Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องนี้ไม่มีชื่อ (ตอนที่ 2)  

แดดอ่อนๆ ยามเช้าลอดทะลุผ่านรอยแตกของฝาห้องเป็นยาว กระทบร่างเล็กๆ บนฟูก ผ้าห่มผืนใหญ่กลางเก่ากลางใหม่ถูกสะบัดทิ้งข้างตัว ใบหน้าเรียวยาวซูบเซียว ริมฝีปากแห้งกรังด้วยพิษไข้มุมปากข้างหนึ่งยังคงบวมเขียวช้ำ ศ๊รษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมยาวดำสนิทสะบัดไปมา ก่อนจะผวาลุกขึ้นแล้วกรีดร้องโหยหวน
    เสียงถ้วยชามกระทบดังเคร้งครั้งอยู่ด้านนอก ก่อนจะเห็นร่างหญิงสูงวัยวิ่งถลาเข้ามาในห้อง ร่างเล็กๆ นั่งกอดเข่าตัวงออยู่บนฟูก ตัวสั่นเทิ่ม ส่งเสียงครางสะอึกสะอื้น นางเอื้อมมือไปแตะแขนเล็ก ร่างทั้งร่างของหญิงสาวสะดุ้งเฮือกสุดตัว กรีดร้อง แล้วขยับถอยไปจนสุดมุมห้อง ใบหน้าซุกลงบนเข่าหากยังลอบมองด้วยสายตาระแวงจัด  
    "ไม่ต้องกลัวนะลูก" นางบอก
    น้ำเสียงอ่อนเบา สีหน้าแววตาไม่ประสงค์ร้าย ทำให้หญิงสาวมีท่าทีอ่อนลง แต่ยังจับจ้องไม่วางตา
    "หิวมั้ย"
    ปากถาม พลางเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มมาสะบัดแล้วพับวางไว้
    "มีข้าวต้มกับไข่เค็มนะ เดี๋ยวจะเอามาให้"
    ชั่วครู่ข้าวต้มเละๆ ในชามสังกะสีพร้อมไข่เค็มฝ่าซีกหนึ่งฟองก็ถูกนำเข้ามาให้ห้อง นางวางลงใกล้ๆ
    "กินก่อน จะได้มีแรง กินแล้วจะได้กินยา"
    ปากพูด แต่สายตายังชำเลืองมอง ร่องรอยฟกช้ำค่อยจางหาย รอยขีดข่วนเริ่มแห้งตกสะเก็ด บาดแผลทางกายไม่นานก็จางหาย แต่บาดแผลทางใจต้องใช้เวลานานเท่าใดจะลบเลือน

    น้ำเสียงนุ่มนวล ปลอบประโลม คุ้นเคยได้ยินในความฝัน ท่าทีเป็นมิตรและแววตาที่อบอุ่นทำให้หญิงสาวคลายความหวาดระแวง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวต้มในชามกับสีแดงมันเยิ้มของไข่เค็มชวนให้หิว ท้องของหญิงสาวร้องโครก มือเล็กเอื้อมไปหยิบชามข้าวต้ม แล้วตักข้าวต้มกินอย่างหิวโหย หญิงสูงวัยมองอย่างพอใจ นางดึงกระจาดพลาสติกที่วางชิดฝาห้องใกล้ประตูออกมา หยิบซองเทยาเม็ดเล็กๆ หลากสี 3-4 เม็ดใส่ฝ่ามือแล้วเอาไปวางใกล้ชามข้าว
    "ยาแก้ปวดแก้ไข้ กินแล้วนอนเสีย อย่าเพิ่งลุกไปไหน"
    ก่อนออกจากห้องนางยังเหลียวกลับมามอง หญิงสาวนอนลืมตาโพลง ขดตัวงออยู่บนฟูก ความเวทนา สงสารท่วมท้นใจ
   
    อาการของหญิงสาวดีขึ้นตามลำดับ บาดแผลภายนอกจางหายจนเกือบมองไม่เห็น สายตาที่เคยมองอย่างหวาดระแวงเริ่มคุ้นเคย
    "ชื่ออะไร"
    หญิงสูงวัยถามขึ้นในตอนเช้าของวันหนึ่ง หญิงสาวยังคงนั่งเฉย สายตาเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
     "ป้าชื่อจันทร์ เรียกป้าจันทร์ก็ได้" แกไม่เซ้าซี้ "เช้านี้จะออกเอาของไปขาย ออกไปนั่งเล่นข้างนอกก็ได้แต่อย่าไปไหนไกล อันตราย..คนจะทำร้ายเอาอีก"
    ว่าแล้วก็เข็นรถคันเก่าออก แต่ยังไม่วายห่วงคนอยู่หลัง
    "มีข้าวอยู่ในหม้อกับไข่เจียวในชาม หิวก็กินก่อนไม่ต้องรอ"
   
    วันนั้นนางกลับมาเมื่อบ่ายแก่ๆ เหงื่อเปียกชุ่มหลัง หน้าเป็นมันเยิ้มแต่ดวงตาสดใสเป็นประกาย หญิงสาวนั่งมองเงียบๆ ข้างประตูที่เปิดอ้า
    "วันนี้โชดดี ขายได้เยอะ"
    นางหยิบถุงหิ้วที่แขวนไว้ที่รถเข็น ชูขึ้น
    "โครงไก่ย่าง เดี๋ยวป้าหุงข้าวก่อนแล้วค่อยกินกัน" นางชินเสียแล้วที่ต้องพูดเองเออเองอยู่คนเดียว นึกอย่างปลงๆ ว่ายังดีอย่างน้อยก็ยังมีคนฟัง
    อาหารเย็นมื้อนี้คงอร่อยถูกปาก หญิงสาวกินข้าวได้เยอะ

    ล่วงเข้าเดือนที่สามหญิงสาวไม่นั่งจับเจ่าเหม่อลอยอยู่ในห้องเช่นแต่ก่อน เธอเริ่มออกมานั่งที่ชานบ้านเฝ้ามองหญิงผู้อารีหุงหาอาหาร คัดแยกของเก่า และบางครั้งบางคราวก็เดินตามไปทั่วทั้งบ้าน
    "ป้ามีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อต้น ตอนนี้ออกทะเลหาปลากับเขาอยู่ หนูอายุน้อยกว่าชื่อปลายเถอะจะได้เป็นพี่เป็นน้องกัน"
    หญิงสูงวัยบอกแก่หญิงสาวในค่ำวันหนึ่ง ท่ามกลางแสงสลัวจากตะเกียงน้ำมันทีวางอยู่กลางห้อง นางเริ่มคิดปีกว่าแล้วข่าวคราวลูกชายยังเงียบหาย หากลูกคนเดียวลาลับไม่กลับมาจะฝากผีฝากไข้กับใคร หญิงสาวไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าตรงหน้า ความเป็นมาอย่างไรไม่แน่ชัด แม้จะดูขาดๆ เกินๆ แต่ยังช่วยหยิบจับโน่นนี่ให้อย่างมีน้ำใจ ถ้านางตายยามนี้อย่างน้อยก็มีคนเห็น ไม่โดดเดี่ยวอ้างว้างจนเกินไปนัก

    เช้าวันนี้หลังกินข้าวเช้าเสร็จ ปลายเดินหายเข้าไปในห้อง เสียงค้นของดังกุกกักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะออกมาจากห้อง หญิงสาวสวมเสื้อแขนยาวตัวใหญ่ที่หญิงสูงวัยใช้ยามออกไปหาเก็บของเก่า
    "ไป"
    ปลายบอกสั้นๆ แก่นางจันทร์ที่ยืนมองอย่างสงสัย แล้วเดินไปหยิบหมวกปีกกว้างที่แขวนไว้ที่ฝาห้องมาสวม
    เธอจดจำแบบอย่าง หญิงสูงวัยยามออกไปหาเก็บของเก่า
    "ไป" เธอเร่งอีก
    "เดี๋ยวคล้องกุญแจก่อน ไม่มีใครอยู่เดี๋ยวของหาย" นางจันทร์บอกแล้วเดินไปหยิบโซ่เส้นเล็กคล้องเข้ากับห่วงประตูแล้วล็อคกุญแจ "มีแต่เสื้อผ้า หมอนแล้วก็ผ้าห่มเก่าๆ ใครมันจะอยากขโมยไปให้รกบ้าน จริงมั้ย" ว่าแล้วก็หัวเราะ สุขใจวันนี้จะมีเพื่อนร่วมทาง

    "อย่างนี้ใช้ไม่ได้"
    นางจันทร์มองดูกระป๋องสังกะสีบู้บี้ในมือที่ยื่นมาตรงหน้า
    "ใช้ไม่ได้" ปลายทวนคำ แล้วโยนกระป๋องทิ้งมองหาต่อไป ท่าทีกระตือรื้อร้น สายตาสอดส่ายมองหา หยิบโน่นส่งนี่มาให้ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง นางจันทร์พร่ำสอน "มีสนิมมากไป สกปรกมากไป ขายไม่ได้ราคาขนไปก็หนักเปล่า" ปลายพยักหน้ารับรู้เหมือนเด็กๆ นางคิดถึงลูกชายตอนมันยังอยู่มันติดแม่นัก ไปไหนไปด้วยช่วยเก็บโน่นเก็บนี่มาให้ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเหมือนหญิงสาวตรงหน้า แม้มิใช่เลือดเนื้อ เครือญาติ หากความสนิทสนมเริ่มแน่นแฟ้น ความอ้างว้างเริ่มมีสิ่งทดแทน
   
    ยิ่งเดินออกมาไกลบ้านมากเท่าไร การจราจรก็เริ่มคับคั่ง รถยนต์แล่นสวนไปมา มอเตอร์ไซด์วิ่งเฉี่ยวโฉบ ปลายขยับเข้าใกล้จนชิดหลังนางจันทร์ มอเตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งเฉียดเข้าใกล้ ปลายผวาคว้าเสื้อด้านหลังนางจันทร์ไว้แน่น ซุกหน้า ตัวสั่นเทิ่ม
    วัยรุ่นสองคนบนหลังมอเตอร์ไซด์หัวเราะ สนุกสนาน
    "ไอ้..." นางจันทร์ด่าตามหลัง แล้วหันมากอด ลูบหลัง ปลอบประโลม
    "ไม่ต้องกลัวนะลูก ไม่ต้องกลัว"
    กว่าปลายจะหายสั่น กลัว และยอมเดินตามก็เล่นเอาเหงื่อไหลย้อย เมื่อถึงร้านรับซื้อของเก่า ดวงอาทิตย์ก็ลอยสูงตรงหัวพอดี
    "วันนี้มาสาย..."
    เถ้าแก่ร้านทัก พลางเขม้นมองคนที่เดินตามหลังนางจันทร์มาติดๆ
    "ใคร.. หลานเรอะ"
    เพราะซื้อขายเป็นเจ้าประจำกันมานาน เถ้าแก่จึงรู้นางจันทร์ไม่มีลูกสาว
    "ฮื่อ"
    นางพยักหน้ารับส่งๆ เด็กหนุ่มสองสามคนที่กำลังจัดเก็บของในร้านหันมามองอย่างสนใจ นางจันทร์ขยับตัวบัง ปกป้อง
    "อายุไม่เท่าไหร่ ยังเด็กอยู่"
    ใครๆ ก็รู้เถ้าแก่ชอบผู้หญิง แกมีบ้านเล็กบ้านน้อยหลายหลัง
    "เฮ้ย เด็กที่ไหนกัน สมัยนี้สิบสามสิบสี่มันมีผัวกันเป็นแถว" เถ้าแก่ร้านหัวเราะเสียงดัง เด็กหนุ่มๆ ในร้านหัวเราะตาม
    ร่างเล็กๆ ด้านหลังเบียดชิด
    "รีบเถอะเถ้าแก่ ฉันต้องไปทำอย่างอื่นอีก"
    นางจันทร์นับเงินเสร็จแล้วรีบเดินพาปลายออกจากร้าน เสียงเถ้าแก่ยังดังตามหลัง
    "แล้วมาอีกนะ"

    มือเล็กยังเกาะติดเสื้อด้านหลัง นางคิดถูกหรือผิดที่ยอมให้ปลายตามมา ร่างเล็กๆ ในเสื้อยืดหลวมโคร่งที่ลูกชายแกทิ้งไว้กับผ้านุ่งผืนเก่าที่แกยกให้ สมบูรณ์อวบอิ่ม ไม่ผอมบางอย่างเมื่อแรกพบ ผิวพรรณผ่องใสมีน้ำมีนวล ผมยาวถูกหวีรวบไว้ด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าคมสวย

    นางห่วงกังวลความสวยบางครั้งก็เป็นโทษ

    "บ่ายแล้ว กินอะไรกันก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน"
    นางจันทร์แวะฝากรถเข็นไว้ที่ร้านคนรู้จักกัน แล้วจูงมือหญิงสาวข้ามถนนไปยังตลาดฝั่งตรงข้าม เสียงครกดังป็อกๆ ข้างๆ มีเตาย่างไก่ควันโขมง ปลายหยุดยืนมอง เปรี้ยวปาก น้ำลายสอ
    "อยากกินละซิ"
    ปลายพยักหน้างึกๆ สายตามองส้มตำในจานที่แม่ค้ากำลังตักขึ้น นางจันทร์ยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วพาปลายเดินไปนั่งที่โต๊ะ
    "ส้มตำจานหนึ่ง ข้างเนียว แล้วก็โครงไก่ 2 ไม้"
    หมู่นี้ปลายกินเก่ง ครู่เดียวก็กินจนเกลี้ยงในขณะที่นางจันทร์เพิ่งกินไปแค่ 2-3 คำ
    "หมดแล้ว  ทำไม่กิน"
    เสียงอ่อนๆ ถาม คงเพิ่งรู้ตัวว่ากินคนเดียวจนหมด
    "กินเถอะ ไม่ค่อยหิว เอาอีกมั้ย" นางถามอย่างใจดี ปลายนั่งคิดก่อนพยักหน้า
    "เอา" นิ้วเล็กๆ ชี้ตรงมา "ให้กินตอนเย็นนะ อร่อย"
    เหมือนน้ำเย็นชุ่มชื่น ไหลรินเข้าสู่หัวใจ ท่าทางซื่อๆ แววตาใส จริงใจที่มองตรงมา นานเท่าไรแล้วไม่มีคนห่วง นึกถึง นางกระพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาที่คลอรื้นอยู่
    "เอาโครงไก่ใส่ถุง 2 ไม้ แล้วเก็บตังค์ด้วย"
    ปลายนั่งมองเงินที่ถูกจ่ายออกไป แล้วว่า
    "ทำไมให้เยอะ เดี๋ยวไม่มีใช้"
    "ไม่เป็นไร ถ้าชอบก้กินเถอะ แต่บ่อยไม่ได้เดี๋ยวตังค์หมด"

     ขากลับนางจันทร์พาเดินอ้อมมาอีกทาง ถึงไกลหน่อยแต่ไม่พลุกพล่าน ปลายคงเดินได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องหวั่นวิตกใดๆ ตลอดเส้นทางร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ ทั้งสองเดินทอดน่องตามสบาย สุดทางเป็นหมู่บ้านจัดสรรโอ่อ่า หรูหรา ยามหน้าหมู่บ้านมองแล้วพยักหน้าให้ผ่านเข้ามาได้ ยามรู้จักนางจันทร์แกไม่เคยจุ้นจ้าน วุ่นวาย

    บ้านทุกหลังใหญ่โต ตบแต่งสวยงาม บนพื้นหญ้าเขียวขจี แวดล้อมไปด้วยพรรณไม้ดอกไม้ประดับออกดอกบานสะพรั่ง บางหลังก่อเป็นมอเล็กๆ มีน้ำตกไหลริน บางหลังมีน้ำพุพุ่งสลับขึ้นลงเป็นช่อชั้น ปลายเดินเหลียวหน้าเหลียวหลังมองด้วยความตื่นตา
   
    อากาศเริ่มคลายความร้อน นางจันทร์เข็นรถไปช้าๆ วันนี้ไม่ต้องรีบ

จากคุณ : Prapatsara
เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 18:39:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com