ความคิดเห็นที่ 1 |
เสียงสายฝนตกกระทบพื้นแผ่นดินยังคงส่งสำเนียงให้ได้ยินอยู่มิสร่างซา ในขณะที่เสียงสนทนาของหนุ่มสาวที่ยืนหลบฝนอยู่ใต้โรงพักเริ่มอันตรธานไป แต่ความเงียบก็เข้าครอบงำได้เพียงไม่กี่นาที เสียงกรีดร้องแหลมปรี๊ดก็ดังเสียดแทงเข้ามาในช่องหูของชายหนุ่มจนเขาถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดใบหู ก่อนจะใช้สายตาอันคมกริบกวาดไปทั่วบริเวณเพื่อหาต้นตอที่ทำให้สาวร่างบางแสดงอาการหวาดกลัวออกมา
'ตะขาบ!!'
ตฤณอุทานขึ้นในใจแล้วหันรีหันขวางมองหาอุปกรณ์ที่พอจะจัดการเจ้าสัตว์เลื้อยคลานมีพิษที่ชอบขึ้นมารบกวนผู้คนยามฝนตก
นายๆ ฉันกลัว
ผมรู้แล้ว... ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าเธอกลัวขนาดไหน ก็เธอเล่นเบียดเข้ามาใกล้เขาจนใบหน้าแทบจะแนบติดกัน อีกทั้งยังจิกแขนเขาเอาไว้แน่นจนเขาต้องกัดฟันทนเจ็บ
คนตัวสูงค่อยๆ สไลด์เท้าไปอย่างช้าๆ และพาเอาร่างที่เกาะแน่นเป็นตุ๊กแกขยับตามติดมาด้วย เขาชะโงกหน้ามองไปยังถังขยะใบเขื่องเพื่อหาตัวช่วยขจัดสัตว์เลื้อยคลานที่กำลังคืบคลานมุ่งหน้ามาหาพวกเขา
และแล้วมือแกร่งก็คว้าจับเอาท่อนไม้ที่มีความยาวประมาณหนึ่งฟุตขึ้นมาจากถังขยะแต่ด้วยความที่เขาไม่ทันได้ระวังและตรวจสอบให้ดีทำให้มือของเขาพลาดไปโดนปลายตะปูที่แทงทะลุเนื้อไม้ออกมาทิ่มตำจนเป็นแผลเลือดไหลอาบ
โอ๊ย!! สีหน้าเหยเกแสดงอาการเจ็บปวดออกมา เมื่อเขาดึงมือออกมาจากท่อนไม้ เลือดก็ยิ่งไหลมากขึ้น เขาต้องพยายามฝืนทนและเอื้อมมือไปจับบริเวณที่ไร้ตะปู จากนั้นจึงค่อยๆ ยืดแขนออกเพื่อเขี่ยตะขาบออกไปให้พ้นทาง
เมื่อภารกิจไล่ตะขาบเสร็จสิ้น มือที่กำท่อนไม้ก็ปล่อยตกลงข้างลำตัวอย่างอ่อนกำลัง เสียงท่อนไม้ที่กระทบพื้นดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงทอดถอนใจของชายหนุ่ม
เฮ้อ.... ร่างสูงร่วงทรุดลงมานั่งชันเข่าพิงถังขยะ มองดูมือของตัวเองที่เลือดยังไหลไม่หยุด
ขอโทษนะที่ทำให้นายต้องเจ็บตัว ดวงตาเรียวสวยดูหม่นหมองลงเมื่อเจ้าตัวเกิดความรู้สึกผิด ร่างเพรียวบางย่อตัวลงนั่งยองๆ ข้างๆ คนมือเจ็บ
ผมไม่ได้เจ็บตัว แต่ผมเจ็บมือ
เจ็บตัวหรือเจ็บมือ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ อารมณ์ของทรายเริ่มคุกรุ่นอีกรอบ เมื่อได้ยินตฤณโต้แย้งกลับมา
เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าผมรับคำขอโทษของคุณก็แล้วกัน ตฤณหาเรื่องตัดบทเพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้เมื่อยปาก เพราะแค่บาดแผลที่มือก็ปวดระบมเกินจะทนแล้ว ถ้าหากต้องมาโต้วาทีกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องก็รังแต่จะเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์
เดี๋ยวฉันพันแผลให้นายนะ ทรายหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ลายดอกกุหลาบออกมาจากกระเป๋าสะพายและค่อยๆ บรรจงพันที่มือข้างขวาของตฤณ
สีของเลือดกลมกลืนไปกับสีของกลีบดอกกุหลาบที่เป็นลวดลายของผ้า ชายหนุ่มช้อนสายตาขึ้นสบมองคนที่กำลังปฐมพยาบาลเขาอย่างเบามือ ทำเอาหญิงสาวที่บังเอิญหันไปประสานสายตาเข้าถึงกับออกอาการขวยเขินก่อนจะหลุบตาก้มลงมองมือหนาเพื่อซ่อนอาย
ขอบคุณนะ คำขอบคุณแม้จะเปล่งออกมาอย่างเบาๆ แต่มันกลับชัดเจนในโสตประสาทของหญิงสาว
แต่ยังไงนายก็ต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาลนะ ปล่อยไว้แบบนี้ เดี๋ยวจะเป็นบาดทะยัก
ครับ... คุณแม่... แม้จะเจ็บมือก็ยังมิวายพูดประชดประชัน จนเจ็บหัวไหล่ไปอีกที่หนึ่ง เมื่อโดนกำปั้นน้อยๆ ของหญิงสาวทุบลงเพื่อสั่งสอน
เมื่อไหร่นายจะเลิกพูดจาประชดประชัน หรือ เลิกพูดจากวนๆ ซะที
เมื่อตอนที่ผมซ่อมร่มเสร็จแล้วเอามาคืนให้คุณนั่นแหละ แล้วทีนี้ เราสองคนก็ต่างคนต่างไปตามทางของตัวเอง
คำประกาศิตของชายหนุ่มเหมือนเชื่อมโยงกับแผ่นฟ้า เพราะทันทีที่สิ้นเสียงของเขา เสียงฟ้าร้องก็คำรามดังกึกก้อง
เจ้าของเสียงแหลมร้องวี้ดว้ายด้วยความตกใจแล้วก็โผเข้ามากอดชายหนุ่มแน่น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ต้องการแยกไปตามทางเหมือนความประสงค์ของอีกฝ่าย พอเขาพยายามคลายวงแขนของเธอที่รัดร่างของเขาออก เธอก็เริ่มร้องไห้
หยดน้ำใสคลอเคลียอยู่ในเบ้าตาก่อนจะค่อยๆ รินไหลออกมาเปื้อนดวงหน้างาม หนุ่มที่นั่งข้างๆ ก็ถึงกับมึนงงเพราะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเธอถึงต้องหลั่งน้ำตา
คุณร้องไห้ทำไม
ก็ฉัน... ฉันไม่อยากแยกทาง ปลายประโยคเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างบางเบา
ไม่อยากแยกทาง หมายความว่า คุณอยากตามติดผมไปตลอดอย่างนี้น่ะเหรอ ตฤณชักเริ่มรู้สึกหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเธอคนนี้จะมาไม้ไหน คงไม่ใช่ว่าจะมาเกาะเขากินหรอกนะ
ฉันแค่อยากรู้จักคุณมากกว่านี้ ฉันว่าเราสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
แต่ผมคงดีไม่พอที่จะเป็นเพื่อนกับคุณหรอก
ตฤณตัดรอนความสัมพันธ์เอาดื้อๆ เพราะกลัวว่ามันจะเป็นเหมือนในอดีต ความรักครั้งก่อนของเขาก็เริ่มต้นมาจากความเป็นเพื่อน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องพรากจากกัน ดังนั้น ถ้าหากว่ามันจะต้องพลัดพราก สู้ให้มันพลัดพรากไปเสียตั้งแต่วันนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอ
ทำไมจะดีไม่พอล่ะ ในเมื่อนาย... ประโยคที่ขาดห้วงไปเพราะคนพูดไม่ยอมพูดต่อ ทำให้ตฤณถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
คุณจะพูดอะไรน่ะ
ก็ในเมื่อนาย... ช่วยเขี่ยตะขาบให้ฉัน
แค่ความดีแค่เนี้ย คุณก็อยากตามติดผมแล้วเหรอ ถามจริงๆ คุณต้องการอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม แม้ว่าคำพูดของชายหนุ่มจะไม่ได้ชี้ชัดลงลึก แต่หญิงสาวก็อ่านจากแววตาและน้ำเสียงของเขาได้ว่าเขาหมายถึงอะไร
ฉันไม่ต้องการเงินทองของนาย... ผู้หญิงอย่างเนตรทราย ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีไปกับเรื่องพรรค์นั้นหรอก พูดอย่างนี้มันหยามเกียรติกันชัดๆ
... ฉันแค่อยากตอบแทน ทรายกล่าวต่อ
ตอบแทน... ตอบแทนอะไร อย่าบอกนะว่าตอบแทนที่ผมช่วยเขี่ยตะขาบให้คุณ
ก็เรื่องที่ช่วยเขี่ยตะขาบ แล้วก็เรื่องอื่นๆ ด้วย
เรื่องอื่นๆ ?? คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงด้วยความฉงนยกกำลังสอง
ก็เรื่องเสื้อแจ็คเก็ตนี่ด้วยไง มือบางคว้าจับที่สาบเสื้อ ตฤณมองตาม แต่ก็ยังมิวายสนเท่ห์
มันมีเรื่องอื่นที่มากกว่านี้อีกไหม
นายยังเจ็บมืออยู่ไหม ทรายเลี่ยงไม่ตอบและหันไปให้ความสนใจกับมือของตฤณแทน
คุณๆ ผมถามว่า... ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะย้อนถามคำถามเดิม หญิงสาวก็พูดแทรกขึ้นมา
นายไม่จำเป็นจะต้องรู้อะไรมากหรอก หากว่านายต้องการจะแยกทางกับฉัน ครานี้ชายหนุ่มเริ่มพูดอะไรไม่ออก ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ ยิ่งเห็นแววตาที่ไร้ประกายสดใสของเธอ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก
ใจนึงก็อยากแยกทางเพราะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อีกใจนึงก็อยากก้าวเดินต่อไปพร้อมๆ กับเธอเพราะรู้สึกเห็นใจ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ เขาอยากรู้ว่า เพราะเหตุใด เธอถึงต้องมาตอบแทนเขา
เพราะการที่ใครคนหนึ่ง มากางร่มให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มันก็น่าแปลกอยู่นา...
จากคุณ |
:
comicclubs
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ส.ค. 52 15:43:34
|
|
|
|