่จึงเชื่อว่ามาจาก การปล่อยของ อย่างแน่นอน
*/*/*/*/*
สวัสดีค่ะผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน มูนนี่หายจากไข้แล้วแต่ยังไม่ดีนัก แต่ไม่ใช่หวัดแน่นอนค่ะ วันนี้เลยรีบเขียนเรื่องเล่าสยองมาลงให้อ่านตั้งแต่เช้า ซึ่งกว่าจะได้โพสต์ก็เกือบเที่ยง แหะๆ
มูนนี่มีข่าวจะมาแจ้งให้กับผู้ติดตามนิยายเรื่อง ยมทูต ทราบค่ะ หลังจากส่งตอนแรกไปให้สนพ.อ่าน ปรากฏว่าทางบก.สนใจ นิยายเรื่องนี้จึงถูกนำไปบรรจุใน พิมพ์คำแมกกาซีนออนไลน์ ซึ่งจะเปิดให้สมาชิกหรือผู้ที่สนใจติดตามอ่านกันได้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะรวมนิยายจากนักเขียนฝีมือดีของพิมพ์คำอีกหลายเรื่องด้วยค่ะ
ดังนั้นจึงไม่สามารถนำไปลงที่เว็บอื่นได้อีก
อย่าเพิ่งโกรธมูนนี่นะคะ เอาเป็นว่าจะพยายามเร่งเขียนนักล่าแห่งรัตติกาลภาคสองให้เร็วที่สุด รวมทั้งตอนนี้ได้วางพล็อตนิยายตื่นเต้นเรื่องใหม่ไว้แล้ว จะนำมาลงให้ที่นี่ได้อ่านก่อนเลยค่ะ สัญญา
มูนนี่ตั้งชื่อไว้เบื้องต้นว่า กระจกฆาตกรรม
มาคุยกันนะคะ
หายป่วยเร็วนะคะ ^_^ นั่นสิเนอะ มาขอดี ๆ ก็ให้ จากคุณ : beautystone -ขอบคุณมากๆค่ะ อัดยาไปสามแผงรวด สลบไปสามวันหายแล้วค่า
หายเร็วๆนะครับ จะได้เล่าอะไรให้พวกเราฟังอีก อืมม์ มาขอส่วนบุญแบบนี้ก็ไม่ไหวแฮะ ดูเหมือนจะมาขู่เอาส่วนบุญยังไงบอกไม่ถูก แฮ่ะๆ แต่เอาล่ะไม่ว่ากัน เพราะเราก็เดาอุปนิสัยและค่านิยมในการสื่อสารของพวกเขาไม่ถูก นั่นอาจจะเป็นวิธีการแบบสุภาพในแบบฉบับของพวกเขาก็เป็นได้ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Psycho man -ขอบคุณมากค่ะ แต่เราไม่รู้ใจวิญญาณ นี่อาจจะเป็นวิธีการขอที่ดีที่สุดอย่างที่คุณไซโคแมนว่าก็ได้
เอ...ผีอะไหรหว่า เสียงวี้ด ๆ ๆ จากคุณ : โก้ (เซโก้4) -คงไม่ช่เปรตนะคะ พูดถึงเปรต จริงสิมูนนี่เคยเจออะไรคล้ายๆแบบนี้ตอนไปดูหิ่งห้อยด้วย ไว้จะมาเล่าให้ฟัง
ชักสงสัยแล้วสิว่า คนที่ชอบเขียนเล่าประสบการณ์ สยองๆ ประเภทปี๋ๆ ปี๋หลอก ปี๋หลอนเนี่ย O O" จะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทุกคนมั้ยหนอ ...?... ยังไงก็ขอให้หายเร็วๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : มณีนาคา -ชอบคุณค่ะ แต่เรื่องสุภาพ เอนั่นสินะคะ แต่ถ้าเป็นพวกเคยเจออะไรแรงๆแบบเฉียดตายมักจะรับเรื่องแบบนี้ได้น่ะค่ะ เท่าที่สังเกตุดู
เล่นขอส่วนบุญกันแบบนี้ไม่ไหวค่ะ ดีไม่ดีคนถูกขอจับไข้หัวโกร๋นไปเสียก่อนจะมีโอกาสทำบุญส่งไปให้ หายไวๆ นะคะ จากคุณ : กุลธิดา -เหอะๆ ดีว่าไปกับแม่นะคะ แต่ถ้าไปคนเดียวน้องสาวจะไม่แวะพักที่ไหนเลยค่ะ ตีรวดเดียวถึงที่หมายสบายกว่ากัน
ชอบเขียนแต่เรื่องผีๆเนาะ =*= จากคุณ : พู่กันลายหมอก -แหะๆ ก็เล่าๆสู่กันฟังน่ะค่ะ ส่วนใหญ่มูนนี่จะเขียนนิยายแฟนตาซีค่ะ
หายเร็วๆ ค่ะ จากคุณ : scottie -ขอบคุณมากๆค่า ^__^
สยองได้อีก... ขอบคุณคะและหายป่วยเร็วๆนะคะ คุณ Moony จากคุณ : Tida -ขอบคุณค่า วันนี้เลยเขียนสองเรื่องเก็บไว้เลย หุๆ
รักษาสุขภาพนะคะ อืม..เค้าเห็นว่าคุณแม่+คุณน้องสื่อได้ก็คงได้ทำบุญให้เค้าหน่ะค่ะ อยู่แถวๆประมาณไหนคะ เวลากลับบ้านจะได้อุทิศส่วนกุศลให้เพราะกลับบ้าน ตจว ผ่านเส้นนั้นประจำค่ะ จากคุณ : หริชา (หริชา) -สงสัยจะเป็นแบบนั้นแน่ค่ะ เพราะมูนนี่ถึงรับได้ก็คงลืมทำบุญ ผีคงรู้ว่ายายนี่ความจำปลาทอง - -
มาให้กำลังใจค่ะ หายเร็วๆนะคะ จากคุณ : Coffee Maker -ขอบคุณมากๆค่า ^___^V
หายป่วยไวๆ นะคะ จากคุณ : NMR -ขอบคุณค่า ฮี่
แล้วพบกันใหม่ศุกร์หน้านะคะ
แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 52 11:34:43
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ก.ค. 52 11:30:35
|
|
|
|