Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยิ่งกว่าดวงตะวัน เรื่องสั้นสุดุพิเศษสำหรับวันแม่  

เรื่องสั้น ยิ่งกว่าดวงตะวัน

         ฉันนั่งนิ่งเหม่อลอยอยู่ในห้องพักโรงแรมตามลำพัง ในห้องที่เปิดไฟสว่างไสว เตียงนอนใหญ่โตนุ่มนิ่ม ทุกสิ่งทุกอย่างดูหรูหราไปหมด แต่จิตใจของฉันกลับห่อเหี่ยว จืดชืด ไร้ความรู้สึก ฉันกำลังรอใครสักคน ใครสักคนที่จะมาเอาสิ่งสำคัญไปจากฉัน


         “พลอย ใกล้จะได้เวลาแล้วนะ”แอนพูด เมื่อเธอเปิดประตูเข้ามา


         แอนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ ฉันบนเตียงนอน ฉันมองดูใบหน้าของเธอใกล้ ๆ  ขนตาของเธอมีมาสคาร่าหนาจับเป็นก้อน เปลือกตาสีดำทึบ ลิปสติกสีแดงสด และทรงผมที่มีมากกว่าสามสีบนหัวของเธอ แอนนั่งไขว่ห้างพร้อมกับเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เธอพ่นควันออกมาอย่างใจเย็น ฉันมองไปตามกลุ่มควันที่ลอยละล่องอยู่ในห้องพัก


        “แกน่าจะแต่งหน้าอีกสักหน่อยว่ะพลอย” แอนให้ความเห็น “หน้าแกดูซีดไป มาฉันจะแต่งให้”


                        แอนกุลีกุจอค้นเอาเครื่องสำในกระเป๋าสะพายของเธออกมา ฉันนั่งยอมให้เธอแต่หน้าแต่โดยดี เธอเอาลิปสติกสีเดียวกับที่ทาปากเธอมาทาให้ฉัน สายตาของฉันเหลือบมองลงไปเห็นหน้าอกที่นูนล้นออกมาของเธอในชุดคว้านลึกสีแดงนั่น


         “แกมองขึ้นไปข้างบนนะ ฉันจะปัดมาสคาร่าให้” แอนสั่ง ซึ่งฉันก็ทำตามอย่างว่าง่าย


                             ฉันมองขึ้นไปข้างบนแสงไฟสีเหลืองในห้องส่องประกายมาแยงตาฉัน มันทำให้ฉันนึกถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านมา และที่ ๆ ฉันจากมา ฉันยังจำแสงไฟจากหลอดไฟนีออนในบ้านหลังเล็กข้างทุ่งนานั้นได้ ฉันนั่งทำการบ้านอยู่ มีแม่นั่งเย็บผ้าอยู่ข้าง ๆ ตอนนั้นฉันเรียนมัธยมปลายปีที่ 6 ฉันตั้งใจเรียนหนังสืออย่างหนักเพื่อเตรียมสอบเอนทรานซ์ หลังจากที่ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว ฉันก็หันมามองดูแม่ของฉัน


        ฉันมองเห็นผู้หญิงวัยกลางคนใส่แว่นตาหนา กำลังเย็บผ้าอยู่อย่างขะมักเขม้น แม่กำลังปักชุนรอยขาดบนเสื้อนักเรียนตัวเก่ามอซอของฉัน ทุกฝีเข็มที่ท่านเย็บลงไป ฉันรู้สึกถึงความรักและความห่วงใยอันบริสุทธิ์ที่ท่านมีให้ฉัน


         “ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอลูก” แม่ถาม เมื่อท่านสังเกตเห็นว่าฉันกำลังจ้องมองดูท่านตาไม่กะพริบ


        “ค่ะ เสร็จแล้วค่ะ” ฉันบอกท่าน


         “แม่ก็เย็บเสื้อของลูกใกล้จะเสร็จแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้ลูกก็จะได้ใส่เสื้อตัวนี้ไปโรงเรียน” ท่านกล่าว


         “หนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่ต้องให้แม่มาซ่อมเสื้อผ้าให้หนู” ฉันพูด


         “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะลูก ตอนนี้มันใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว แม่เห็นหนูอ่านหนังสือดึกทุกคืน ลูกคงไม่มีเวลาที่จะมานั่งทำอย่างนี้หรอก” แม่บอก พร้อมกับดึงเข็มและเส้นด้ายขึ้นมาจากผ้า


         “ขอบพระคุณมากค่ะแม่” ฉันบอกท่านด้วยความซาบซึ้ง “หนูจะตั้งใจเรียนค่ะ หนูจะต้องเป็นหมอให้ได้ พวกเราจะได้มีเงินใช้ มีชีวิตที่เป็นอยู่สุขสบายกว่านี้”


         รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา แม่วางมือจากการเย็บผ้า แล้วหันมามองหน้าฉัน แววตาของท่านช่างดูอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกิน ฉันจำแววตานี้ได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก


         “จำไว้นะพลอยลูกรัก” แม่พูด พลางเอื้อมมือมาลูบไล้ที่ใบหน้าของฉันอย่างอ่อนโยน “ลูกอยากจะเรียนอะไร เป็นอะไรแม่ไม่เคยว่า แม่ไม่ต้องการให้ลูกเป็นคนรวย แม่ไม่ต้องการให้ลูกเป็นคนดังมีชื่อเสียง แต่สิ่งที่แม่ต้องการคือแม่อยากให้ลูกเป็นคนดี”


         แม่อยากให้ลูกเป็นคนดี..........แม่อยากให้ลูกเป็นคนดี...........แม่อยากให้ลูกเป็นคนดี คำพูดของแม่ดังก้องอยู่ในหัวใจของฉันตลอดเวลา คำสอนของแม่ เสียงของแม่ เป็นเหมือนแสงสว่างที่เจิดจ้าอยู่ในใจ ภาพของรอยยิ้มอันอบอุ่นของผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ใต้แสงไฟนีออน ในมือของถือชุดนักเรียนของฉัน เป็นภาพที่ฉันประทับใจไม่รู้เลือน


         “เออ โอเค ใช้ได้แล้ว มันต้องอย่างนี้สิค่อยดูดีขึ้นหน่อย หน้าแกไม่จืดเหมือนแต่ก่อนแล้วว่ะพลอย”  แอนพูดหลังจากที่แต่งหน้าให้เสร็จแล้ว เธอเก็บเครื่องสำอางลงกระเป๋าสะพายอย่างรวดเร็ว


         “แกไปเปลี่ยนชุดซะ เอ้า นี่ชุดของแก” แอนบอก พร้อมกับโยนถุงกระดาษมาไว้บนตักฉัน


         หลังจากที่ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วในห้องน้ำ ฉันเดินออกมาสำรวจตัวเองที่โต๊ะเครื่องแป้ง นี่มันตัวฉันเหรอนี่ ฉันไม่รู้จักกับหญิงสาวที่อยู่ในกระจกมาก่อน ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดจ้าน ดวงตาสีดำทึบ ปากสีแดงสด พร้อมกับใส่เสื้อผ้าที่โชว์เนื้อหนัง ฉันดูไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขายบริการคนหนึ่งเลย


         “สองทุ่มครึ่ง” แอนพูด พลางดูนาฬิกาบนข้อมือ “เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง”


         แอนยกโทรศัพท์มือถือขึ้น ฉันได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไร สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือมองดูเงาของตัวในเองกระจกด้วยความสังเวช

                              "ฮัลโหลค่ะ สวัสดีค่าเสี่ยเหรอคะ.........เขาเป็นเพื่อนของหนูเองค่ะ..............รับรองได้ค่ะว่าสดใหม่ ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน...............แน่นอนสิคะ น่ารักที่สุดเลยค่ะ หนูรับรองว่าเสี่ยต้องชอบแน่ ๆ...............ถ้างั้นเสี่ยให้หนูยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะคะ..............ค่ะ ตกลงตามนี้ค่ะ .................งั้นอีกครึ่งชั่วโมงเสี่ยมาที่ห้อง 203 นะคะ เพื่อนของหนูเขาจะรออยู่ในห้อง........สวัสดีค่ะ”



         ฉันนั่งฟังแอนคุยโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดกับใคร แต่เธอเรียกเขาคนนั้นว่าเสี่ย และเขาจะมาถึงที่นี่ในอีกครึ่งชั่วโมง


         “พลอย อีกครึ่งชั่วโมง เสี่ยเขาจะมาที่นี่ แกทำตัวดี ๆ นะ ถ้าแกอยากได้เงิน”  แอนบอก น้ำเสียงเหมือนออกคำสั่ง


         “มันจะเจ็บไหมแอน ฉันไม่เคยนะ” ฉันถามอย่างหวาด ๆ


         “โอ๊ย !!  แกจะไปกลัวอะไร เจ็บเจิบที่ไหนกัน ทุกคนเขาก็ทำกันทั้งนั้นล่ะ แกก็แค่นอนนิ่ง ๆ เขาบอกให้ทำอะไรก็ทำตาม แล้วเดี๋ยวเสี่ยก็ให้เงินแกเองแหละ”


         “แต่มันจะดีเหรอแอน ?”


         “มันก็ต้องดีสิพลอย แกรู้ไหมผู้หญิงบางคนครั้งแรกน่ะเขาเสียไปฟรี ๆ ไม่ได้เงินเลยนะ แต่นี่แกได้เงินตั้งเยอะ แกดูฉันสิอายุแค่นี้ฉันหาเงินได้มากเท่าไหร่ ฉันมีรถ มีมือถือ มีเงินใช้เดือนละหลายหมื่น ก็เพราะฉันทำไอ้นี่แหละ อย่าทำตัวโง่ไปหน่อยเลยพลอย แกก็โตแล้ว แกน่าจะหารายได้พิเศษเองได้บ้าง” แอนพูดเสียงดัง เพื่อหว่านล้อมฉัน


         ฉันไม่ได้ทำอะไร นอกจากพยักหน้าสองสามครั้ง แล้วนั่งนิ่ง ๆ หลังจากที่แอนพูดจบ


         “ฉันต้องไปแล้ว เดี๋ยวมีลูกค้ารายอื่นรออยู่อีก ถ้าเสร็จงานแล้วแกก็รับเงินจากเสี่ยแล้วกลับบ้านได้เลย”


         หลังจากที่แอนเดินออกไปจากประตู ฉันก็กลับมานั่งอยู่บนเตียงนอนตามลำพังอีกครั้ง ฉันมองดูเงาของตัวเองในกระจก นี่น่ะเหรอรูปร่างหน้าตาของฉัน ฉันดูเหมือนกับเป็นคนอื่น ฉันไม่รู้จักหญิงสาวที่อยู่ในกระจกนี้ ฉันคว้ากระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้าง ๆ เพื่อค้นหากระดาษทิชชู่ ฉันต้องการเช็ดเครื่องสำอางฉูดฉาดที่อยู่บนใบหน้าของฉันออก ในขณะที่มือของฉันกำลังควานหาของอยู่นั้น พลันมือของฉันก็สัมผัสถูกกับกระเป๋าเงินใบเล็ก ฉันหยิบมันออกมาและเปิดดู รูปภาพของครอบครัวฉัน พ่อแม่ยืนอยู่ตรงกลาง มีฉันและน้อง ๆ ชายหญิงทั้งสองคนยืนอยู่ข้างท่าน ฉันใส่ชุดนักเรียนม.ปลายสีขาวมอซอ แต่ใบหน้าของพวกเราทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข ฉันยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี หลังจากที่ฉันพบว่ารายชื่อของ น.ส.พลอยแก้ว รักดี สอบติดในคณะแพทย์ศาสตร์


         “แม่ หนูสอบติดคณะแพทย์แล้ว” ฉันตะโกนด้วยความดีใจ วิ่งตัวลอยเข้าไปในบ้าน  ในขณะนั้นเป็นเวลาเย็นแม่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว พ่อและน้อง ๆ กำลังช่วยกันรดน้ำสวดผักอยู่หลังบ้าน


         “จริงเหรอพลอย” คุณแม่พูด พร้อมกับวิ่งเข้ามาสวมกอดฉัน “ลูกของแม่ตั้งใจจริง ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”


         พวกพ่อและน้อง ๆ เดินตามเข้ามา หลังจากที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่พักใหญ่ ฉันจำได้วันนั้นเป็นวันที่มีความสุขมาก หลังจากนั้นไม่กี่วันฉันก็เห็นคุณแม่วุ่นอยู่กับการเย็บอะไรสักอย่างอยู่บนผ้าสีขาวผืนเล็ก


         2 เดือนต่อมาฉันต้องเดินทางเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อเรียนต่อในคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยตามที่มุ่งหวังไว้ ครอบครัวของฉันตามมาส่งอยู่ที่คิวรถ พวกเราทุกคนดีใจที่ฉันสามารถเข้าไปเรียนคณะแพทย์ได้ ฉันใส่ชุดนักเรียนสีขาวมอซอตัวนั้น ตัวที่คุณแม่คอเย็บปะชุนซ่อมแล้วซ่อมอีก เพราะนี่คือชุดที่ดีที่สุดของฉัน พวกเรายืนเรียงหน้ากระดาน โดยให้คุณพ่อคุณแม่อยู่ตรงกลาง ฉันวานให้คนที่เดินอยู่แถว ๆ นั้นช่วยถ่ายรูปให้


         ก่อนที่รถทัวร์จะออก แม่เดินมาหาฉันในมือของท่านมีผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดพับเอาไว้เรียบร้อย ท่านยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นใส่มือของฉันอย่างนุ่มนวล แม่มองฉันด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก


         “ตั้งใจเรียน แล้วรักษาสุขภาพให้ดีนะลูก” คุณแม่พูด ในขณะที่มือทั้งสองของท่านยังกุมมือของฉันเอาไว้อยู่


         “หนูจะตั้งใจเรียนค่ะ หนูจะกลับมาเป็นหมอเพื่อให้พ่อกับแม่ได้ภูมิใจให้ได้” ฉันให้สัญญากับท่าน


         ฉันกราบลงไปที่อกของพ่อกับแม่ และโบกมือลาน้อง ๆ ทั้งสอง หลังจากที่ฉันนั่งอยู่บนรถทัวร์ ฉันมองไปนอกหน้าต่าง ครอบครัวที่ฉันรักยืนโบกมือลาอยู่ข้างล่าง รถทัวร์กำลังเคลื่อนออกไป ภาพของพวกเขาดูเล็กลง ไกลออกไป และจางหายไปจากถนนในที่สุด ฉันคลี่ผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่คุณแม่มอบให้ฉันในนั้นมีธนบัตรหนึ่งพันบาทอยู่หนึ่งใบ และบนผ้าเช็ดหน้าสีขาวนั้นมีข้อความปักไว้อย่างประณีตว่า “ขอให้เป็นคนดีนะลูก ด้วยรัก จากแม่” ฉันสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ใช้เงินนี้ เพราะว่าเป็นเงินที่แม่หามาด้วยความยากลำบาก ฉันเก็บแบงค์พันนี้ใส่กระเป๋าไว้ และรักษาผ้าเช็ดหน้านั้นติดตัวไว้ตลอดเวลา เพราะฉันถือว่านี่คือตัวแทนความรักของแม่


         2 ปีหลังจากที่ฉันได้เข้ามาเรียนต่อในคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ถึงแม้ฉันจะได้กองทุนกู้ยืม แต่ก็ยังไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายอยู่ดี ฉันไม่กล้าเอ่ยปากรบกวนทางบ้าน เพราะว่าฐานะที่บ้านยากจนพ่อเป็นเกษตรกร และแม่ก็รับจ้างเย็บผ้า ฉันจึงต้องประหยัดทุกวิถีทาง จนกระทั่งไม่นานมานี้ฉันได้รู้จัก แอน เพื่อนนักเรียนต่างคณะ เรารู้จักกันที่โรงอาหาร ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ชักชวนว่าอยากได้รายได้พิเศษไหม เขามีงานสบาย รายได้ดีมาให้


         “มันเป็นงานประเภทไหนล่ะแอน” ฉันถามเธอ ตอนช่วงเวลาพักเที่ยงที่โรงอาหาร



         “ก็ยอมไปเป็นเด็กเสี่ยไง ยิ่งหน้าตาอย่างเธอนะพลอยรับรองแกหาเงินได้แต่ละเดือนหลายหมื่นแน่นอน แกไม่ต้องตกใจไปหรอก เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ทำกันทั้งนั้น แค่หุบปากไว้ก็ไม่มีใครรู้ อีกอย่างเศรษฐกิจอย่างนี้แกจะไปหาเงินดี ๆ แบบนี้ได้ที่ไหน ลองทำเถอะแอน มันไม่ได้เสียหายอะไร”

แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 52 09:27:21

จากคุณ : Joecan
เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 09:12:24




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com