ความคิดเห็นที่ 1 |
|
*** มาอ่านกันต่อค่ะ
ในที่สุด พวกเราก็ตะกายกันขึ้นมาจนถึงช่วงสุดท้ายจนได้ ช่วงนี้จะเป็นทางลาดขึ้นประมาณ 200 เมตรน่าจะได้ ซึ่งช่วงนี้เองที่พวกเราจะต้องวิ่งขึ้นไปให้ถึงข้างบนให้ได้ เพราะเชื่อว่าถ้าวิ่งผ่านตรงนี้ไปไม่ได้ก็จะเรียนไม่จบค่ะ แหม เอาเรื่องเรียนไม่จบมาขู่ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนน้องๆก็ต้องกัดฟันวิ่งผ่านไปให้ได้ล่ะค่ะ แต่ก่อนวิ่งเราก็ต้องมีการปลุกใจกันนิดนึง ด้วยเพลงนี้ค่ะ
Go Human Go Human Go Go GO
Fight Human Fight Human Fight Fight Fight
Run Human Run Human Run Run Run
Go Human Uh! Run Human Ah!
Go Human Go Human Run Uh! Ah!
คือบทท่อนอื่นๆ ก็พอเข้าใจนะคะ แต่ไอ้เอ้อ อ้า นี่มีไว้เพื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ขนาดว่าอินลงทุนไปสมัครเป็นสตาฟฟ์เชียร์ของคณะแล้ว ก็ยังไม่ได้คำตอบเลย และขอสารภาพตรงนี้เลยค่ะว่าที่อินจำบทร้องนี้ได้ ไม่ใช่เพราะอินประทับใจหรอกค่ะ เพียงแต่หนึ่งในกลุ่มรุ่นพี่ที่ร้องเพลงปลุกใจนี่นะ แฮ่ม..มีพี่ผู้ชายคนนึงที่อินแอบมองๆ อยู่ด้วยน่ะสิคะ
ใครที่เคยไปเที่ยวดอยสุเทพคงพอจะนึกออกใช่ไหมคะ ว่าก่อนที่เราจะขึ้นบันไดนาคไปนมัสการพระบรมธาตุได้นั้น เราจะต้องผ่านลานจอดรถเสียก่อน ตรงลานจอดรถเนี่ยล่ะค่ะ ที่แต่ละคณะจะต้องมาแสดงสปิริต (พูดง่ายๆ ก็คือ แสดงโชว์ที่เราเตรียมมานั่นล่ะค่ะ) คณะอื่นเขาโชว์อะไรกันยังไงไปแล้วนั้น อินไม่ทราบหรอกค่ะ เพราะอย่างที่บอก เมื่อคณะมนุษย์ขึ้นมา คณะอื่นเขาก็กลับลงดอยกันไปเกือบหมดแล้ว คณะวิศวะยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เหลือเสลี่ยงให้พวกเราหามกลับมหาวิทยาลัยกันด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรืออย่างไร ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่เช้า กลับมาตกตอนที่พวกเราแสดงสปิริตกันพอดี๊พอดี กว่าจะขึ้นไปนมัสการพระธาตุได้ แต่ละคนก็เป็นลูกหมาตกน้ำกันหมดแล้ว แต่พวกเรายังโชคดีกว่าคณะอื่นนิดนึงค่ะ ตรงที่มีรายการทีวีมาถ่ายทำพอดี พวกเราก็เลยเสนอหน้าเข้ากล้องกันซะงั้น ไม่รู้ว่าเทปรายการแปลกจริงหนอ ของคุณคำรณ หว่างหวังศรี ที่ออกอากาศช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2541 จะมีใครโชคดี (หรือโชคร้ายก็ไม่รู้) ทันเห็นอินบ้างหรือเปล่า
ขากลับลงดอยนี่สบายหน่อยค่ะ ไม่ต้องเดินแล้ว แต่มีรถมาส่งให้ถึงในหาวิทยาลัยเลย ตอนที่กลับถึงหอได้นี่แทบอยากมีฤทธิ์หายตัวแวบเข้าไปในห้องได้จังเลย ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ห้องของอินอยู่ชั้น 4 อินเหนื่อยจนแทบไม่อยากก้าวขาแล้ว อินกลับมาถึงห้องก็ไม่สนใจใครแล้ว รูมเมทจะกลับมากี่โมงก็ไม่สนทั้งนั้น อาบน้ำแล้วหลับเลย ข้าวเขิ้วไม่กินมันแล้ว ก็ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียขนาดนั้น หัวถึงหมอนก็สลบเลยล่ะค่ะ
ทีนี้ย้อนกลับมาตอนที่รับน้องคณะกันหน่อย ความจริงรับน้องคณะนี่เกิดก่อนรับน้องขึ้นดอยนะคะ แต่อินอยากไล่เรียงเรื่องตั้งแต่ระดับมหัพภาคมาหาระดับจุลภาคค่ะ (ฟังเหมือนวิชาเศรษฐศาสตร์ไหมคะ) การรับน้องคณะเนี่ยจะเป็นคนละอารมณ์กับการรับน้องขึ้นดอยค่ะ แต่ความสะบักสะบอมเห็นจะพอๆกัน เพราะต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ชนิดที่ว่าพอประตูหอเปิดปุ๊บ อินก็ต้องพุ่งตัวไปที่คณะปั๊บนั่นล่ะค่ะ
อันดับแรกที่รุ่นพี่จะมีไว้รอต้อนรับน้องๆนะคะ หนีไม่พ้นนมสดแบบถุงคนละถุง กับขนมรองท้อง แต่อินมันเป็นพวกไม่สนใจขนม สนใจแต่นมเท่านั้นค่ะ เมื่อรุ่นพี่แจกให้ถุงเดียว อินก็จำใจต้องรับไว้ แต่สายตานี่มองเป๋งไปที่ถังน้ำแข็งเก็บนมเลยล่ะค่ะ คะเนว่าเพื่อนๆได้นมกันครบทุกคนแล้ว อินก็ส่งสายตาเว้าวอนไปหารุ่นพี่จังหวัดคนหนึ่ง พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่พยายามทำให้หวานและน่ารักที่สุดว่า
พี่แก้วขา อินขอนมเพิ่มอีกถุงนึงได้มั้ย
แค่มองตาก็รู้ใจค่ะ พี่แก้วคนน่ารักก็จัดแจงให้ตามที่น้องต้องการทันที แต่แอบๆให้นะคะ เพราะคนอื่นเขาไม่ใจกล้าหน้าด้านขออย่างอินเลยสักคน
หือ...อะไรนะคะ นมถุงแรกไปไหนน่ะหรือคะ เรียบร้อยลงท้องอินตั้งแต่สิบวินาทีแรกแล้วล่ะค่ะ อินลืมบอกไปว่าอินเป็นคนที่ดื่มนมเร็วมาก ประมาณว่าแค่หันหลังให้แป๊บเดียว อินก็จัดการเรียบแล้วนั่นล่ะค่ะ อินเคยถึงขั้นแข่งดื่มนมกับเพื่อนผู้ชายมาแล้ว นมขนาดหนึ่งลิตรอินดื่มเกลี้ยงภายใน 15 วินาที เพื่อนอินแพ้ไปแค่สองวินาทีเอง เอากะอินสิ
หลังจากนั้น การรับน้องคณะที่แสนจะสนุกมาก...ก..ก ก็เริ่มขึ้น แต่ละฐานมีความทะลึ่งทะเล้นไม่ซ้ำแบบเลยล่ะค่ะ มีอยู่ฐานหนึ่งเป็นการกลิ้งไข่ต้มสองฟองผ่านขาเพื่อนผู้ชายจากขาหนึ่งไปอีกขาหนึ่ง คิดภาพตามนะคะ ฐานนี้จะให้จับคู่ชายหญิงค่ะ โดยให้เพื่อนผู้ชายยืนกางขาอยู่ แล้วผู้หญิงเนี่ยต้องกลิ้งไข่ต้มเข้าไปในขากางเกงของผู้ชายจากขาซ้ายไปที่ขาขวา ทีละฟองนะคะ อินเองไม่เท่าไหร่หรอก แต่เพื่อนอินมันคงสยิวกิ้วน่าดูเลย โดยเฉพาะตอนที่กลิ้งใกล้ๆจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ถ้าอินจับพลาดอะไรจะเกิดขึ้น คงไม่ต้องบรรยายนะคะ
การกลิ้งไข่เป็นไปอย่างรวดเร็วค่ะ ไม่ใช่เพราะอินเขินอายหรอก แต่เป็นเพราะอินหิวข้าวมากๆ ก็ตอนนั้นเที่ยงกว่าแล้วนี่ค่ะ และนี่ก็เป็นฐานสุดท้ายที่กลุ่มของอินจะต้องผ่านไปให้ได้ บังเอิญโป๊ะเชะตรงที่ไข่สองฟองนั้นเปลือกมันกะเทาะตอนที่ส่งคืนรุ่นพี่ ก็เลยโดนอำว่า ทำเปลือกไข่แตกต้องกินเข้าไปให้หมด อินมองหน้าเพื่อนผู้ชายที่จับคู่กับอิน แล้วก็แบ่งกันกินคนละฟองด้วยความพาซื่อบวกหิว ค่ะ กินจริงๆ กินทั้งสองคนเลยด้วย พอรุ่นพี่หันกลับมาเห็นอินกับเพื่อนเคี้ยวไข่ตุ้ยๆ ในปาก คำแรกที่พี่เขาว่าก็คือ
ว้าย! กินเข้าไปจริงๆ เหรอ พี่พูดเล่นนะ
เอ๊า ก็ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าพี่พูดเล่น กินเรียบไปแล้ว เสียงเจ้าหล่อนเบาหยอกเมื่อไหร่ ดังชนิดที่ทำให้คนอื่นๆเหลียวมามองอินเป็นตาเดียวเลยล่ะค่ะ แล้วแต่ละคนก็ทำหน้าบรรยายไม่ถูก เพราะอะไรน่ะหรือคะ...
แฮ่ม! ตรงนี้ขอย่อหน้าหน่อย ก็เพราะไข่สองฟองนั้นน่ะ กลิ้งผ่านมากี่ขาแล้วก็ไม่รู้น่ะสิคะ คิดๆ แล้วมันก็น่าแหวะเหมือนกันนะนี่
ยังค่ะ การรับน้องคณะยังไม่จบแค่นี้ ยังมีภาคบ่ายเพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ในหมู่เฟรชชี่ ตอนบ่ายเป็นการให้แต่ละกลุ่มคิดการแสดงมาหนึ่งอย่าง พร้อมกับบูมประจำกลุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ กลุ่มอินแสดงอะไรนี่จำไม่ได้ แต่จำท่าบูมกลุ่มได้ว่า เป็นท่าจากหน้ากากแอ็คชั่นนี่เองค่ะ และบูมกลุ่มที่สุดยอดต้องเป็นของเพื่อนอินค่ะ เพลงบูมเขาว่าไงทราบไหมคะ ขยับมาใกล้ๆนิดนึงค่ะ อันนี้ออกจะหวาดเสียวนิดนึง พูดดังไม่ได้ค่ะ ต้องพูดเบาๆ เพลงบูมของเขาร้องว่า
ยก ยกหีบหนี ยก ยกหนีหีบ ยกหีบหนี ยกหนีหีบ
แล้วร้องเป็นจังหวะที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ลองคิดดูนะคะ ถ้าเพื่อนอินร้องพลาดกันเนี่ย มันจะกลายเป็นอะไร ถ้าอินจำไม่ผิด เพลงนี้จะร้องซ้ำอยู่ 5 เที่ยวค่ะ อินก็ทะลึ่งพอที่จะพยายามจับผิดว่าจะมีพลาดกันไหม ปรากฏว่าคงซ้อมกันมาเป็นอย่างดีแล้ว เลยไม่พลาดซักคำเดียวค่ะ แต่อย่าถามถึงท่านะคะ มือไม้ก็วนอยู่แถวๆนั้นตามเพลงนั่นล่ะค่ะ แล้วบูมนี้ก็ได้รางวัลชนะเลิศด้วยนาขอบอก
หลังจากการรับน้องคณะแบบทะลึ่งปนสัปดนนิดๆ ผ่านพ้นไปแล้ว ทีนี้ก็จะมาถึงการรับน้องแบบพิธีการแล้วค่ะ แต่อินขอยอกยอดไปไว้ที่ Vol.3 นะคะ เพราะว่าจะเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับการรับน้องเมเจอร์ที่อินว่าเป็นตำนานพอดีเลยค่ะ อินทรายุธ
แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 52 17:28:58
จากคุณ |
:
อินทรายุธ
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ส.ค. 52 17:03:39
|
|
|
|