Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน วิญญาณที่มากับกระถางกุหลาบ  

สามารถติดตามอ่านเรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า
และนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่ blog ของมูนนี่ค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever

ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านมากๆค่ะ^/|\^

ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (หลอนครั้งแรก)
ตอน ผีโพรงที่ลำตะคอง (ฝูงผีบุก)
ตอน ผีทวงสมอง
ตอน ช่วยด้วย
ตอน หัวใคร ในทะเล
ตอน ทำไมพี่ถึงไม่ช่วยผม!
ตอน กลิ่น
ตอน เขามาเตือน
ตอน วิญญาณป่าที่เขาใหญ่
ตอน เขามานำทาง
ตอน เหงามั้ยจ๊ะ
ตอน ผีถ้วยแก้ว
ตอน ผีที่อินเดีย ตอนแรก
ตอน เขา....มาเกาะที่ไหล่
ตอน ท่อนแขนใครบนหาดทราย
ตอน ผีที่อินเดีย(ภาคสองเสียงในความมืด)
ตอน ความอัศจรรย์บนนากาก็อต
ตอน พรายทะเล
ตอน มือสีขาว
ตอน ผีที่ดินเดีย ภาคเจอผีที่เนปาล
ตอน ผมเป็นทหารช่าง
ตอน ผีอำ
ตอน เส้นทางสนธยา
ตอน เงาดำที่ศรีลังกา
ตอน ขอข้าวอีก!
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8041465/W8041465.html
ตอน ใครที่วิ่งเข้ามา
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8064925/W8064925.html
ตอน ศีรษะสยองขวัญ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8092509/W8092509.html
ตอน เสียงที่วิ่งรอบรถ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8122337/W8122337.html
ตอน อะไรวิ่งอยู่บนหลังคา
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8146949/W8146949.html

เรื่องที่ 31

วิญญาณที่มากับกระถางกุหลาบ

เหตุการณ์ระทึกขวัญในครั้งก่อนว่าเกิดนานนับสิบปีมาแล้ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดนานกว่า มันเกิดก่อนเรื่องกระสือด้วยซ้ำ แถมยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณของญาติที่ผูกพันกับแม่อีกด้วย

ตอนนั้นพี่ยังเด็ก อายุน่าจะประมาณแปดหรือเก้าขวบ ครอบครัวยังอาศัยอยู่ในย่าน
ดอนเมือง ด้านข้างของบ้านจะเป็นที่ดินโล่งมีต้นมะม่วงอกร่องขึ้นคู่กันสูงเลยหลังคาไปมาก เกิดมาก็เห็นมะม่วงคู่นี้แล้ว เลยไปอีกนิดก็จะเป็นบ่อน้ำอย่างที่เคยเล่าในเรื่องกระสือนั่นแหละค่ะ

สมัยเด็กพวกพี่มักจะชอบไปเที่ยวบ้านยายซึ่งอยู่สามโคก ปทุมธานี สมัยก่อนไปได้ทางเดียวคือรถไฟ ซึ่งเป็นที่สนุกสนานมากตอนได้ขึ้นโดยเฉพาะเวลาที่ที่รถจอดตามสถานีต่างๆแล้วมีคนเอาของกินมาเร่ขาย พี่ยังจำอ้อยควั่นที่เขาเสียบไม่เป็นช่อๆเหมือนดอกไม้ได้ดี สมัยนี้ไม่มีให้เห็ฯแล้ว ส่วนพ่อกับแม่จะชอบซื้อโอเลี้ยงกระป๋องกินกัน

แม่เคยเล่าว่าตอนเด็กๆเวลาสนุกหรืออยากหาเงินกินขนมมักจะชวนแก็งค์เพื่อนๆไปเดินเก็บกระป๋องโอเลี้ยงเหล่านี้ตามริมทางรถไฟ สิบกระป๋องสองสตางค์มั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน

กลับเข้าเรื่องต่อ บ้านของตากับยายจะอยู่ใกล้แม่น้ำ จำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรรู้แต่ว่าพอถึงหน้าน้ำหลากมันจะท่วมที่นาแถวนั้นทั้งหมดจนกลายเป็นบึงขนาดใหญ่ พวกพี่ชอบมากเพราะท่วมทีเป็นเดือน ดอกบัวขึ้นเพียบแถมมีกุ้งฝอยกับลูกปลาให้จับเล่น บางครั้งมีปลิงว่ายมาพอให้ปีนหนีกันเป็นที่หวาดเสียว

จะไม่เสียวได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นปลิงควาย ตัวลื่นๆดำๆ = =”

ตอนเด็กก็ไม่รู้อะไรมาก มารู้เอาที่หลังว่าที่นากว้างทั้งหมดน่ะเป็นของตากับยาย ตามธรรมเนียมของคนสมัยก่อนก็มักจะบอกปากเปล่าให้ลูกๆแบ่งกันไป พอตากับยายตายไปจริงๆ คนที่ได้ทั้งหมดกลับเป็นลุงคนเดียว พอญาติไปถามก็โดนด่าเปิงกลับมา ดีที่แม่พี่เป็นคนไม่สนเรื่องแบบนี้เลยรอดปากไป

อ้าว นี่พี่จะเล่าเรื่องผีไหงกลายเป็นนิยายเศร้าน้ำเน่าหลังข่าวไปได้เนี่ย ขออภัย มาต่อกันดีกว่า

ทีนี้วันหนึ่งตอนนั่งเล่นกันอยู่ในบ้าน(ลืมบอกไป บ้านที่ดอนเมืองเป็นบ้านของตา เพราะตาพี่เป็นมหาดเล็ก เลยได้รับที่หลวงน่ะ) ลุงกับป้ามาหาแม่แต่เช้า ตอนแรกพี่ก็นั่งมองเฉยๆเพราะยังเด็กแต่แปลกที่คราวนี้ป้าเอาแต่ร้องไห้ มารู้ตอนที่พ่อกับแม่จับแต่งตัวแล้วบอกว่าจะไปบ้านยายกัน เพราะลูกสาวของลุงตกน้ำตาย

กว่าพวกพี่จะไปถึงก็สายมาก เมื่อขึ้นเรือนก็เห็นร่างของใครบางคนมีผ้าคลุมทั้งตัวนอนอยู่กลางบ้าน ลุงเป็นคนเปิดผ้าให้ดู ด้วยความอยากรู้พี่เลยชะโงกหน้าไปมอง ยังจำได้ติดตาเลยค่ะ คือเขาเหมือนนอนหลับแต่หน้าออกเขียวๆ มีฟองอะไรไม่รู้ออกมาจากจมูกกับปากเต็มไปหมด ลุงร้องไห้พลางเอาผ้ามาเช็ดให้แล้วปิดผ้าไว้อย่างเดิม จากนั้นก็เล่าว่าเมื่อเช้าตอนกำลังจะไปวัด ลูกสาวขอตามไปด้วยแต่ความที่จะกลัวเลยเวลาฉันท์เช้า (วัดต่างจังหวัดฉันท์เช้าประมาณเจ็ดโมงค่ะ) เลยบอกให้ลูกรอ ลูกเลยเดินกลับ ทีนี้วัดนั้นจะอยู่คนละฝั่งกับบ้านต้องข้ามสะพานซึ่งสูงมากกลับ ระหว่างที่เดินขึ้นสะพานลูกสาวเขาคงหยุดดูโน่นดูนี่ตามประสาเด็ก ลุงบอกว่าหันมาดูอีกทีปรากฏว่าลูกร่วงลงจากสะพานลงน้ำไปแล้ว กว่าจะเรียกชาวบ้านมาช่วยงมศพจนเจอก็เกือบชั่วโมง คนที่รู้เขาบอกว่าที่คอมีรอยช้ำคิดว่าน่าจะฟาดกับคานสะพานก่อนจะร่วงลงน้ำ เลยคิดกันว่าน่าจะตายก่อนตก มาคิดดูอีกทีตอนนี้สภาพศพที่พี่เห็นน่าจะเป็นจมน้ำตายมากกว่า

แต่ยังไงก็ช่างเถอะ สรุปคือลุงกับป้าไม่มีแก่ใจจะทำอะไร พ่อกับแม่เลยเป็นธุระจัดการให้จนเสร็จเรียบร้อย

ย้อนกลับมาก่อนหน้าที่ลูกสาวลุงจะตายไม่กี่วัน เขาปลูกกุหลาบหนูไว้สองกระถาง ซึ่งเจ้าตัวรักและหวงมาก แต่ด้วยความที่เขารักและนับถือแม่พี่ด้วยเลยยกให้กระถางหนึ่ง ซึ่งแม่ก็นำมาวางไว้ตรงหน้าบ้านแถวหน้าต่างห้องนอน

หลังลูกสาวลุงตายได้สามวัน ค่ำวันนั้นพ่อต้องไปเข้าเวรจึงเหลือแต่แม่ ซึ่งพอค่ำก็ไล่ลูกๆเข้านอน ซึ่งกว่าแต่ละคนจะหลับก็พูดคุยกันไปเรื่อยตามประสาเด็ก แต่แล้วอยู่ๆแม่ก็เงียบแล้วบอกให้ทุกคนหลับตาหันหน้าเข้าข้างฝาให้หมด พวกพี่ไม่รู้หรอกคิดว่าคงโดนดุก็ทำตาม จากนั้นก็หลับไป มาตื่นอีกครั้งตอนพ่อออกเวรกลับมาซึ่งน่าจะใกล้สว่างก็นอนฟังพวกท่านคุยกัน ได้ยินแม่พูดว่า
เมื่อวานหลานคนที่ตายมาหา พ่อบอกรู้ได้ยังไง เห็นเหรอ แม่บอกว่าเห็นชัดด้วย

เพราะแกมาลอยอยู่ตรงหน้าต่างเหนือกระถางกุหลาบพอดี

มิน่าล่ะ ถึงให้พวกเราหลับตา.....

*/*/*/*
 
เรื่องนี้ค่อนข้างสั้น(อีกแล้ว)เพราะตอนที่เกิดเหตุการณ์มูนนี่ยังเด็กมากแถมไม่เห็นอะไรเลยด้วย ที่จำได้ลางๆก็คือภาพลูกสาวลุงที่มีฟองออกมาจากจมูกกับปาก ส่วนเรื่องวิญญาณแม่เพิ่งมาเล่าให้ฟังตอนโตแล้วค่ะ

สำหรับเรื่อง"ยมทูต"มูนนี่ขอนุญาตนำลิ้งค์ของพิมพ์คำแมกมาวางนะคะ เพราะถ้าเข้าทางเว็บสถาพรจะค่อนข้างลำบากมาก เข้าทางพิมพ์คำแมกโดยตรงจะเร็วกว่าค่ะ
http://www.satapornbooks.com/pimkhammag/Home/Home.aspx#

มาคุยกันนะคะ

งั้นก็จะรออ่านเรื่องใหม่ค่า
จากคุณ : scottie  
-ตอนนี้วางโครงหลักไว้แล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ลงมือเขียนกำลังหานางเอกอยู่

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเจออะไรแบบนี้เข้าควรอยู่รวมๆ กัน น้องชายเล่นแยกไปอีกห้องคนเดียวแบบนั้นเลยเจอดี แต่โชคดีที่มีของดีอยู่กับตัว
เสียดายจังค่ะที่จะไม่ได้อ่านต่อ
จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin)
-เจ้าน้องคนนี้ค่อนข้างดื้อค่ะ

อืม ยมทูตนี่เป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่เราติดตามทีเดียว ไงก็จะหนีตามไปอ่านนะคะ
หายไวไว มาม่า ยำยำแล้วกันค่ะ(ไม่อยากเหมือนคนอื่นน่ะ เรามันคนเยอะ!! 555555555)
ปล. รอเรื่องใหม่ค่ะ เรื่องนี้ออกจะโหดร้ายเกินไปสำหรับคนนอนคนเดียว และกลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ
จากคุณ : ปลากินเมฆ
-พอหายก็ท้องอืดเลย 5 5 5 มูนนี่นำลิ้งค์มาวางไว้ให้แล้วนะคะ

รออ่าน ยมทูต ต่อนะคะ อย่าลืมมาแปะลิงค์ด้วยนะจ๊ะ
จากคุณ : หริชา (หริชา)
-นำมาวางให้แล้วค่ะ ขออภัยด้วยนะคะที่ต้องรบกวนทุกท่านให้ตามไปอ่าน

เจี๊ยก น่ากลัวมั่กมั่กครับ
จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร)
-ตอนได้ยินเสียงน่ะ นั่งตัวแข็งเลยล่ะค่ะ ได้แต่เงยหน้ามองเพดานแล้วคิดว่ามันจะถล่มลงมาหรือเปล่า ไม่ได้คิดเรื่องสวดหรืออะไรเลย

น่ากลัว แต่ก๋น่าอ่าน และชอบมากครับ อีกๆๆๆๆ
จากคุณ : Psycho man  
-ศุกร์นี้คงไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะเหมือนวิญญาณผูกพันมากกว่า ศุกร์หน้าจะเล่าเรื่องข้อเท้าให้ฟัง

จะรออ่านเรื่องเปรตนะคะ
อย่าลืมเล่าให้ฟังนะ ..อย่าลืม...อย่าลืม...
พบกันศุกร์หน้านะคะคุณมูนนี่
ขอบคุณค่า
จากคุณ : Tida
-ไม่ลืมแน่นอนค่า เดี๋ยวจะพิมพ์รอไว้เลย

น่ากลัวอ่ะ  ตอนเห็นใครไม่รู้อยู่หน้าบ้าน  เหอๆ
รออ่านตอนต่อไปนะครับ^^
จากคุณ : ZoXigEn_TonG_x_Zhi  
-นี่ถ้าเห็นเองคงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ตอนนั้นค่อนข้างเด็กอยู่เลย

เหมือนมีจานดาวเทียมรับคลื่น....(ตื้ด)....อย่างเดียวเลย
ลมเพลมพัด รับได้หมด
T_T
จากคุณ : โก้ (เซโก้4)
-เห็นหลวงพี่บอกว่า มันเป็นจังหวะจริงๆค่ะ แต่ถ้าลมเพลมพัดอย่างอื่นนี้ก็มีมาบ้างอย่างตอนเดินท่าน้ำศิริราชอยู่ๆมีลมพัดขึ้นมาโดนตัวแล้วไหล่หนักขึ้นมาทันที พะอืดพะอมอยากอ้วกต้องวิ่งไปวัดระฆังเลย

ลมเพลมพัดน่ากลัวจัง โชคดีที่ไม่ใช่คนปากพล่อย ถ้าเจออะไรแปลก ๆ จะกลัวอย่างสงบค่ะ คลุมโปงอย่างเดียว

ยมฑูต เรื่องนี้ก็อดอ่านสิคะ เข้าเว็บพิมพ์คำได้อย่างไรคะ อยากอ่านค่ะเรื่องใหม่ตั้งชื่อได้น่าติดตามสุด ๆ ^_^
จากคุณ : beautystone  
-ไม่ทักก็โดนค่ะT.T บางทีเราไปเตะหรือเหยียบเขาโดยไม่ตั้งใจน่ะ

เคยได้ยินผู้ใหญเล่าให้ฟังเหมือนกันค่ะ
ขอให้หนังสือขายดีๆนะคะ
จากคุณ : Coffee Maker
-ขอบคุณมากๆค่ะ

สำหรับทุกท่านที่ต้องการ  พิมพ์ไป  ได้ยินเสียงพิมพ์ดีดไปครับ
ผมลงไปในเครื่อง  ก็เพลินดีครับ  เหมือนกับว่าเรานั่งพิมพ์ที่เป็นแป้นเลย
ดัง ป๊อกแป๊กๆ หนุกดี
จากคุณ : p_phet  
-ได้เสียงเป็นเพื่อนเลย แต่ถ้าทำช่วงตีหนึ่งตีสองก็สยองเหมือนกันนะคะ กลัวมีเสียงใครบางคนพิมพ์ตาม......บรื๋อออ

แล้วพบกันศุกร์หน้ากับเรื่อง ข้อเท้าใคร เป็นเรื่องสมัยวัยร่นที่อุตริเล่นจนเจอดีค่ะ

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 08:19:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com