(ต่อ)
จนกระทั่งเช้า คนที่นอนพลิกไปมาอยู่บนเตียงก็ไม่อาจจะสงบจิตใจลงได้แม้แต่น้อย กลับยิ่งครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่ตลอดเวลา
จินนี่จะช่วยให้เธอได้คุยกับเขาจริง ๆ เหรอ จะเป็นไปได้ไง ในเมื่อเขาไม่เห็นเธออยู่ในสายตาด้วยซ้ำ... รุ้งใสถอนหายใจครั้งที่ล้านแปดแล้วลุกขึ้นพาตัวเองไปยังห้องน้ำ
วันนี้ไม่มีสอบทั้งเช้าและบ่าย หญิงสาวจึงเข้ามาทำงานที่ร้านกาแฟตามปกติ ทักทายกับเพื่อนร่วมงานสองสามคนที่ไถ่ถามถึงการสอบสุดหิน
ก่อนที่จะคว้าผ้ากันเปื้อนลายสก็อตสีฟ้ามาสวมด้วยท่าทีคุ้นชิน แต่ใครเลยจะรู้ว่า ณ เวลานี้...รุ้งใสรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังรอฟังคำพิพากษาอยู่บนเขียงยักษ์ที่มีชื่อว่า จินนี่
สายจัด แดดเริ่มแรง ไอร้อนของวันได้พาใครบางคนให้เดินเข้ามายังร้านกาแฟแห่งนี้ คน ๆ นั้นก้าวยาว ๆ ไปยังโต๊ะประจำ และทรุดตัวลงนั่งด้วยท่วงท่าคุณชายไม่มีเปลี่ยน
รุ้งใสถูกผลักให้ไปรับออเดอร์อย่างคนที่รู้ใจจากรุ่นพี่คนหนึ่ง น่าแปลกที่วันนี้เธอกลับกลัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม้ขณะที่เอ่ยถามด้วยประโยคธรรมดาที่สุด
หน่วยตาเรียวคมตวัดขึ้นมามองคนถาม ก่อนจะเมินไปนอกร้าน เมนูที่สั่งไปก็เหมือน ๆ กับทุกวันที่เคยมา รุ้งใสจดรายการที่สั่งแล้วขยับจะเดินออก
แต่เสียงที่ดังตามหลังมาทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
วันนี้ไม่มีสอบรึไง
หญิงสาวยืนนิ่ง ค่อย ๆ หันกลับมาหาต้นเสียงว่ามาจากไหน จะใช่ที่เธอคิดไว้รึเปล่า แต่พลันที่เธอได้สบตาคู่นั้น รุ้งใสก็เชื่อหมดใจและเทให้หมดหน้าตักเลยว่า
นาทีหยุดโลก มีอยู่จริง
ไม่...ไม่มีค่ะ
เสียงติดขัดที่เธอละล่ำละลักบอก ทำให้เจ้าของคำถามเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบางเบาจุดขึ้นที่มุมปาก ยิ่งทำให้คนที่ยืนอยู่ใจละลายหนักเข้าไปอีก
และแทบจะลงไปกองกับพื้นถ้าจับพนักเก้าอี้ข้างตัวไว้ไม่ทัน เมื่อได้ยินประโยคถัดมา
ขยันอ่านหนังสือเยอะ ๆ จะได้สอบผ่านทุกวิชา
รุ้งใสแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเธอเดินกลับเคาน์เตอร์มาได้ยังไง ไม่รู้กระทั่งว่ามีใครบางคนซ่อนรอยยิ้มพรายไว้หลังสมุดเลคเชอร์เล่มโต...
......................
ไม่น่าเชื่อ
รุ้งใสพูดกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แม้ว่าแสงสุดท้ายของวันจะลาไปแล้วก็ตาม ก็จะไม่ให้เธอพูดคำนี้ได้ยังไง ในเมื่อวันนี้เรื่องมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตเกิดขึ้นกับเธอแล้ว
จะหาว่าเธอเพ้อเจ้อหรือเป็นเอามากก็ยอม คนที่เขาไม่เคยมองเห็นในสายตาเลยสักครั้งอย่างเธอ คนที่แม้จะเดินผ่านกันชนิดที่เรียกได้ว่า แขนเบียดแขน นั้น
แต่เขาไม่เคยสนใจ... มาวันนี้กลับทักทายกัน ถึงจะเป็นแค่สองประโยคสั้น ๆ ก็เถอะ รุ้งใสไม่อยากให้วันนี้ผ่านไปเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าความสุขใจที่ได้รับจะหายไปในชั่วข้ามคืน...
นึกถึงเพื่อนร่วมงานที่พากันเข้ามารุมล้อมซักถามเธอเหมือนเป็นเด็กเล็ก ๆ นั่นแล้ว ก็อดหวั่นไหวไม่ได้
พ่อหนุ่มชาเย็นคนนั้นเขาพูดกับรุ้งแล้วเหรอ ยิ้มหน้าบานเชียว...วันนี้ใครเหยียบเท้าก็คงจะไม่ด่าล่ะมั้งนี่
สารพัดที่เพื่อนร่วมงานจะเย้าแหย่อย่างอดใจไม่อยู่ ใคร ๆ ก็รู้ว่าแม่สาวน้อยช่างฝันประจำร้าน แอบมองเจ้าชายน้ำแข็งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
แถมวันนี้เจ้าชายยังตรัสด้วยตั้งสองครั้ง แล้วงี้จะไม่ให้คนบางคนเก็บไปเพ้อได้ยังไง...
รุ้งใสทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มด้วยอาการเป็นปลื้ม ถึงจะยังไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร แต่วันนี้เธอมีความสุขมาก... และทันทีที่นึกขึ้นได้ หญิงสาวหันกลับไปจ้องตะเกียงแสนเก่า
บนโต๊ะเขียนหนังสือ ตะเกียงที่วางอยู่เฉย ๆ จนยากจะเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องมหัศจรรย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอ
ขอบใจนะจ๊ะ จินนี่
ไม่มีเสียงตอบรับจากตะเกียง มีเพียงแต่เสียงฮัมเพลงอย่างแสนสุขของร่างบางที่ลุกไปอาบน้ำอย่างคนอารมณ์ดี
......................
วันเวลาแห่งความสุขไม่ได้หมดไปเพียงเท่านั้น เมื่อบ่ายวันหนึ่งที่อากาศร้อนจัด เทพบุตรหินผาของรุ้งใสก็ยังสั่งคาปูชิโน่ร้อนตามเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ
เสียงเข้มขรึมที่เอ่ยทักคนเสิร์ฟกาแฟ
ทำข้อสอบได้ไหม ยากรึเปล่า
คนถูกถามแทบทำถ้วยกาแฟหลุดจากมือ บังคับตัวเองไม่ให้สั่นก่อนจะค่อย ๆ วางลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา รู้สึกว่าทั้งใบหน้าและลำคอพากันร้อนวูบวาบไปหมด
ทั้งที่เขาก็แค่ถาม เธอจะเขินทำไมนะ
รุ้งใสยิ้มให้แต่ไม่กล้าสบตา ตอบเบา ๆ ไม่ยากเท่าไร แต่วิชาอื่นคงยากกว่า
และเป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าแผ่นดินกำลังจะถล่มลงตรงหน้า เมื่อคนมาดขรึมเสียงเข้มถามกลับ
วิชาอะไร ถ้ายากจะติวให้
เงียบ...จนเรียกได้ว่าถ้ามีเข็มสักเล่มตกกระทบพื้นก็คงจะดังไม่ต่างจากฟ้าผ่า รุ้งใสมองหน้าคนถามอย่างไม่เชื่อสายตา... เขาจะติวให้เธออย่างนั้นเหรอ เหลือเชื่อ !!!
วิชา... เอ่ยไปแล้วก็คิดได้ว่า เขาเรียนคณะอะไรยังไม่รู้เลย จะมาติวให้ได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก อย่าฝันลม ๆ แล้ง ๆ ซะให้ยากเลยน่า รุ้งใสเอ้ยย...
อ๋อ...วิชาปราบเซียนนี่เอง เพิ่งลงเรียนไปเทอมที่แล้ว ติวให้เอาไหม...รับประกันว่าสอบผ่านแน่นอน
รุ้งใสแทบหาเสียงของตัวเองไม่เจอ เป็นไปได้ยังไง มันได้ผลเกินไปแล้วมั้ง...จินนี่
เจ้าชายชาเย็นรู้สึกว่าคู่สนทนาเงียบไปก็เงยหน้ามอง และเอ่ยในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้ยินอะไรแบบนี้
ผมชื่อ วาริท คนพูดแนะนำตัวเองแล้วเว้นจังหวะนิดหนึ่งให้คนฟังใจหายใจคว่ำเล่น ก่อนจะใช้ประโยคต่อไปละลายหัวใจคนที่ยืนถือถาดกาแฟนิ่งประดุจรูปปั้นปูน
แล้วคุณพนักงาน มีชื่อรึเปล่า
......................
กว่าสี่โมงเย็นที่การติวข้อสอบสิ้นสุดลง ทั้งนักเรียนและคุณครูก็ถึงกับขยับตัวด้วยความเมื่อยล้า รุ้งใสลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเก็บสมุดใส่เป้ใบเล็กเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณนะคะ รับรองว่าต้องสอบผ่านแน่ ๆ
คุณครูอาสา ยิ้มบาดใจลูกศิษย์ แต่ก่อนที่จะได้ตอบอะไรออกไป เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะ วาริทกดรับสายพลางกรอกเสียงเข้ม
ครับ...ยัง...อะไรนะ ทำไมต้องไปด้วยล่ะ...บ้าจริง แค่นี้นะ
วางสายไปแล้วรีบหันมาพูดกับคนที่ยืนใกล้ ๆ ขอโทษด้วยนะครับ ที่ไปส่งไม่ได้ พอดีเพื่อนมีปัญหา
รุ้งใสยิ้มตอบ ไม่เป็นไรค่ะ...ถ้างั้นกลับก่อนนะคะ
กลับบ้านดี ๆ นะครับ ประโยคนี้ทำเอารุ้งใสต้องรีบพาตัวเองออกมาจากโรงอาหารโดยเร็ว เพราะกลัวว่าถ้ายังอยู่ตรงนั้นแม้อีกวินาทีเดียว
เธออาจจะโดนรอยยิ้มเก๋ไก๋และนัยน์ตาคมนั่นตวัดกรีดจนขาดใจก็เป็นได้
หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าทันทีที่เธอเลี้ยวหายเข้ามุมตึกไป จะมีผู้หญิงสวยจัดอีกคนเดินตรงมายังเจ้าชายน้ำแข็งด้วยแรงแห่งโทสะ พลางกระชากแขนวาริท
ให้กลับมาเผชิญหน้า ก่อนปล่อยเสียงเหมือนตวาด ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร !!! คุยอะไรกันอยู่ตั้งครึ่งค่อนวัน
เสียงหวานแหลมเค้นคำพูดอย่างระงับไม่อยู่ ใบหน้าหล่อเหลาที่มองเท่าไรก็เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยั่วคนผู้มาใหม่จนแทบจะคลั่ง
พริมถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร !!!
ทันทีที่เสียงถามกระชากนั้นจบลง วาริทหันขวับมาจ้องตาอย่างไม่ลดละ ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงคุกรุ่นความร้อนแรงไม่ต่างกัน มันจะมากไปแล้ว อย่ามายุ่งเรื่องของผม !!!
แต่ พริม...
หยุด !!! อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัว ถ้าคิดจะคบกันต่อ
ใบหน้าสวยจัดเบิกตาโตค้าง ริมฝีปากสั่นระริกด้วยไม่เคยถูกตวาดแรง ๆ แบบนี้มาก่อน... รู้ตัวอีกที ร่างสูงนั้นก็หันหลังเดินหนีไป ไม่สนใจสักนิดว่าใครจะสะอึกสะอื้นเพียงใด
กับคำพูดทิ้งท้าย
อย่าทำให้รำคาญมากไปกว่านี้
......................
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 52 17:25:12
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 52 17:22:46
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 52 17:13:26
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 52 17:10:26
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 52 17:08:36