Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 3 จบการเดินทาง  

ลาวใต้ในความทรงจำ วันที่ 3 จบการเดินทาง

เราช้ากว่ากำหนดการมาก กว่ามื้อเที่ยงจะตกถึงท้องเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบๆ จะบ่ายสองโมงแล้ว ถึงแม้ว่าช่วงเช้าที่ผ่านมาดูเหมือนจะเป็นสถานที่เที่ยวที่เดินค่อนข้างจะสบายๆ แต่ด้วยอากาศที่ร้อนมากเหลือเกินบวกกับฝุ่นที่ตลบอบอวลนั่นเองทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยกว่าความเป็นจริงมาก

ร้านอาหารที่เรากินมื้อเที่ยงนั้นค่อนข้างจะเรียบๆ ธรรมดาๆ รวมถึงเมนูอาหารก็เช่นกัน (ทางร้านคงทำรอไว้นานมากครับ พอพวกผมมามดก็ขึ้นไข่เจียวไปเรียบร้อยแล้ว) สิ่งที่พอจะทำให้ร้านอาหารนี้ดูดีขึ้นมาบ้างเห็นจะเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านหลังร้าน

"พวกเราเลทกันมามากเลยครับตอนนี้ เอาเป็นว่าพวกเรารีบไปก่อนเลยละกันนะครับ ถึงก่อนกินก่อน ไปเที่ยวก่อน ใครเห็นชอบด้วยครับ"

ไกด์ขอความเห็นบนรถซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าใครก็คงเห็นชอบด้วยทั้งนั้น ดังนั้น พวกเราจึงใช้ความเร็วในการกินราวพายุพัดทีเดียวสำหรับมื้อนี้ และเมื่อคันของเราพร้อมก็ออกเดินทางไปยังสถานที่เที่ยวที่สุดท้ายทันที

"คอนพะเพ็ง" เป็นชื่อของสถานที่สุดท้ายที่เรากำลังจะไปเยือน

"คอนพะเพ็ง มีฉายาว่ามหานทีสี่พันดอน คือเป็นน้ำตกและแม่น้ำที่มีดอนผุดขึ้นมาเยอะมาก แต่ว่าเค้านับหมดนะครับ ผุดเล็กผุดใหญ่นับทั้งนั้น"

ไกด์แนะนำคร่าวๆ ให้ฟัง ช่วงนี้รถค่อนข้างแล่นไปได้สบายๆ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถดูบรรยากาศภายนอก แต่ความกระตือรือล้นหายไปหมดแล้ว บอกตรงๆ ว่าถึงตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยรู้สึกสนุกอะไรแล้วเพราะเหนื่อยและเพลียมากกว่า (อาหารแต่ละมื้อก็ไม่ค่อยถูกปากอีกต่างหาก)

รถทัวร์จอดห่างจากตัวน้ำตกพอสมควร เราต้องลงเดินต่อเข้าไปโดยที่ทางเดินเข้าเป็นทางราดยางมะตอยเรียบร้อยแล้ว ลักษณะจะเป็นทางลาดลงไปเรื่อยๆ ด้วยองศาที่ไม่มากแต่รู้สึกได้

ลักษณะจะเหมือนกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ผ่านมาคือบริเวณด้านซ้ายมือจะมีที่ว่างๆ ให้ตั้งร้านขายของกัน แต่ที่นี่จะมีความแตกต่างจากที่อื่นที่เห็นได้ชัดๆ คือ นอกจากจะชมน้ำตกแล้วที่นี่จะมีการปลูกต้นไม้ จัดสวนให้ดูร่มรื่นและให้เดินเที่ยวกันได้

นักท่องเที่ยวที่นี่ค่อนข้างจะเยอะมากทีเดียวอาจเพราะอยู่ไม่ไกลจากถนนหลวงและมีทั้งของกินของขายให้จับจ่ายอีกด้วย

เดินมาได้สักพักก็เห็นน้ำตกซึ่งลักษณะของมันแทบไม่ต่างจากที่น้ำตกหลี่ผีเลย คือจะมีลักษณะเหมือนลำน้ำที่น้ำไหลเชี่ยวมากๆ แต่ที่นี่น้ำจะมีมากกว่าเท่านั้นเองครับ

ผมเดินมาถึงจุดที่คิดว่าสามารถชมน้ำตกได้สวยที่สุดเพราะมีการสร้างศาลาประมาณว่าให้เป็นจุดชมวิว แต่พอผมขึ้นไปที่ศาลาต้องขอบอกว่าคนเยอะมากเสียจนเข้าไปไม่ถึงจุดชมวิวเลยทีเดียว สิ่งที่พอจะทำได้คือรีบถ่ายรูป (ติดคนมาก็ไม่เป็นไรดีกว่าไม่ได้รูป) แล้วรีบเดินไปดูที่อื่นต่อ

หลังจากเดินลงมาจากจุดชมวิวก็เดินรอบๆ บริเวณเก็บภาพอยู่พักหนึ่งผมก็ตัดสินใจเดินกลับไปยังรถทัวร์ ซึ่งก่อนที่จะขึ้นรถทัวร์ก็แวะไปดูของฝากเสียหน่อย ก็เป็นพวกของประดับบ้านที่ฝั่งบ้านเราก็มีขายครับก็เลยไม่ได้อะไรติดมือมา

แต่ในบรรดาของที่ผมและคณะทัวร์ดูมีอยู่ชิ้นหนึ่งที่แปลกตาแปลกใจ พวกเราเลยเข้าไปมุงดูกัน (คนขายขี่มอเตอร์ไซด์มาแล้วก็เอาของชิ้นนี้ใส่ไว้ในตะกร้าหน้ารถ)

"นี่อะไร" หนึ่งในพวกเราถาม

แทนคำตอบ พ่อค้าแกะห่อที่มีลักษณะห่อเป็นหลอดด้วยใบอะไรซักอย่าง (บังเอิญอีกแล้วว่าผมรู้จักต้นไม้แบบนับชื่อได้ทีเดียว)

"น้ำตาลก้อน ลองชิมดู" พ่อค้าพูดยิ้มหวานพร้อมกับส่งก้อนสีๆ ลักษณะเหมือนขนมหวานที่อยู่ในมือให้พวกเราได้ชิม

แต่เท่าที่เห็นรู้สึกว่าพวกเราจะไม่มีใครกล้าชิมเลยแม้แต่คนเดียว เพราะสีเข้มๆ ของมันนี่ล่ะที่ทำให้พวกเราไม่แน่ใจที่จะลอง

เมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้วรถก็เคลื่อนขบวนเพื่อที่จะกลับไปนอนที่ฝั่งไทยในคืนนี้ โดยก่อนที่จะเคลื่อนตัวผ่านสะพานมิตรภาพ ลาว-ญี่ปุ่น รถก็แวะให้เราเข้าห้องน้ำห้องท่าที่โรงแรมอีกครั้งในช่วงเวลาประมาณเกือบหกโมงเย็น

ช่วงเวลาประมาณหกโมงเย็นยามที่ดวงอาทิตย์สีแดงสดกำลังจะลับขอบฟ้า ผมยกกล้องที่คล้องอยู่ที่คอมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกสุดท้ายสำหรับการมาเยือนลาวในครั้งนี้ (รู้สึกสมหวังเพราะอยากถ่ายรูปนี้มาตั้งแต่วันแรกแต่กลับมาตอนพระอาทิตย์ตกดินแล้วทุกที)

พวกเรากะว่าจะกลับไปซื้อของที่ร้านค้าปลอดภาษีก่อนกลับเข้าฝั่งไทยอีกครั้งก่อน ถึงแม้ว่าคนขับจะพยายามเร่งให้แล้ว แต่เนื่องจากในช่วงที่ตะวันลับของฟ้าไปแล้วอีกทั้งแสงไฟทางที่ฝั่งลาวนั้นแทบจะไม่มีเลย ทำให้ตอนเรากลับไปถึงด่านช่วงประมาณทุ่มกว่าๆ (หรือเกือบจะสองทุ่ม) ร้านค้าก็ปิดหมดแล้ว

ในวันนั้นอาหารมื้อเย็นก็ตกถึงท้องในช่วงเกือบสองทุ่มนั่นล่ะครับ และอีกเช่นเคยที่ในคืนนี้ผมก็หลับสนิทเหมือนเดิม

เราเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังอาหารเช้าที่โรงแรม โดยที่หลังอาหารเช้าพอมีเวลาอีกหน่อยหนึ่ง บางคนก็เหมารถสามล้อออกไปซื้อของฝาก ส่วนผมก็อยู่เก็บภาพหน้าโรงแรมซักหน่อยให้รู้ว่าเคยไปที่นี่มาแล้ว

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ก็คงเป็นเรื่องความเป็นมิตรและความเรียบง่ายของชาวลาวครับที่ทำให้ผมประทับใจ มันเป็นบรรยากาศที่ผมรู้สึกเหมือนกับได้ย้อนกลับไปสู่ในช่วงเวลาที่ผมยังเป็นเด็กที่อะไรๆ ในประเทศของเรายังไม่ก้าวหน้าขนาดทุกวันนี้ เด็กๆ ก็ยังคงวิ่งเล่นไล่จับ เก็บดอกไม้ใบไม้กันตามประสา

ส่วนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ผมคิดว่ามันอาจจะเหมาะกับคนที่ชอบลุยๆ หน่อยหรือไม่ก็เด็กนักเรียนนักศึกษาที่กำลังยังเหลือเฟือครับ

หากผมมีโอกาสได้ไปอีกครั้งผมก็อยากที่จะตื่นเช้าๆ ไปเดินตลาด นั่งกินกาแฟที่ร้าน ดูวิถีชีวิตของชาวลาวมากกว่าที่จะต้องไปลุยขนาดนี้ (จริงๆ ผมก็ชอบลุยๆ นะ แต่ครั้งนี้มันก็เกินไป โปรแกรมทั้งเช้าบ่ายแบบไม่มีเวลาพักไม่มีเวลาเดินเล่นเลยทีเดียว)

ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการเดินทางสำหรับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ หากมีโอกาสได้ไปไหนในครั้งต่อไปก็หวังว่าจะได้นำมาเล่าสู่กันฟังอีกครับ

วันที่ 1

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8058581/W8058581.html

วันที่ 2 แปดโมงเช้า

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8067511/W8067511.html

วันที่ 2 สิบโมงครึ่ง

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8078605/W8078605.html

วันที่ 2 เที่ยงครึ่ง

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8090063/W8090063.html

วันที่ 2 สี่โมงครึ่ง (เย็น)

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8101998/W8101998.html

วันที่ 3 เจ็ดโมงเช้า

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8217981/W8217981.html

วันที่ 3 สิบโมงครึ่ง

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8241346/W8241346.html

ความแรงของน้ำตกคอนพะเพ็ง

 
 

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:39:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com