ความคิดเห็นที่ 1 |
คืนนั้นผมขึ้นรถไปด้วยความตื่นเต้น ผมไม่ได้เจอไอ้ใหญ่นานแค่ไหนแล้วนะ ผมนับดูไม่ถึงปีหรอกครับแต่ทำไมรู้สึกเหมือนนานแสนนาน ผมคิดวนเวียนไปมา ไอ้ใหญ่มันจะดีใจรึเปล่าที่ผมไปหามัน ผมจะทักมันว่าอะไรดี ผมจะปลอบใจยังไงไม่ให้มันร้องไห้ ผมจะพูดจะคุย จะเล่าเรื่องอะไรดีให้มันฟัง แล้ว.....
มันจะดีใจเหมือนที่ผมดีใจหรือเปล่าที่ได้เจอกัน มันจะ..คิดถึงผมมั๊ย ผมคิดจนเผลอหลับไป....โดยสิ่งที่ติดอยู่ในความจำของผม คือหน้าเปื้อนรอยยิ้มของมันที่ส่งมาให้ผมในรูปที่มันส่งมาคราวก่อน
อากาศยามเช้าของเชียงใหม่ปลุกให้ผมตื่นก่อนที่จะถึงสถานี อากาศตอนตี5 ยังคงหนาวไปสำหรับคนกรุงอย่างผมอยู่ดี ท้องผมเริ่มร้องอุทธรณ์ด้วยความหิว เมื่อวานเย็นอาหารกล่องที่แจกบนรถทัวร์คงย่อยไปหมดแล้ว หรือว่าผมเครียดเกินไปจนน้ำย่อยมันหลั่งออกมามากไปก็ไม่รู้
ผมยื่นที่อยู่ของไอ้ใหญ่ให้รถรับจ้างแถวท่ารถทัวร์ดู คนขับดูเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ไกลหน่อยนะพี่ ไปกันเลยหรือว่าพี่จะไปไหนก่อนมั๊ยครับ ผมยกข้อมือดูเวลาเพิ่งจะตี5กว่าๆยังไม่ถึง6โมงดี ออกจะลังเลว่าเช้าไปหรือเปล่า แต่ใจก็อยากเจอมันให้เร็วที่สุด ผมส่ายหน้ากับคนขับรถ ไม่ไปไหนหรอก ไปตามที่อยู่เลยน้อง
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงรถก็มาจอดหน้าร้านของไอ้ใหญ่ เป็นตึกแถวร้านขายของขนาด2คูหา อยู่ไม่ไกลจากชุมชนมากนัก เวลาเพิ่งจะหกโมงร้านจึงยังไม่เปิดผมเลยตัดสินใจเดินไปตลาดที่อยู่ใกล้ๆหาอะไรกินรองท้องก่อน แล้วกลับมาใหม่ตอนหกโมงครึ่ง ผมนั่งรออยู่หน้าร้านไม่อยากจะไปกดกริ่งรบกวนคนที่ยังไม่ตื่นนอน เมื่อก่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยไอ้ใหญ่เป็นคนตื่นสาย ถ้าไม่9โมงมันเป็นไม่ยอมตื่น ถ้ามีชั่วโมงเรียนเช้าวันไหนผมต้องมามหาวิทยาลัยเช้ากว่าเดิมเพื่อขึ้นไปปลุกมันที่หอทุกครั้ง นึกแล้วก็ยังแปลกใจตัวเองไม่หายว่าช่างมีความอดทนกับมันจริงๆ เพื่อนคนอื่นปลุกมันก็ไม่ยอมลุกด้วยต้องเป็นผมเท่านั้น จนเพื่อนๆยังล้อกันว่าไอ้ใหญ่ต้องจ้างผมไปเป็นนาฬิกาปลุกให้มันตลอดชีวิต
| จากคุณ |
:
ผ่านไม้สายลม
|
| เขียนเมื่อ |
:
10 ส.ค. 52 17:31:00
|
|
|
|