ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 3 เจ็ดโมงเช้า
|
|
ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 3 เจ็ดโมงเช้า
ผมตื่นแต่เช้า จัดการธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเดินไปยังตลาดใหม่ปากเซอีกครั้งในช่วงเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า เหตุมันเกิดจากเมื่อคืนก่อนนอนจะผมหยิบกำไลเงินที่ซื้อตอนช่วงเช้าออกมาดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
พอมาถึงผมก็เดินเข้าร้านขายเครื่องเงินทันที (คนละร้านกับที่ซื้อเมื่อวานแต่อยู่ไม่ห่างกัน) ผมให้แม่ค้าชาวลาวช่วยหยิบกำไลหลายๆ อันออกมาให้ดู ลังเลไปพักใหญ่เหมือนกันว่าจะเอาอันไหนดีเพราะกลัวว่าหลังจากซื้อไปแล้วดูไปดูมาจะไม่สวยอีก
"เท่าไหร่ครับ"
"อันนี้...บาท อันนั้น...บาทค่ะ"
"ลดให้หน่อยได้ป่ะ" ผมลองต่อราคาแบบกล้าๆ กลัวๆ
"ไม่ได้หรอกค่ะ งั้นลดให้...ละกัน" แม่ค้าเจรจากับผมตามแบบฉบับของคนทำมาค้าขาย
"อะไร อันนี้...บาทก็พอแล้ว" ผมบอกราคาในใจไปมั่ง
"ไม่ได้หรอกค่ะ อันนี้ขายแค่นี้ก็ไม่ค่อยมีกำไรแล้ว"
"ได้ดิ เมื่อวานซื้อที่ร้านนั้นยังได้เลย" ผมพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ร้านเมื่อวานที่ผมซื้อมา แม่ค้าทำท่าคิดหน่อยนึงก่อนจะตอบกลับมา
"อ่ะ ก็ได้ ถือว่าประเดิมร้านก็แล้วกัน"
ใช้เวลาพอสมควรทีเดียวแต่ก็ถือว่าการเจรจาต่อรองประสบผลสำเร็จ ก็ต้องขอขอบคุณสาวๆ ที่ช่วยต่อราคาให้เมื่อวานอีกครั้งครับ ที่ทำให้ผมได้ใช้เป็นตัวอ้างอิงในการต่อรองวันนี้จนสำเร็จ
ผมรีบเดินกลับมายังหน้าโรงแรมเพื่อรอรถบัสก่อนแปดโมงเล็กน้อย ในระหว่างนั้นคนอื่นๆ ที่เดินไปซื้อของที่ตลาดเหมือนผมก็เริ่มทยอยเดินกลับมาเช่นกัน มีหลายคนทีเดียวที่ซื้อโทรศัพท์มือถือกลับมา ยี่ห้อก็คล้ายๆ กับโทรศัพท์มือถือชื่อดังยี่ห้อหนึ่ง ก็หยิบมาอวดมาลองเล่นกันพักหนึ่งก่อนขึ้นรถ
"พี่ๆ เมื่อคืนนอนพี่ปวดขาป่ะ" น้องร่วมคณะทัวร์ถามผมเมื่อพวกเราขึ้นมาประจำที่กันบนรถทัวร์แล้ว
"โธ่ น้อง อย่าถามพี่เรื่องปวดขา น้องรู้จักคำว่ากระดูกลั่นป่ะ เมื่อคืนพี่เป็นอย่างนั้นล่ะ" ผมตอบคำถามน้องคนนั้นไป
"พี่ไปซื้ออะไรมาเมื่อเช้า" น้องอีกคนถาม
"นี่ไง" ผมหยิบกำไลเงินออกมาให้ดู ลองนับๆ ดูแล้ว ซื้อมาทำไมฟะเนี่ยตั้งเจ็ดอัน
"พี่ว่านี่ของจริงหรือของปลอม" อีกคำถามจากน้องคนเดิม
"จะอยากรู้ทำไมว่าของจริงของปลอม ของมันซื้อมาแล้ว ถ้ารู้ว่าปลอมแล้วไม่สบายใจพี่ไม่รู้ดีกว่าว่ะ รู้ว่าซื้อเอาไปเป็นของฝากจากลาวก็พอ" ผมตอบตามที่คิด
"สวัสดีครับ มีใครซื้อโทรศัพท์มือถือมาบ้างครับ" ไกด์ชาวไทยทักทายเมื่อขึ้นมาบนรถที่พร้อมจะออกแล้วพร้อมกับตั้งคำถาม
"โทรศัพท์มือถือที่ซื้อที่นี่เนี่ย ดีนะครับ มันทำให้เราได้ลุ้นดี ผมเห็นมาหลายรุ่นแล้ว" เกริ่นนำก่อนจะพูดต่อ
"บางคนซื้อมาแล้วเจอของดีก็จะใช้ได้ดีไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่หากบางคนหยิบของมีปัญหามามันก็จะเจอปัญหาตลอด เดี๋ยวซ่อม เดี๋ยวซ่อม ก็ขอให้คนที่ซื้อมาโชคดีนะครับ" พอพูดจบแต่ละคนหยิบขึ้นมาลองดูลองกดกันเป็นแถว
"เอ้อ พูดถึงเรื่องซื้อของเนี่ย เชื่อมั้ยครับ คนไทยนี่ขึ้นชื่อเรื่องไม่ยอมใครหากตัวเองซื้อของราคาแพงกว่ามา" ไกด์เริ่มเล่าเรื่องใหม่ในขณะที่รถแล่นผ่านถนนหลวงเพื่อเข้าไปยังถนนเส้นแยกที่เป็นทางลูกรัง (อีกแล้ว)
"พอซื้อมาชอบมาถามกันว่าซื้อมาเท่าไหร่ ลูกทัวร์คราวที่แล้วของผมนะครับมาที่นี่เหมือนกัน แต่ละคนขึ้นรถมาหอบของพะรุงพะรังมาเป็นแถว แล้วช่วงที่รถกำลังจะออกก็มีการเอาของที่ซื้อมาอวดกัน แต่ดันมีคนซื้อรองเท้ามาเหมือนกันครับ การประชันราคาก็เลยเริ่มขึ้น"
ไกด์หยุดนิดหน่อยเป็นเชิง ระหว่างนั้นรถก็วิ่งไปอย่างทุลักทุเลเพราะตัวรถบัสมันสูงพอวิ่งถนนที่ขรุขระมากๆ แล้วตัวรถมันโคลงมาก ผมมองออกนอกหน้าต่าง ถนนเส้นนี้มีบ้านสร้างไม่เสร็จเยอะมาก แต่บางหลังยังสร้างไม่เสร็จแต่กลับมาข้าวของอยู่ข้างในแล้ว
"นี่ชั้นซื้อมาสองร้อยแปดสิบ คุณผู้หญิงคนแรกพูดพร้อมกับชูรองเท้าให้ดู เท่านั้นคุณผู้หญิงคนที่สองก็พูดสวนขึ้นมาทันที อะไร ตั้งสองร้อยแปดสิบ นี่ของชั้นสองร้อยหกสิบเอง เท่านั้นละครับ คุณผู้หญิงคนแรกสั่งให้หยุดรถที่กำลังจะออกทันทีเลย" ไกด์เล่าพร้อมทำท่าทางหยุดรถอย่างออกรสออกชาติ
"เธอวิ่งลงจากรถไปแป๊บนึงก็หิ้วถุงกลับมาเหนื่อยหอบเลยครับ พอเห็นว่ามากันครบแล้วรถก็เลยเริ่มออกวิ่ง สักพักหนึ่งพอหายเหนื่อยเธอก็จัดแจงหยิบรองเท้าออกมาจากถุงแล้วก็ชูรองเท้าที่เหมือนกับที่เธอซื้อมาก่อนหน้านี้เปี๊ยบให้ดูอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง"
"นี่ ชั้นซื้อมาสองร้อยสี่สิบ แต่ในระหว่างที่เธอกำลังอวดรองเท้าราคาถูกนั่นล่ะครับ เธอถึงสังเกตเห็นว่ารองเท้าที่เธอซื้อมาทั้งสองข้างเหมือนกันเปี๊ยบจริงๆ คือว่ามันเป็นข้างซ้ายทั้งสองข้างเลย คงรีบจัดน่ะครับเลยไม่ได้ดู"
ก็เป็นเรื่องที่พอจะทำให้ยิ้มๆ ได้ในยามเช้าครับ ระยะทางไม่ไกลเลยครับแต่ทางนี่สิที่ทำให้เราต้องใช้เวลาเดินทางกันนานมาก ประมาณเก้าโมงครึ่งหรือไม่ก็สิบโมงนี่ล่ะครับที่เรามาถึงจุดที่จะต้องไปต่อเรือเพื่อไปยัง "น้ำตกหลี่ผี"
ที่นี่เป็นดินลูกรัง มีร้านขายของปลูกเรียงรายอยู่ พอพวกเราเริ่มเดินกันฝุ่นก็เริ่มตลบอบอวลขึ้นมาทันที ตรงนี้นี่ฝุ่นเยอะมากจริงๆ ก่อนลงจากรถทางไกด์ได้แจกผ้าปิดจมูกให้คนละหนึ่งผืนครับ เพราะเค้าบอกว่าทางเข้าน้ำตกหลี่ผีหลังจากที่ข้ามแม่น้ำที่เรากำลังจะไปลงเรือกันจะมีฝุ่นมาก
พวกเราเดินไปรอให้ทางคณะทัวร์ติดต่อเรืออยู่พักใหญ่ อากาศร้อนมากครับที่นี่ ผมสังเกตว่าที่นี่มีนักท่องเที่ยวรอข้ามเรือไปที่น้ำตกหลี่ผีมากพอสมควรทีเดียว ส่วนเรือที่ให้บริการก็มีทั้งเรือเล็ก เรือใหญ่ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ให้บริการก็ทำงานกันอย่างขะมักเขม้นทีเดียว
การจอดการออกเรือของที่นี่แปลกๆ ครับ คือ เค้าไม่มียางรถยนต์ผูกเอาไว้กันเรือชนกัน ตอนจอดก็ชนกันโครมๆ เลยครับ ตอนออกเรือก็บางลำหลังคาสังกะสีเปิด บางลำก็ฉีก ดูแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่า ถ้าเดินเรือกันวันละหลายๆ เที่ยว เรือมันไม่พังเหรอเนี่ย
เมื่อทุกอย่างพร้อม เรือก็ออกจากท่าแล่นไปตามลำน้ำโขง มีเกาะแก่ง มีกอไม้ ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง ชาวลาวบางคนก็พายเรือเก็บพืชอะไรบางอย่างอยู่ส่วนริมๆ ของเกาะ เรือบางลำก็กำลังพานักท่องเที่ยวกลับ บนเกาะมีควายที่ชาวบ้านปล่อยออกมาให้หากินเพียบเลยครับ
มองไปทางขวามือผมเห็นบ้านหน้าตาเหมือนกันปลูกเรียงรายเป็นแถว คาดว่าชาวลาวน่าจะปลูกไว้สำหรับไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักที่นี่ครับ
หลังจากนั่งรับลมเย็นๆ สักพักเรือโดยสารก็พาเรามาถึงตัวเกาะที่เป็นที่ตั้งของ "น้ำตกหลี่ผี" ที่ได้ชื่อว่า "ไนแองเกล่าแห่งเอเซีย"
วันที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8058581/W8058581.html
วันที่ 2 แปดโมงเช้า
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8067511/W8067511.html
วันที่ 2 สิบโมงครึ่ง
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8078605/W8078605.html
วันที่ 2 เที่ยงครึ่ง
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8090063/W8090063.html
วันที่ 2 สี่โมงครึ่ง (เย็น)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8101998/W8101998.html
เด็กชาวลาวที่น่าจะเป็นลูกเรือ กำลังยืนรอรับคำสั่ง
ไกด์สาวชาวลาวกำลังเจรจากับเจ้าของเรือ
แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 52 21:10:40
จากคุณ |
:
KTHc
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ส.ค. 52 21:05:32
|
|
|
|