ความคิดเห็นที่ 1 |
เขาอยากแย้งเล็กน้อยว่า หน้าหล่อของผู้เป็นลุงน่ะไม่จืดหรอกนะ
เพราะเมื่อคืนนี้ เพื่อนสาวหลายคนที่เพิ่งเห็นหน้าคุณลุงเป็นครั้งแรก ยังพากันชมเปาะว่าหล่อเข้ม
"ตรงสำนวนฝรั่งเป๊ะเลย ดาร์ค ทอล แอนด์ แฮนซั่ม" กรรณิการ์ บุตรสาวหน้าหวานของท่านรัฐมนตรีช่วยอนุเดช ยังถึงกับละเมอเพ้อพก
อยากพาตัวเข้าไปตีสนิท ถึงขั้นอยากไปทำความรู้จักให้ถึงสวนยางโน่น
"แกไม่ต้องมาทำหน้าเป็น แล้วจำคำสั่งของฉันให้ขึ้นใจเลยนะนายแต้ว กับคนอื่นฉันไม่รู้ แต่กับคุณสรวงทิพย์คนนี้ ฉันขอ"
มารดากำชับขู่ให้ได้ยินอีก แต่พอเสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะขึ้น
พลทักษ์เห็นสายตาเอือมระอาระคนกริ่งเกรงพราวขึ้นในดวงตาของท่าน ก็เลยอดหัวเราะไม่ได้อีก
"หนูชม"
อินทร์ลดาทำหน้าเหมือนปลง มือเขย่าโทรศัพท์เหมือนชั่งใจว่าควรอนุญาตให้บุตรชายรับสายดีหรือเปล่า
แล้วตอนท้ายก็ตัดสินใจยื่นส่งให้พี่ชาย
"พี่อ้ายรับก็แล้วกัน โกหกอะไรก็ได้ อิ้นไม่อยากพูดด้วยเลย ส่วนแก.. "
หล่อนชี้หน้าขึงขัง กำราบกิริยากระตือรือร้นของบุตรชาย แล้วค่อยปรามลอดไรฟัน
"หยุดไปเลยนะ ไปชงกาแฟมาให้แม่กับลุง ไป"
ไออินทร์อมยิ้มใส่ดวงตาอ้อนของหลานชาย
เอาเถอะ เขาจะพยายามประนีประนอมไฟร้อนของหนุ่มสาววัยรุ่นให้ดีที่สุดก็แล้วกัน
อ้อ ไฟร้อนในดวงตาของน้องสาวก็เหมือนกัน ยังไงก็จะช่วยดับให้มอดแสงลงอย่างดีที่สุด "เอ้อ นี่ลุง.. "
"ฉันคงเข้าใจผิดไปเองสินะ หรือไม่ก็โดนเด็กมันตบตาเอาจนเข้าใจไขว้เขว คุณเรียกตัวเองว่าลุง แสดงว่าอาวุโสพอสมควร คุณคิดว่ามันเหมาะสมแค่ไหน ที่ใช้วัยภูมิฐานของตัวเองมาหลอกล่อให้เด็กมันลุ่มหลง"
"เอ้อ นี่ผมคือ.. "
"อันที่จริงหน้าตาคุณก็ดูดี ท่าทางก็ภูมิฐานใช้ได้ ทำไมจิตใจสกปรก คิดล่อลวงหวังหลอกเคลมเด็กสาวๆ ตายอดตายอยากนัก ทำไมไม่ไปพึ่งบริการตามอ่างอบนวด เสียเงินเสียทองนิดหน่อย คุณก็มีความสุขอย่างถูกต้องและไม่ผิดกฎหมายหรือศีลธรรม"
"เอ้อ ผม.. "
"หวังว่านี่จะเป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายนะ อย่าให้ฉันจับได้อีกว่าคุณใช้นายแต้วมาเป็นสะพาน ล่อให้หลานสาวข้ามไปเสียผู้เสียคนกับคุณ ไม่งั้นคุณกับฉันต้องได้เห็นดีกันแน่ อ้อ คุณชื่ออะไร"
"ไออินทร์ครับ"
"ฉันชื่อสรวงทิพย์ ท่องใส่หัวไว้นะว่า ฉันเป็นป้าของชมชนก และไม่เห็นดีเห็นงามให้คุณมาหลอกลวงหลานสาวฉันไปเสียผู้เสียคนแบบชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็ขอให้จดจำคำขอร้องครั้งสุดท้ายของฉันไว้ให้ดีด้วยล่ะ"
ไออินทร์ห่อปากพร้อมกับโคลงศีรษะ เขาอยากหัวเราะคนพูดลิ้นรัวและยาวเป็นขบวนรถไฟ
เธอพูดออกมาได้ยังไงว่าขอร้อง
อย่าให้จับได้ หรือ ต้องได้เห็นดีกันแน่ ถ้อยคำแบบนี้ เธอคิดได้ยังไงว่ามันเป็นคำขอร้อง
เธอไม่รู้สึกตัวเลยหรือว่า กำลังข่มขู่เขาอยู่ชัดๆ เลย
"ว่าไงคะพี่อ้าย ทำไมทำหน้าแปลกๆ แบบนั้น เด็กมันอ้อนละสิ อย่าเผลอใจอ่อนนะคะ ป้า.. "
"พี่รู้แล้ว แกเองก็คอยกำชับคนของเราให้เข้มงวดก็แล้วกัน เพราะดูไปแล้ว นายแต้วคงไม่เหมาะจะคบหากับหนูชมไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม"
"ทำไมคะ"
น้องสาวรีบย้ายมานั่งเกาะแขน
"หนูชมทำท่าจะหลงเสน่ห์นายแต้วขนาดหนักเกินเยียวยาหรือไงคะ อ้อ หรือว่านัดแนะให้พาหนีตามกันไปหรือคะ ตายแล้ว พี่อ้ายห้ามใจอ่อนตามใจหลานนะ อิ้นหัวใจ.. "
"แกจะบ้าหรือไง ตีโพยตีพายผีทะเลแบบนั้นออกมาได้ยังไง นี่พี่นะ แกนึกว่าพี่เป็นใคร วัวแก่เหมือนนายไหมของแกหรือไง"
อินทร์ลดาหน้าหงิกลงทันที เมื่อพี่ชายพาดพิงถึงสามีจอมเจ้าชู้
หล่อนสะบัดตัวกระฟัดกระเฟียด ตวัดค้อนขุ่นเคือง แล้วค่อยย้ายกลับไปนั่งปั้นปึ่งที่เดิม
บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนย้อนกลับมาพร้อมกับกาแฟร้อนสองถ้วย
หล่อนก็เหลือบตาแลอย่างเสียไม่ได้ ตวัดค้อนขวับเข้าให้อีก
"มีอะไรหรือลุงอ้าย"
พลทักษ์เอียงหน้ากระซิบถามผู้เป็นลุง "ไม่มีอะไร โรคประสาทของแม่แกกำเริบนิดหน่อย"
เขาตอบขำๆ รับถ้วยกาแฟมาจากมือหลานชาย
"น้องชมว่าไงบ้างครับ"
"แกไม่ต้องรู้"
พลทักษ์ตาโต เขาถามคุณลุงนะ ทำไมมารดาต้องชิงตอบเสียงแว้ดแบบนั้นด้วย
คุณลุงก็ไม่เดือดร้อนอะไร ท่าทางจิบกาแฟก็ละเมียดละไม แล้วไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก "อะไรนะ คุณไหมน่ะหรือถูกรถชน ที่ไหน ว่าไงนะ หน้าโรงแรมม่านรูดหรือ บ้าจริงๆ "
ท่าทางจิบกาแฟละเมียดละไมของไออินทร์ก็เลยกระตุก
เขารีบวางถ้วยลง หันไปสบตากับพ่อหลานชายแวบหนึ่ง
พลางย้ายไปนั่งจับมือน้องสาวที่ระบายความเกรี้ยวกราดตบโซฟาโครมๆ
"ไม่เอาน่า เกิดอะไรบอกพี่มาซิ ใครถูกรถชน นายไหมหรือ"
"เขาไปทำอะไรแถวนั้นคะ แล้วทะเล่อทะล่ากันยังไงถึงถูกรถชนเอาได้"
"อาจจะเป็นไปได้ว่าจอดรถไว้อีกฝั่ง ข้ามไม่ไหว เพราะเข่าอ่อนเสียก่อน"
"นายแต้ว"
พลทักษ์รีบหุบปาก เพราะมารดากับคุณลุงร้องตำหนิพร้อมเพรียงกัน
ลำพังสายตาระอาของคุณลุง เขาก็พอทนมอง แต่สายตาอยากหักคอของมารดา ไม่กล้ามองนานๆ
"พี่อ้ายพาอิ้นไปโรงพยาบาลก่อนนะคะ แล้วค่อยกลับ แกก็ไปด้วย อยู่บ้านเฉยๆ เดี๋ยวก็นัดแนะสาวไปทำบัดสีบัดเถลิงอีก"
"แต้วไม่เคย"
พลทักษ์เถียงคำไม่ตกฟาก มุมปากพรายยิ้มกริ่ม แต่ไม่หลบเมื่อผู้เป็นลุงยื่นมะเหงกมาเขกหัว
เขารักไออินทร์มากกว่ารักบิดาเสียอีก ตอนหกขวบ มารดาไปรับเขาที่บ้านใหญ่กลางสวนยาง
เขาร้องไห้จะเป็นจะตาย เพราะไม่อยากจากผู้เป็นลุงมาอยู่กรุงเทพ
กว่าเขาจะปรับตัวให้คุ้นเคยกับสังคมเมือง แถมยังเป็นเมืองหลวงอีกด้วย
ไออินทร์ต้องขึ้นล่องกรุงเทพนราธิวาสเป็นว่าเล่นนานเกือบสามปีทีเดียว
"ฤกษ์กลับบ้านขลุกขลักนะครับ แต้วว่าลุงอ้ายเลื่อนไปกลับเป็นพรุ่งนี้มะรืนนี้ดีกว่านา"
พ่อหลานชายเดินกอดแขนออกจากห้องโถง พยายามเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงออดอ้อน
เขาไม่ค่อยเต็มใจไปดูอาการของบิดาที่โรงพยาบาลนัก เพราะทราบดีว่าท่านคงไม่หนักหนาสาหัส
แต่คนขับรถจอมกะล่อนเหมือนเจ้านายนี่สิ ทำเสียเรื่อง รีบโทรมารายงานมารดา
แถมยังบรรยายสถานที่เกิดเหตุละเอียดยิบเสียอีก "ลุงมีงาน จะให้ทิ้งไปได้ยังไง แกก็อย่าดื้อกับแม่นัก ทำตัวเป็นลูกที่ดี ว่านอนสอนง่ายหน่อย เรื่องผู้หญิงก็ถอยๆ ออกมาบ้าง จำที่ลุงเคยให้สัญญาไว้ได้หรือเปล่า หากผลการเรียนแกเข้าท่า ลุงจะส่งแกไปเรียนเมืองนอกเอง"
"จำได้ เมื่อก่อนก็อยากไป แต่ตอนนี้เฉยๆ นี่ ผลการเรียนก็เลยเรื่อยๆ ไปเรียงๆ "
อินทร์ลดาก้าวยาวๆ ลงจากบันไดหน้าระเบียงมาสมทบกับพี่ชายที่รถ
หล่อนเร่งให้บุตรชายไปนั่งข้างหลัง เร่งพี่ชายให้ขับเร็วหน่อย
สีหน้าของหล่อนตอนนี้ พี่ชายกับบุตรชายเดาไม่ค่อยออกว่าห่วงใยหรือคลั่งแค้น
"คอยดูนะคะพี่อ้าย เจอหน้าปุ๊บ อิ้นจะฟาดหน้าด้วยขวดน้ำเกลือนั่นเลย กลางวันแสกๆ ยังริอ่านพาผู้หญิงเข้าม่านรูด ตัณหาจัด จนติดไปถึงลูกแล้ว ยังไม่สำนึก"
"อะไรกัน"
พลทักษ์รีบกระเถิบจากเบาะหลัง ยื่นหน้ามาประท้วง
"จะด่าพ่อก็ด่าสิครับ ทำไมต้องมาแขวะลูกด้วย แต้วกับป๋า ฝีมือคนละชั้นอยู่แล้วน่า"
"คนละชั้นหรือ นี่แน่ะ คนละชั้น เดี๋ยวแม่ก็ตบกบาลแยก"
พลทักษ์เกือบจะประท้วงซ้ำว่า มารดาไม่ได้เดี๋ยว แต่ตบแก้มเขาดังเผียะหนักๆ แล้วต่างหาก
เขาแค่ล้อเล่นคลี่คลายบรรยากาศ ทำไมต้องจริงจังด้วย ผู้ชายกับผู้หญิงเป็นของคู่กันไม่ใช่หรือ "ผู้หญิงกับผู้ใหญ่นี่ นิสัยเหมือนกันจริงๆ ไม่เคยเข้าใจผู้ชายและเด็ก"
ไออินทร์อมยิ้ม เหลือบตามองหน้ามุ่ยของหลานชายทางกระจก
นึกสงสารแก้มใสที่โดนมารดาฟาดเข้าให้
อินทร์ลดาข้างๆ ก็ยังไม่เลิกทำหน้าตูม ปากก็พึมพำอะไรก็ไม่ทราบ มันไม่มีเสียง เขาก็เลยเดาไม่ออก
"ฟ้ามืดแบบนี้ อีกเดี๋ยวฝนต้องตกแน่เลย"
พลทักษ์เปรยขึ้น พอหน้าหายเจ็บ ก็เริ่มเสนอกลับเข้าไปใกล้ฝ่ามือมารดาอีกแล้ว
"แม่เกลี้ยกล่อมลุงอ้ายหน่อยสิครับ ฟ้ามืดแบบนี้ ขับรถทางไกลอันตรายนะ กลับพรุ่งนี้มะรืนนี้ น่าจะปลอดภัยกว่า"
"นั่นสิ อิ้นเห็นด้วย พี่อ้ายค่อยกลับนะคะ อยู่ดูใจพ่อน้องเขยตัวแสบก่อนดีกว่า"
อ้าว พลทักษ์หันไปทำตาโตกับผู้เป็นลุง
มารดายังไม่เลิกคิดอาละวาดบิดาอีกหรือ เขาก็หลงดีใจว่าเออออด้วย
ไออินทร์ยังคงยิ้มละไมไปตามเรื่องตามราว เขามีธุระร้อนทางโน้นจริงๆ ไม่งั้นก็อยากอยู่ต่อ
เพื่อรอชมบทอวสานชั่วครู่ชั่วยามของน้องเขยจอมเจ้าชู้เหมือนกันนั่นแหละ
| จากคุณ |
:
รัชนีกานต์
|
| เขียนเมื่อ |
:
24 ส.ค. 52 09:05:59
|
|
|
|