Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แก้วเก้าเนาวรัตน์ : Sniper warrior - - chapter 1-3  

...
        เปลวเทียนปฏิบัติตามโดยเร็ว เขากระโดลงจากหลังกระบะแล้วรีบเดินตามหลังสมหมายเข้าไปในร้านอาหารที่เปิดบริการอยู่ภายในสถานบริการน้ำมันแห่งนั้น เมื่อเด็กหนุ่มเข้ามาถึงที่โต๊ะ สมหมายที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วก็เริ่มเรียกบริกรภายในร้านเพื่อสั่งอาหาร แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครในร้านอาหารแห่งนั้นให้ความสนใจกับเขาทั้งสองเลย เพราะในขณะนี้แต่ละคนต่างให้ความสนใจอยู่ที่หน้าโทรทัศน์อย่างใจจดจ่อ จนทำให้สมหมายต้องร้องเรียกขึ้นมาอย่างหงุดหงิดอีกครั้งหนึ่ง

        “เอาๆ มัวแต่ดูทีวีกันอยู่นั่นละ ข้าวนะ จะขายไหมนี่ เดี๋ยวก็ได้ย้ายไปกินร้านกันพอดีสิหน่า”

        เจ๊กิม หญิงสาววัยกลางรูร่างอ้วนกลม ผมของเธอหยิกฟู เธอเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ ในขณะนั้นเธออยู่ใกล้กับสมหมายที่สุดและกำลังให้ความสนใจข่าวในโทรทัศน์ไม่ต่างจากบริกรคนอื่นๆ ข่าววันนี้มีความน่าสนใจมากจนกระทั่งเธอยอมทำผิดวิชาชีพคนค้าขายอย่างเธอคือ ยอมเสียลูกค้าเพื่อได้รับชมข่าว แต่ในที่สุดเธอก็จำใจหันหลังให้กับจอโทรทัศน์เดินตรงมาที่โต๊ะที่สมหมายและเขานั่งอยู่ ด้วยความรำคาญใจ

        “ยุ่งจริง ตาหมายนี่ รอให้ข่าวจบก่อนไม่ได้หรือยังไงกันนะ จะกินอะไรก็รีบสั่งมา”

        เมื่อได้ฟังคำทักทายของหญิงวัยกลางทำให้เปลวเทียนเข้าใจในทันทีว่า ไม่ใช่ว่าคนภายในร้านให้ความสนใจโทรทัศน์มากกว่าลูกค้าแต่ที่ไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควรเพราะว่าลูกค้าคนนั้นคือสมหมายที่มีความสนิทสนมเป็นพิเศษ

        คำพูดของหญิงวัยกลางสร้างความสงสัยให้กับสมหมาย

        “ข่าวอะไรกันรึ ทำไมถึงให้ความสนใจกันจังเลย”

        “ข่าว เอมเมอเรส - อาย...”

        เจ๊กิมตอบด้วยความรำคาญ แต่ยังไม่ทันตอบจบสมหมายที่ได้ยินคำว่า เอมเมอเรส- อาย ก็รีบวางรายการอาหารในมือลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถามย้ำด้วยความตื่นเต้น

        “หา...เอมเมอเรส - อาย อย่างนั้นรึ”

        โดยไม่ฟังคำตอบ ชายวัยกลางค่อนไปทางชราก็รีบกุลีกุจอไปยังหน้าจอโทรทัศน์ หลังจากนั้นสมหมายก็หันมาบอกให้เปลวเทียนนั่งคอยตนสักครู่หนึ่ง ส่วนเจ๊กิมที่กำลังจะตอบคำใดออกมาก็ถูกห้าม เอาไว้โดยสมหมาย เพราะเขาต้องการสมาธิในการฟัง ทำให้สาววัยกลางทำสีหน้าเบื่อหน่ายใส่สมหมายทันที แต่ดูเหมือนเจ้าคนที่ถูกมองด้วยสายตานั้นจะไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากข่าว ความสนใจของทุกคนในร้านก็ช่วยดึงความอยากรู้อยากเห็นของเด็กหนุ่มอย่างเปลวเทียนให้เกิดความอยากใคร่รู้ขึ้นมาบ้าง

        เปลวเทียนแม้จะเคยได้ยินชื่อของเอมเมอเรส - อาย มาบางแต่เขาไม่เคยติดตามข่าวอย่างจริงจังแบบวันนี้สักเท่าใดนัก สายตาของเด็กหนุ่มมองผ่านศีรษะของทุกคนในร้านเข้าไปยังจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่ห้อยอยู่บนเพดานของร้านคือ ผู้ประกาศข่าวซึ่งเป็นหญิงสาวสวยคนหนึ่ง เธอเกล้าผมอย่างเรียนร้อย สวมแว่นตาแสดงถึงความมีภูมิความรู้อย่างดี เธออ่านข่าวได้อย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยความมั่นใจ

        “วานนี้ เมื่อเวลา 23 นาฬิกาเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าปิดล้อมสถานที่จัดงานการแสดงเพชรของบริษัทไทยจีเวอรี่เวิร์ด เพื่อเข้าดำเนินการจับกุม เอมเมอเรส - อาย จอมโจรชื่อก้องในขณะนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ เอมเมอเรส - อาย อาศัยจังหวะช่วงเกิดความชุลมุนภายในงาน จึงสามารถหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด”

        ภาพตัดจากห้องประกาศข่าวไปยังสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าและในขณะนั้นเอง ช่างภาพก็สามารถจับภาพของเงาสีดำเงาหนึ่ง มีกลุ่มควันเรืองแสงเป็นสีเขียวแผ่กระจายติดตามออกมาบางๆ จากเงาลึกลับนั้น กำลังกระโดข้ามจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่งอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีเครื่องเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินฉายไฟสปอร์ตไลท์ติดตามไป ในขณะเดียวกันกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กรูกันออกมาจากตึกซึ่งเป็นสถานที่จัดงานและพยายามไล่ตามเงานั้นไปด้วยพาหนะประจำตัวของแต่ละคนที่จอดเอาไว้ที่ด้านหน้าตึก

        เสียงผู้ประกาศข่าวบรรยายต่อไป

        “ซึ่งนับว่าเป็นความโชคดีครั้งแรกที่ช่างภาพจากทางสถานีของเรานั้น สามารถจับภาพที่เชื่อได้ว่าเป็น เอมเมอเรส - อาย เอาไว้ได้ โดยในขณะนี้ทางสถานีโทรทัศน์ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามขยายผลต่อไป หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ร้อยตำรวจเอก ปัญญากรณ์ วรดิษฐ์ หัวหน้าหน่วยพิเศษที่ผู้รับผิดชอบคดีของ เอมเมอเรส - อาย ได้ออกมาแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน”


        เมื่อผู้ประกาศข่าวรายงานจบ ก็ตัดเป็นเสียงของนายตำรวจหนุ่มหน้าตาคมสันรูปร่างกำยำ ในชุดสีกากีเต็มยศ กำลังแถลงการณ์ผ่านไมโครโฟนจำนวนมากที่ตั้งอยู่ตรงหน้า

        “...นับเป็นความน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ เอมเมอเรส - อาย สามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ไปได้อย่างหวุดหวิด แต่อย่างไรก็ตาม ก็นับเป็นความโชคดีที่อัญมณีซึ่งเป็นเป้าหมายของเอมเมอเรส - อาย ในครั้งนี้ไม่สามารถถูกขโมยไปได้ ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีพยานหลักฐาน เพื่อจะทำการขยายผลในการดำเนินการจับกุมตัว เอมเมอเรส - อาย มารับโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด”

        เมื่อนายตำรวจหนุ่มแถลงการณ์จบ ก็ได้มีผู้สื่อข่าวพยายามส่งคำถามอีกมากมายไปยังนายตำรวจหนุ่มคนนั้น แต่เขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้คำสัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น แสงไฟจากกล้องถ่ายรูปสว่างวูบวาบเป็นระยะๆ เมื่อนายตำรวจคนนั้นเดินเข้าไปในประตูด้านหนึ่งของห้องแถลงการณ์แล้ว ภาพก็ตัดกลับมายังห้องประกาศข่าวอีกครั้งหนึ่ง

        บรรยายกาศภายในร้านก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ คนในร้านก็เริ่มทยอยกันกระจายกลับโต๊ะที่นั่งของตนเอง เมื่อเห็นว่าข่าวที่ตนสนใจนั้นจบไปแล้ว รวมถึงสมหมายที่ระบายลมออกจากปากเสร็จก็หันเดินกลับมานั่งอยู่ที่โต๊ะตามเดิม หญิงเจ้าของร้านก็ริบเดินตามมาพร้อมกับกระดาษจดรายการอาหารในมือ เตรียมรอลูกค้าคนสนิทสั่งอาหาร

        สมหมายและเปลวเทียนต่างเริ่มอ่านรายการอาหารในแผ่นกระดาษเคลือบด้วยพลาสติก ทั้งสองยังไม่มีโอกาสแลกเปลี่ยนทัศนะกับข่าวที่ผ่านไปเมื่อสักครู่ เจ๊กิมเตือนมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าทั้งสองนั่งดูรายการอาหารอยู่นานเกินสมควร

        “เอ้า...จะกินอะไรก็รีบสั่งมา เมื่อตะกี้เห็นหิวจะเป็นจะตาย ที่ตอนนี้กลับมาทำเป็นชักช้า”

        สมหมายเบนสายตาจากจากรายการอาหารมายิ้มให้กับหญิงเจ้าของร้าน พร้อมหยอดคำหวานตามประสาของตนเอง

        “แหม...แหม...แหม อย่าดุนักสิจ๊ะ อาหารที่นี่ดันอร่อยไปหมดทุกอย่าง แถมวันนี้เจ้าของร้านคนสวยมารับรายการเอง มันทำให้ฉันเลือกลำบากนะสิ”

        คำพูดหยอดของสมหมายได้ผล เจ๊กิมที่มีสีหน้าเคร่งเครียด เบื่อหน่าย กลับหน้าแดงม้วนด้วยความเขินอาย เธอรีบปรับอารมณ์ให้กลับมามีสีหน้าจริงจังก่อนแล้วเอ็ดขึ้นแก้เขินกลับมา

        “อย่ามาทำมาเป็นพูดคำหวานอยู่เลย...ตาหมาย จะกินอะไรก็รีบๆ สั่งมา” หญิงเจ้าของร้านพูดจบเธอก็พึ่งจะพบว่าวันนี้ไม่ใช่มีแต่เพียงชายวัยกลางค่อนไปทางแก่ ท่าทางทะลึ่งลามกเท่านั้น ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งติดตามมาด้วย ด้วยนิสัยของเจ๊กิม อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

        “อ่าว...แล้วนี่ลูกใครนี่ ลูกติดคนใหม่ของแกรึตาหมาย”

        สมหมายได้ยิน เจ๊กิมถามในขณะที่กำลังดูดน้ำ ก็ทำให้เขาแทบจะสำลักน้ำออกมา

        “โธ่เจ๊...ไม่ใช่ลูกฉันสักหน่อย ฉันยังโสด ยังมีพรหมจรรย์อยู่นะ”

        หญิงวัยกลางได้ยินสมหมายพูดดังนั้น จึงหัวเราะขึ้นจนร่างกายอันอ้วนใหญ่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหัวเราะ

        “ฉันดูน่าก็รู้อยู่แล้วละว่า ไอ้หนูคนนี้ไม่มีทางเป็นลูกของแกแน่นอน เพราะดูเงียบๆ เรียบร้อยมากกว่าตาแกลามกอย่างแกหลายเท่านักเชียว แต่ฉันไม่เชื่อว่าพรหมจรรย์ของแกยังมีอยู่นะ”

        “เฮ้ยๆๆๆ...เจ๊” สมหมายร้องโวยวายขึ้น “มาพูดอะไรต่อหน้าเด็กนี่ เดี๋ยวก็ได้เสียเด็กกันหมดพอดี จะบอกให้ก็ได้ว่านี่เป็นลูกชายของเพื่อนฉันชื่อว่า เปลวเทียน เขาฝากให้ติดรถมากับฉันเพราะต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพนะ” สมหมายบอกกับเจ๊กิมเสร็จก็หันมาทางเปลวเทียนแล้วพูดขึ้นว่า “เอ้า ไอ้เปลว เจ๊คนสวยคนนี้นี่ชื่อ กิมเฮง แต่คนแถวนี้เรียกเจ๊กิม ทำอาหารอร่อยมาก”

        เปลวเทียนเมื่อได้ยินสิ่งที่สมหมายบอกจบ เขาก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป เด็กหนุ่มรีบยกมือไหว้ตามธรรมเนียมปฏิบัติโดยไม่ต้องมีใครมาเตือน การกระทำของเปลวเทียนทำให้หญิงวัยกลางรูปร่างอ้วนใหญ่พอใจเป็นอย่างมาก

จากคุณ : Monkey {D} Gap
เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 21:53:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com