Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปีกอ่อนในรังร้าว - 2  

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8228390/W8228390.html

บทที่ 2

  พลทักษ์หลานรักค่อยโผล่หัวออกจากใต้ผ้าห่ม

  ใบหน้าเห่อแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนวานแลยุ่งแกมงัวเงีย ท่าทางเหมือนไม่เต็มใจตื่น

  ปากแห้งแกมซีดยังอ้ากว้างจนเกือบเห็นลิ้นไก่ข้างใน แถมยังส่งเสียงหาวดังไม่เกรงใจคนปลุก

  "เพิ่งจะแปดโมงเองลุงอ้าย จะรีบปลุกทำไม กว่าจะได้นอนเมื่อคืนก็ตีสี่แล้วนะ"

  "ใครบอกแกว่าแปดโมงเช้า คลานออกไปดูแดดเสียหน่อยไหม นี่มันบ่ายโมงกว่าแล้วต่างหาก แม่แกบ่นใส่หูลุง จนลุงอยากตัดหูทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไปอาบน้ำเลย ลุงจะกลับบ้าน ไม่คิดไปส่งลุงเลยใช่ไหม"

  "อ้าว"

  พลทักษ์หายงัวเงียทันที ร่างในชุดนอนยับย่นรีบผลุงขึ้นจากผ้าห่ม

  "กลับวันนี้หรือครับ ก็ไหนลุงอ้ายบอกว่าวันมะรืนนี่นา"

  "มีงานด่วนนิดหน่อยต้องรีบกลับไปสะสาง ไปอาบน้ำเถอะ ลุงจะไปรอแกข้างล่าง"

  "เอ้อ เดี๋ยวครับ เมื่อคืนไปส่งน้องชมเป็นไงบ้างครับ เจอป้าหญิงหน้าดุไหม"

  "เจอ แต่ก็ไม่ดุนี่ ท่าทางใจดี พูดจาก็ดี แกใส่ร้ายฝ่ายโน้นแรงไปนิดนะ"

  พลทักษ์เลิกคิ้วว่าเหลือเชื่อ เขาคร้านจะเถียงกับผู้เป็นลุงให้เสียเวลา

  สรวงทิพย์นะหรือใจดี พูดจาดี เธอเป็นป้าจอมเขี้ยว หวงหลานสาวเหมือนจงอางหวงไข่เสียมากกว่า

  เขาเจอเธอในงานเลี้ยง ทุกครั้งที่ตามบิดาไปเปิดหูเปิดตา เธอเนี้ยบเป็นสาวแก่เชียวล่ะ

  ดวงตาเคร่งก็ชอบสำรวจเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

  ในสายตาก็บอกเลยว่า เขาไม่เคยมีดี เขาแอบนินทาเธอลับหลังกับบิดาว่า

  "นิสัยไม่ดีเลยป๋า สายตาดูถูกชาวบ้านเป็นบ้า"

  แล้วสาวแก่นิสัยไม่ดีคนนั้นหรือ ที่ผู้เป็นลุงชื่นชมว่าท่าทางใจดี พูดจาก็ดี

  สายตาคนแก่ด้วยกันกระมัง จึงเข้าข้างกันเอง ฟังแล้วขนลุกเป็นบ้า

  พลทักษ์ทำท่าสยองก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ

  ขณะแช่ตัวลงในอ่าง ก็อดคิดเป็นห่วงชะตากรรมของเพื่อนสาวร่วมชั้นไม่ได้

  ป่านนี้มิโดนป้าหญิงจอมโหดแล่เนื้อเถือหนังตากแดดหมดตัวแล้วหรือ

  หล่อนเมาแประพูดจาไม่รู้เรื่องเสียขนาดนั้น เมื่อคืนนี้ เขาก็เมาหนักเอาการ

  จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามีเรื่องเกือบชกต่อยกับเพื่อนอีกคน

  เสียงเคาะประตูข้างนอกดังรัว ทำให้พลทักษ์หยุดคิดชั่วขณะ

  เขาก้าวลงจากอ่าง คว้าเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินไปเปิดประตู ส่งเสียงถามเหมือนรำคาญออกไปว่า

  "จะเร่งอะไรนักหนา อาบน้ำไม่ถึงชั่วโมง"

  "สองชั่วโมงต่างหาก"

  พลทักษ์เลิกคิ้ว ทำไมนานขนาดนั้นได้ เขารู้สึกเหมือนเพิ่งแช่ตัวในอ่างได้ไม่ถึงสิบนาทีเองนะ

  ร่างปราดเปรียวเดินไปสะบัดผมเปียกหน้ากระจก แล้วซับด้วยผ้าขนหนู

  ลากต่ำลงมาลูบหน้าใสและขาวเหมือนผู้หญิง

  เงาในกระจกก็สะท้อนภาพของหนุ่มน้อยวัยสิบหกหย่อนๆ ผิวขาวเนียน

  ใบหน้าหล่อเหลาสำอาง แก้มสองข้างเนียนเกินหน้าเกินตาผู้หญิง

  ปากแดงเรื่อยามเม้มนิดๆ ข้างแก้มก็จะปรากฏลักยิ้มบุ๋มลึกสองข้างทันที

  ไออินทร์นั่งมองความหล่อเหลาของหลานชายในกระจกด้วยความเอ็นดู

  เขาไม่ค่อยได้เข้ากรุงเทพบ่อยนัก งานประจำของเขาคือทำสวนยางบนเขาสูงของนราธิวาส

  ปกติก็จะขลุกชีวิตอยู่บนนั้น ไม่ค่อยลงไปสุงสิงกับผู้คนในเมืองเหมือนกัน

  หากเปรียบเทียบด้านผิวพรรณ ไออินทร์ผิวค่อนข้างคล้ำ

  เมื่อเขายืนข้างหลานชาย ก็มักจะถูกล้อว่าเป็นทางม้าลายทุกที

  ว่ากันด้วยเรื่องหน้าตา พลทักษ์หล่อใสไร้ตำหนิ ซึ่งมันก็เป็นไปตามวัยของหนุ่มรุ่นกระทง  

  วัยสามสิบห้าหย่อนๆ ของไออินทร์ จึงมีส่วนทำให้ความหล่อของเขา ไม่ค่อยใสเทียบชั้นกับหลานชาย

  "อีกไม่เกินห้าปี แกต้องสูงกว่าลุงแน่ๆ "

  เขาเปรยเมื่อเห็นหลานชายคู้แผ่นหลังลงเล็กน้อยตอนเปิดตู้เสื้อผ้า

  "นี่ถ้าแกใส่ใจกับกีฬามากกว่าผู้หญิง ลุงว่าดวงแกรุ่งกว่านี้"

  "โอ๊ย ไม่ไหวหรอกลุงอ้าย กีฬามันทำให้เหนื่อยเร็ว ผิวก็หมอง ลุงอ้ายก็รู้นี่ครับว่า แต้วน่ะหวงผิวขนาดไหน เรื่องอะไรที่แต้วต้องไปเสียเหงื่อกับเรื่องพรรค์นั้น"

  "แต่เหงื่อที่แกเสียไปกับเรื่องพรรค์อื่น มันก็ไม่ค่อยจะคุ้มเหมือนกันนี่"

  พลทักษ์หัวเราะชอบใจ ผู้เป็นลุงคงหมายถึงเหงื่อที่สูญเสียไปจากการพาสาวงามไปท่องแดนสวรรค์กระมัง

  เอ้า พรรค์นั้นต่างหากที่คุ้มค่า คนแก่ก็เป็นแบบนี้ คิดอะไรไม่ค่อยพ้นกรอบจารีต กลัวนั่นเกรงนี่ตลอดเวลา

  สุดท้ายแล้วเป็นไง จะสี่สิบรอมร่อยังหาคู่ครองที่ถูกใจไม่ได้สักคน

  "อยู่ต่ออีกวันสองวันน่านะ"

  เขาสวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้าอ่อน ท่อนล่างยังห่อด้วยผ้าขนหนู

  "แต้วยังพาลุงอ้ายเที่ยวไม่ทั่วกรุงเทพเลย"

  "ค่อยขึ้นมาอีกทีตอนวันเกิดอิ้นก็แล้วกัน"

  ไออินทร์หมายถึงอินทร์ลดา ผู้เป็นน้องสาวของเขา

  หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมารดาของพ่อหลานชายหน้าหล่อใส ที่ยังปั้นยิ้มหม่น ทอดตาอ้อน อยู่ข้างๆ

  "เสียดายจัง ปิดเทอมคราวนี้ แต้วจะอ้อนแม่ให้พาไปเยี่ยมสวนยางของลุงอ้ายบ้างนะครับ ว่าแต่สาวๆ ทางโน้น.. "

  "นี่แกไปไกลๆ ในหัวของแกคิดเรื่องอื่นบ้างก็ได้"

  "มีเรื่องไหนที่สนุกและน่าคิดกว่าเรื่องนี้เล่าลุงอ้าย"

  เขาย้อนกลับเสียงระรื่น ก่อนจะลุกไปรื้อหากางเกงถูกใจสักตัว

  "อ้อ จริงสิ แต้วว่าจะถามต่อนะ ลุงอ้ายได้คุยกับป้าหญิงหน้าดุนั่นหรือเปล่าตอนไปส่งน้องชมที่บ้านน่ะ"

  "คุยสองสามคำ หนูชมเอะอะเอาการ ลุงก็เลยถูกไล่ให้กลับ น้ำท่าก็ไม่ได้ดื่มสักหยด เท่านั้นยังไม่พอ กลับมาถึงทางนี้ ก็ต้องกลายเป็นกรรมการห้ามมวยศึกสะท้านใจนางเข้าอีก เหนื่อยเป็นบ้า"

  "นั่นปะไร"

  หลานชายตบมืออย่างสะใจ

  "แต้วก็คลับคล้ายคลับคลาแล้วเชียวว่าเมื่อคืนนี้ แต้ววางมวยกับเพื่อน แต่จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร"

  "เรื่องหนูชม เพื่อนแกเขาอยากไปส่งหนูชมที่บ้าน หรือพูดง่ายๆ ว่าเขาอยากทำคะแนนให้สูงกว่าแก แต่เพราะแกเจ้ากี้เจ้าการลากลุงไปส่งหนูชม"

  พลทักษ์กลอกตาครุ่นคิด เขาเริ่มจำหน้าเพื่อนตัวแสบได้แล้ว เจ้าไก่โต้งจอมเจ้าชู้ นายอโนมานั่นเอง

  เจ้าหมอนี่ เปรียบเสมือนหอกรอบแคร่ทีเดียว เขาอย่าได้เผอเรอเชียว ศัตรูจะพุ่งเข้าทิ่มแทงทันที

  "ใครแพ้ครับ"

  เขาถามผู้เป็นลุง แล้วโยนหวีที่ตัวเองหวีผมเรียบแปล้ไว้ข้างกระป๋องแป้งหน้ากระจก

  "เสมอ พ่อแกห้ามไว้บ้างแล้วก่อนลุงจะมาถึง แต่พ่อแกดวงไม่ดี โดนต่อยไปหนึ่งหมัด แม่แกก็เลยมาด่าลุงยกใหญ่เมื่อเช้านี้ไง"

  "อ้าว เกี่ยวอะไรกับลุงครับ"

  "เพราะลุงเป็นผู้ใหญ่คนเดียวในงานของแกไงไอ้หลานรัก แต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหม ใช้ได้ หล่อใสไร้ปัญญาดีจริงๆ ไปกันเถอะ"

  พลทักษ์หัวเราะเคืองๆ แต่ก็ยอมให้คุณลุงผิวคล้ำลากแขนออกจากห้องลงมาถึงห้องโถงชั้นล่าง

  มารดากระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะพอดี พอเห็นหน้าเขาก็ด่าเลย

  "แกนะ วันๆ ก็ดีแต่ทำเรื่องให้ฉันปวดหัว นี่แกรู้บ้างไหม วันนี้ฉันต้องคอยรับโทรศัพท์จากสารพัดแม่ๆ ของสาวๆ ที่มาเมาแอ๋ในงานของแกเมื่อคืนนี้ ฉันจะอัดคำขอโทษใส่เทปไว้แล้วนะยะ"

  ไออินทร์อมยิ้ม พ่อหลานชายยืนหลบเยื้องข้างหลัง มือก็รุนให้เขาเดินนำเป็นทัพหน้า

  เขายักไหล่ใส่ประกายตาขึงขังของน้องสาว พอนั่งลง แม่น้องสาวก็เอะอะอีก

  "อะไรก็ไม่ว่านะ คนอื่นยังพอคุย แต่กับคุณสรวงทิพย์ อิ้นโดนตำหนิเสียหูชา เธอไม่ฟังคำขอโทษเสียด้วยซ้ำ แถมยังสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้พ่อหลานชายตัวดีของพี่อ้ายไปเกาะแกะหลานสาวของเธออีก"

  "แต้วน่ะหรือเกาะแกะ ป้าหญิงคนนี้เข้าข้างหลานสาวตัวเองชะมัด"

  พลทักษ์รีบร้องประท้วง เขานั่งกระแซะข้างคุณลุงผิวคล้ำ ไม่กล้านั่งข้างมารดา กลัวโดนหยิก

  "น้องชมเป็นฝ่ายก้อร่อก้อติกกับแต้วเองนะครับแม่ อย่าฟังความข้างเดียว งานเมื่อคืน แต้วก็ไม่ได้ชวนนา น้องชมเสนอตัวอยากมาเอง"

  "แกจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ"

  อินทร์ลดาเลยตวาดเข้าให้

  "เก่งจริง แกก็ไปพูดแบบนี้ต่อหน้าป้าหนูชมเอาเองเถอะ แล้วแม่ขอสั่งห้ามเด็ดขาดเหมือนกันนะ ห้ามเลยนะนายแต้ว ต่อไปอย่าไปยุ่งกับหนูชมอีก ถ้าแกดื้อด้าน แม่จะแพ่นกบาลให้แยกเหมือนคราวจับได้ว่าพ่อแกแอบเลี้ยงอีหนูทีเดียว"

  ไออินทร์อมยิ้มอีก เมื่อพ่อหลานชายคล้องแขนแนบแก้มใสช้อนตาอ้อนเหมือนขอพึ่งใบบุญ

  อินทร์ลดาตวัดค้อนพ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

  ตอนเด็กๆ หล่อนฟูมฟักประคบประหงมเหมือนลูกเทวดาจะตาย

  ก็เพิ่งจะย่างเข้าสู่วัยรุ่นนี่แหละ จึงค่อยปล่อยปละบ้าง

  "ถ้าอิ้นรู้ว่าปล่อยปละให้มีอิสระบ้าง แล้วจะก่อผลงามหน้าไม่รู้จบแบบนี้นะ อิ้นจะขังให้อยู่แต่ในบ้านเหมือนเดิมดีกว่า ทุกวันนี้ อิ้นก็นอนสะดุ้งเหมือนคนมีทองเท่าหนวดกุ้งทุกคืน ได้ยินเสียงโทรศัพท์ทีไร ใจแป้วทุกที กลัวจะปะทะกับโจทก์"

  น้องสาวเคยบ่นยาวเหยียดให้ฟังทางโทรศัพท์ เวลากลุ้มจัด ไม่ทราบจะระบายออกทางไหน

  อินทร์ลดาก็มักจะใช้เขาเป็นคูคลอง ปลดปล่อยอารมณ์เสียจนหมดไส้หมดพุงทุกที

  "เดือนก่อนรู้ไหมคะ อิ้นลมแทบจับ ต้องเสียเงินสองแสนปิดปากพ่อแม่ฝ่ายหญิงที่มาทำทีร้องห่มร้องไห้ว่านายแต้วไปย่ำยีลูกสาวเขา ก็ไม่ใช่ว่าเสียใจอะไรมากมายหรอก ใจจริงก็ข่มขู่กรายๆ อยากได้เงิน พออิ้นเซ็นเช็คให้เท่านั้นแหละ จบ"

  "เด็กวัยรุ่นก็เป็นอย่างนี้ ดึงให้ตึงเกินไปก็ขาด หย่อนจนยานเกินไปก็ร่วง แกเองก็เคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาแล้วนี่ ตอนนั้นพ่อกับแม่ห้ามแทบตาย แกฟังหรือ"

  น้องสาวมักจะเงียบเสียงลงทันทีที่เขาเอ่ยพาดพิงวีรกรรมสมัยเป็นสาวรุ่นใจร้อน

  หล่อนก็ไม่ต่างจากบุตรชาย วันคืนที่ผ่านไป ถูกปรุงแต่งสีสันด้วยความเปรี้ยวเกินพิกัดของตัวเอง

  เพื่อนชายมากหน้าหลายตาพาเข้าบ้าน จนบิดามารดาจำแทบไม่หวาดไม่ไหว

  แต่ก็ยังดีที่ไม่ถึงกับแหกคอกผิดจารีต รักใครชอบใครก็พากันมาทาบทามสู่ขอตามประเพณี

  "แต่งงานกันเสียให้เรียบร้อย ผู้ใหญ่ก็จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย จะไปเรียนไกลแค่ไหนก็หายห่วง"

  และนั่นก็คือเหตุผลที่น้องสาวต้องรีบวิวาห์ด้วยวัยเพียงสิบห้าเศษๆ กับเจ้าบ่าวซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับเขา

  ทั้งสองต้องไปเรียนต่อต่างประเทศตามความต้องการของผู้ใหญ่ฝ่ายชาย

  แต่ภายหลัง น้องสาวก็ต้องหยุดเรียนชั่วคราว เพราะการตั้งครรภ์เป็นเหตุ

  และนี่ก็คือเหตุผลที่พลทักษ์สนิทสนมคุ้นเคยกับผู้เป็นลุงอย่างเขา

  เพราะในระหว่างที่น้องสาวกลับไปเรียนต่อหลังให้กำเนิดพ่อหลานชายแล้ว

  เขานี่เอง คือพี่เลี้ยงจำเป็น คอยเลี้ยงดูอุ้มชูพ่อหลานรักมาตลอดหกปี

  กว่าน้องสาวจะเรียนจบสมใจบิดามารดา พลทักษ์เกือบเข้าใจผิด หลงคิดว่าเขาเป็นพ่อไปเสียแล้ว

  "แล้วดูซิ วันนี้ก็ตื่นไม่ไหว โรงร่ำโรงเรียนก็หยุดอีก พ่อเทวดา มีปัญญาทองมาแต่เกิด ไม่เรียนก็ฉลาดได้ เก่งเกินหน้าเกินตามนุษย์ นี่ถ้าอิ้นไม่ติดว่าเป็นลูกนะ อิ้นจะยกคืนให้พี่อ้าย พาไปหมกไว้ในสวนยาง ให้หน้าจืดผิวดำเหมือนพี่อ้ายเลย"

  พลทักษ์รีบปิดปากกลั้นหัวเราะ แต่ไม่สำเร็จ ขมับโดนถองด้วยข้อศอกของผู้เป็นลุงเบาๆ

  มารดาช่างบ่นได้เปรี้ยวสุดใจ ท่านบรรยายภาพหนุ่มสวนยางได้เห็นภาพอย่างกระจ่าง

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 52 09:04:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com