xxx พฤกษาผลัดใบ...บทที่ ๓๖...xxx
|
|
ทิพย์อาภาเปิดประตูห้องนั่งเล่นเดินยิ้มเข้ามาหาลูกสาวที่นอนเล่นบนเสื่อกลางผืนหญ้ากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดภายในสวน
ผึ้ง
หญิงสาวหันตามเสียงเรียกพร้อมลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ คะแม่
เดี๋ยวคืนนี้ออกงานกับแม่นะ แม่เตรียมชุดไว้ให้แล้ว
และคราวนี้มาริสาก็ลุกขึ้นยืนทำหน้าเบ้ทันที หูย งานพวกคุณหญิงคุณนายอะไรนั่นน่ะผึ้งไม่ไปหรอก..น่าเบื่อจะตาย เพราะหลวมตัวไปด้วยแล้วครั้งหนึ่ง แล้วก็พบกับบรรยากาศที่น่าเบื่อหน่าย และแสบตากับประกายเพชรระยิบระยับที่บรรดาแขกผู้ทรงเกียรติขนมาประโคมบนเรือนร่างราวกับงานประมูลเครื่องเพชรก็ไม่ปาน แถมคำพูดคำจาก็ฟังแปลกหูบางครั้งก็ใส่จริตใช้ศัพท์สูงจนเกินรับ
น่านะ ไปกับแม่แป๊บเดียวเอง แม่ไม่อยากไปคนเดียวน่ะ
ก็ชวนคุณลุงไปด้วยสิคะ
คุณเกริกติดงานอื่นแล้วจ้ะ..น่า ไปกับแม่หน่อยนะลูกจ๋า
มาริสาอิดออดเพียงครู่ ก็จำใจพยักหน้ารับตามคำอ้อนวอนของผู้ให้กำเนิด แต่อย่าอยู่นานนะคะ
จ้ะ ทิพย์อาภาหยิกแก้มลูกเบาๆก่อนเดินยิ้มกลับเข้าห้องนั่งเล่นไปดูรายการโทรทัศน์กับสามีต่อ
มาริสายอบตัวลงนั่งขัดสมาธิเพียงครู่ก็หันไปหยิบโทรศัพท์มือถือกดหาเจษฎาที่นั่งดูเอกสารภายในห้องทำงาน ซึ่งร่างสูงแต่งกายด้วยชุดลำลองแบบสบายกำลังครึ่งนั่งครึ่งนอนบนโซฟาตัวยาว ใบหน้าคมเข้มสวมแว่นสายตายังไม่ยอมละจากตัวอักษรขณะล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง แต่เมื่อเหลือบเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอแฟ้มเอกสารก็ถูกปิดในทันที ก่อนจะกดรับพร้อมรอยยิ้มละไม
มีอะไรจ๊ะ
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ผึ้งจะบอกว่าคืนนี้จะไปงานเลี้ยงกับแม่ค่ะ อาจจะกลับดึกนิดหน่อย
หือ!? งานเลี้ยงเหรอ
ค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่างานของใครหรอกนะคะ แต่แม่มาชวนผึ้งก็เลยไม่อยากขัดใจน่ะคะ
เจษฎาหัวเราะในลำคอขณะลุกขึ้นนั่ง หึ นี่คุณหญิงทิพย์อาภาจะเริ่มโชว์ตัวลูกสาวแล้วเรอะ
อย่ามาทำเสียงแบบนั้นกับแม่ของผึ้งนะ หญิงสาวขู่ฟ่อกับคำที่เขาค่อนขอดผู้ให้กำเนิด และก็ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆลอยมาอีกครั้ง
จ้า พี่ขอโทษ..แล้วนี่แม่ของผึ้งอยู่ไหนล่ะ
นั่งดูทีวีกับคุณลุงที่ห้องนั่งเล่นค่ะ
เหรอ ชายหนุ่มลุกขึ้นออกจากห้องทำงานเดินไปชะโงกหน้ามองผ่านกระจกห้องนั่งเล่นเห็นบุคคลทั้งสองยังคงนั่งสนใจโทรทัศน์ จึงเอ่ยกับคนในสายขณะเดินย้อนกลับทางเดิมแต่เดินเลยไปยังห้องเล่นเกม
มาหาพี่ที่ห้องเล่นเกมหน่อยสิคะ คนดี
มาริสานิ่วหน้า เริ่มระแวงกับเสียงหวานออดอ้อนของอีกฝ่าย ไปทำไมคะ
ก็..พี่เมื่อยจังเลย..อยากให้ผึ้งนวดให้หน่อยน่ะครับ กระแสเสียงเร่าร้อนส่งผ่านมาให้หัวใจสาวหวามไหว และเหลือบสายตามองไปยังมารดาทันที
แม่กับคุณลุงอยู่ในบ้านนะคะพี่แจ็ค เธอเอ่ยเตือน ซึ่งอีกฝ่ายไม่คิดจะสนใจและเห็นว่าการที่มีอุปสรรคกีดขวางกลับสร้างความรู้สึกเร้าใจเพิ่มขึ้น
มาเถอะน่าผึ้งจ๋า
..ผึ้งอุ้มเจ้าปุยฝ้ายแล้วนะคะ มาริสายกสิ่งอื่นมาอ้างหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไร..พี่มีวิธี รอยยิ้มกรุ่มกริ่มเผยชัดพร้อมประกายแวววาวในดวงตาดำคมกริบ..ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่กล้าขัดใจเขาอยู่แล้ว เร็วๆนะคนดี..พี่รออยู่ และตัดสายให้อีกฝ่ายกระอักกระอ่วนใจ เหลือบสายตามองผู้ให้กำเนิดอีกครั้ง ก่อนหันกลับมาโยนลูกบอลไหมพรมให้เจ้าปุยฝ้ายตวัดคมเล็บเล่นและผุดลุกเดินจากไปเงียบๆ
ในตอนเย็นช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมที่ทิพย์อาภาเรียกใช้บริการก็มาถึงเพื่อช่วยกันเนรมิตลูกสาวของเธอให้ดูสวยงามมากที่สุดสำหรับค่ำคืนอันสำคัญนี้ และเนื่องจากคืนนี้เป็นงานเกี่ยวกับแฟชั่นผ้าไทย ทิพย์อาภาจึงจัดชุดราตรีแบบทันสมัยแต่ตัดเย็บมาจากผ้าไหมสีฟ้าอ่อนออกเลื่อมแวววาวสวยงามให้เรือนร่างเพรียวระหงดูเฉิดฉายขึ้น และเพิ่มความงดงามด้วยชุดต่างหูและสร้อยคอทองคำฉลุลายโบราณ
สวยมากจ้ะลูกแม่
ทิพย์อาภากวาดสายตามองผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจด้วยความภูมิใจและชื่นชม จนมาริสารู้สึกเขินจึงเอียงคอพูดหยอกเย้ากลับมา
แต่ก็ยังสวยสู้แม่ไม่ได้หรอกค่ะ และโอบกอดเรือนร่างอวบกลมกลึงที่อยู่ในชุดไหมสีเลือดนกขับผิวเปล่งปลั่งดูสวยสง่ามากทีเดียว
หืม..ช่างประจบเชียวนะเรา..ไปกันเถอะ แล้วก็จูงมือลูกเดินนำช่างทั้งสองออกจากห้อง เดินลงมาชั้นล่างซึ่งเกริกนั้นออกไปร่วมงานอีกแห่งหนึ่งแล้ว เหลือแต่ลูกเลี้ยงหนุ่มกำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องโถง และก็จูงมือลูกเดินผ่านไปโดยไม่คิดจะชายตามองหรือเอ่ยทักทาย จึงไม่เห็นว่าพอพ้นเธอไปแล้ว สายตาของลูกเลี้ยงหนุ่มเหลือบขึ้นสบสายตากับลูกสาวของตนนั้นหวานอ่อนเชื่อมแค่ไหน
และเมื่อคนขับรถพาสองแม่ลูกออกไปแล้ว หนังสือที่อยู่ในมือก็ถูกโยนลงบนโต๊ะกลางอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่ร่างสูงจะลุกขึ้นออกมายืนกอดอกที่หน้ามุข ใบหน้าบูดบึ้งกับการที่ค่ำคืนนี้..ผู้หญิงของเขาดูสวยงามเกินไปแล้ว
และให้รู้สึกเซ็งขึ้นมาอีกระลอก ที่วันนี้ตนอุตส่าห์ไม่ออกไปเที่ยวไหนแล้ว แต่กลับถูกทิ้งให้อยู่โยงเฝ้าบ้านเพียงลำพัง..กว่ามาริสาจะกลับมาให้เขาได้กอดก็อีกครึ่งค่อนคืนนั่นล่ะ
ชายหนุ่มเดินงุ่นง่านไม่กี่อึดใจก็ตะโกนลั่นบ้าน เซ็งโว้ย!..ครรชิต ออกรถ!
ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู แขกเหรื่อภายในงานต่างสนทนาทักทายกัน พร้อมทั้งคอยลอบสังเกตว่าใครเป็นคนจับจองพื้นที่โต๊ะแถวหน้าเวที ซึ่งผู้นั้นจะต้องจ่ายค่าภาษีสังคมหนักทีเดียวถึงจะมีสิทธิ์ได้ชูคอเผยอเหนือผู้อื่น ในขณะที่บางคนจำต้องกระเสือกกระสนหาทางเข้ามาร่วมงานครั้งนี้ให้ได้ เพียงเพื่อต้องการให้สังคมยอมรับในความมีหน้ามีตาและไม่ลืมเลือนจนตัดออกจากสารบบ
แต่ดูเหมือนว่านอกจากจะมีการบ่งบอกความมั่งมีแล้ว ภายในงานยังแบ่งกลุ่มชนชั้นออกอย่างชัดเจน โดยฝั่งเวทีด้านหนึ่งสำหรับผู้มีเชื้อสายราชสกุลและผู้ดีเก่า ซึ่งครั้งนี้หม่อมพรรณรายกับคุณหญิงศศิเพื่อนรักเข้าร่วมด้วยโดยให้กิตตินันท์ออกงานคู่กับประภัสสรเพื่อเสริมสร้างความแนบแน่นของสองหนุ่มสาว และอีกฝั่งเวทีจะไว้สำหรับบรรดาเศรษฐีหน้าเก่าและหน้าใหม่แต่ไร้บรรดาศักดิ์ได้จับจอง ซึ่งก็เป็นผู้ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี
ทิพย์อาภาพามาริสามาไหว้ท่านผู้หญิงคนดังผู้เป็น:-)านครั้งนี้ ก่อนจะขอตัวไปหาวิไลวรรณ ซึ่งวันนี้สามารถพาลูกชายคนรองที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่กี่วันให้มาร่วมงานได้สำเร็จ และเมื่อเหลือบสายตามาเห็นเพื่อนรุ่นน้องกำลังเดินมา แต่ก็ต้องหยุดแวะทักทายบรรดาแขกคนอื่นตามรายทางไม่ขาดสาย กว่าจะผ่านมาถึงบริเวณด้านหน้าเวทีได้ก็กินเวลาไปหลายนาทีทีเดียว
และสายตาของวิไลวรรณมองเลยไปยังร่างเพรียวระหงด้วยความชื่นชมในความงดงามพริ้งเพราน่าเอ็นดู ก่อนหันไปสะกิดลูกชายที่กำลังนั่งมองผู้คนในงานเรื่อยๆ ไม่ได้โฟกัสตรงจุดใดจุดหนึ่ง
แทน..คุณทิพย์กับหนูผึ้งมาแล้วลูก
ด็อกเตอร์หนุ่มผู้มีอนาคตไกลหันมองตามสายตาของผู้ให้กำเนิด ในขณะที่ทิพย์อาภานั้นเดินเกือบถึงพอดี เขาจึงลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยท่าทางอ่อนน้อม สวัสดีครับคุณทิพย์
สวัสดีค่ะคุณแทน ไม่เจอกันเป็นปีเลยนะคะ
ครับ แต่คุณทิพย์ก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ
ทิพย์อาภายิ้มชอบใจกับคำหวาน แหม..ถ้าน้ายังเป็นรุ่นๆล่ะก็คงหลงคารมคุณแทนแน่นอนล่ะค่ะ
ซึ่งลูกชายของวิไลวรรณทั้งสองคนจะถอดแบบเค้าโครงรูปร่างสูงใหญ่มาจากท่านนายพลไม่มีผิดเพี้ยน แต่นรินทร์พี่ชายคนโตจะมีใบหน้าและนิสัยที่เคร่งขรึมเหมือนพ่อมากกว่าแทนไท ที่ได้โครงหน้าละมุนค่อนมาทางแม่ และอุปนิสัยนั้นแตกต่างกับพี่ชายอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทิพย์อาภาอยากเกี่ยวดองด้วย คือ บุคลิกสุภาพอ่อนน้อมของชายหนุ่ม ที่ถึงแม้จะอาศัยอยู่ในต่างประเทศหลายปี แต่ก็ยังไม่ลืมเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ต่างกับหลายๆคนที่ถึงแม้จะไปเล่าเรียนเพียงไม่กี่ปีกลับทำตัวเหมือนถูกวัฒนธรรมต่างชาติกลืนจนแทบหมดสิ้น
ชายหนุ่มยิ้มรับและเหลือบสายตามองสาวน้อยที่เพิ่งไหว้มารดาเขาด้วยความสนใจ ทิพย์อาภาจึงรีบแนะนำให้รู้จัก นี่..หนูผึ้ง ลูกสาวของน้าเองจ้ะ
มาริสาเงยหน้ามองสบเขาเพียงชั่วแวบ เห็นว่าใบหน้าคมคายนั้นส่งยิ้มละไมอ่อนโยน และท่วงท่าที่เขารับไหว้เธอนั้นก็ช่างเป็นกันเองช่วยผ่อนคลายอาการเกร็งเครียดจากการทักทายคนแปลกหน้าของเธอได้พอสมควร
ทิพย์อาภาและวิไลวรรณลอบหันมองสบกัน ก่อนจะชักชวนกันนั่งสนทนา แต่ไม่นาน สองหนุ่มสาวก็เหมือนถูกทอดทิ้ง เมื่อผู้ให้กำเนิดของทั้งสองหันไปทักทายกับแขกโต๊ะข้างๆ
แทนไทนั่งเท้าคางและหันมาอมยิ้มให้กับหญิงสาวข้างกาย เหมือนว่าพอจะเดาได้เลาๆในจุดประสงค์อันแท้จริงของแม่ที่อุตส่าห์ลากเขามาร่วมงานในครั้งนี้ ก่อนจะยืดตัวตรงพิงพนักเก้าอี้ชวนคนข้างกายร่วมสนทนาตามความประสงค์ของผู้ให้กำเนิดเสียหน่อย
เมื่อกี้ได้ยินคุณทิพย์บอกว่าน้องผึ้งเรียนการทำอาหารหรือครับ
..ค่ะ..เผอิญผึ้งเป็นคนชอบทาน ก็เลยอยากจะทำอะไรให้คนอื่นได้ชิมในหลายๆอย่างค่ะ..แต่ส่วนมากผึ้งชอบทำขนมมากกว่าทำอาหารค่ะ
ถ้าจบมาก็เปิดร้านเบเกอรี่ได้สบายเลยนะครับ
ก็อยากเปิดเหมือนกันค่ะ..แต่คงอีกนานมั้งคะ เพราะฝีมือยังไม่เข้าขั้นเลย..ถ้าไม่เค็มไปก็หวานไปค่ะ ใบหน้าอ่อนใสเล่าให้ฟังพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ เพราะเวลามีสูตรขนมใหม่ๆมา เธอก็อยากให้เจษฎาได้ชิมก่อนใคร แต่ก็มักจะถูกติเป็นประจำ จะมีก็แต่คุกกี้เท่านั้นที่ไม่ได้ยินคำติจากเขาเลย
เอาน่า พยายามอีกหน่อย..พี่ว่าอย่างน้องผึ้งต้องทำได้แน่นอน เขายืนยันหนักแน่นพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจ จนหญิงสาวเริ่มรู้สึกถูกชะตากับเขามากขึ้น ถ้อยคำที่สนทนาโต้ตอบจึงไม่หลงเหลืออาการเกร็งเก้อเขินแต่อย่างใด
แล้วพี่แทนล่ะคะ ทำไมถึงเลือกเรียนหมอ
ชายหนุ่มเหลือบสายตามองมารดาชั่วแวบ ก่อนจะทำซุ่มเสียงกระซิบกระซาบ น้องผึ้งรู้แล้วอย่าบอกใครนะ
หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักร่วมสนุกไปกับเขาด้วย
ตอนอยู่ไฮสคูล พี่กับรูมเมทตัดสินใจไม่ได้ ว่าในอนาคตจะเป็นอะไรดีระหว่างหมอกับทนายความ แต่จะเป็นเหมือนกันก็ไม่ได้เพราะขี้เกียจมาทับเส้นกันทีหลัง ก็เลยตัดสินใจกันด้วยการโยนหัวก้อย ถ้าใครทายถูกก็ให้เรียนนิติ ถ้าผิดก็เรียนแพทย์
มาริสามองเขาตาโต อึ้งกับวิธีการเลือกอนาคตของทรัพยากรบุคคลอันมีค่า ด้วยการทายหัวก้อย !
และพี่ก็ทายผิด
ใช่..พี่เลยต้องขยันเรียนชนิดหน้ามืดกันเลย แถมกว่าจะใช้ทุนหมดก็แทบหืดจับ เขาตอบยิ้มๆ นึกแล้วก็ยังขำกับการกระทำนั้นไม่หาย ในตอนแรกนั้นก็ไม่ได้รู้สึกปลาบปลื้มอะไรกับอาชีพนี้มากนัก แค่มุ่งมั่นให้ผ่านอุปสรรคจนเป็นหมอไปให้ได้เท่านั้น แต่พอขึ้นพลีคลินิก ได้ลองร่วมตรวจร่วมรักษาคนไข้โดยมีอาจารย์หมอเป็นผู้กำกับอีกที ทำให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานส่งผลให้เขารู้สึกสงสารและอยากช่วยเหลือหรือบรรเทาความเจ็บปวดนั้นให้หายจากคนไข้โดยเร็ว และจะรู้สึกอิ่มเอมยิ่งกว่าอะไรเมื่อเห็นคนไข้ที่เขามีส่วนร่วมรักษาสามารถกลับไปอยู่กับครอบครัวด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
และเมื่อถึงจุดนี้..รู้สึกว่าตัวเองโชคดีแล้ว ที่แพ้พนันในวันนั้น
แทนไทมองสบสาวน้อยตรงหน้าแล้วก็หัวเราะขลุกขลัก เมื่อดวงตาใสแป๋วยังคงกะพริบปริบๆ
เขายักไหล่ก่อนพูดยิ้มๆ เอาน่าน้องผึ้ง..ในโลกนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนะครับ
หญิงสาวพยักหน้าตามคำพูดนั้น แม้อาการทึ่งจะยังไม่หาย และในนาทีต่อมา เขาก็เล่าประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นตอนเป็นนักเรียนแพทย์ให้ฟัง ซึ่งสะกดเธอให้คล้อยตามและลุ้นระทึกราวกับเข้าไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
ต่อค่ะ
| จากคุณ |
:
ระรินใจ
|
| เขียนเมื่อ |
:
22 ส.ค. 52 19:29:19
|
|
|
|