 |
บ้านสีขาว ประตูสีอิฐ และรั้วสีม่วง ตอนที่ 10 : วรรณกรรมเอก
|
|
ตอนที่ 10 : วรรณกรรมเอก
แหะ เห็นชื่อตอนยาวเหยียดและออกจะอลังการด้วยชื่อวรรณกรรมเอกอย่างนี้อย่าตกใจกันไปนะคะ เป็นแค่ชื่อวิชาที่อินจะต้องเรียนเท่านั้นเองค่ะ
อินไม่รู้ว่าการเรียนภาษาในเมเจอร์อื่นเขาจะแบ่งการเรียนเป็นสายภาษา (หรือสายไวยากรณ์) กับสายวรรณคดีอย่างภาษาไทยหรือเปล่า แต่ตามความเข้าใจอินคิดว่าน่าจะออกแนวครือๆกันนะคะ
อย่างที่อินบอกไว้ในตอนก่อนแล้วว่า อินอยู่ปีสามก็จริง แต่อินชอบลงวิชาของปีสี่อยู่เรื่อย วิชาวรรณกรรมเอกของโลกนี้ก็เป็นวิชาของปีสี่เหมือนกันด้วยนะคะ แถมยังเรียนตอนแปดโมงเช้าหน้าหนาวเสียอีก ถึงอินจะขี้เกียจลุกออกจากผ้าห่มแสนอุ่นแค่ไหนก็ต้องฝืนทนค่ะ เพราะวิชานี้อาจารย์เช็คชื่อด้วยน่ะสิคะ ถ้าโดดถูกตัดคะแนนด้วย แถมวิชานี้ไม่ค่อยมีนักศึกษาคนไหนกล้าหืออือ เพราะอาจารย์ผู้สอนเป็นถึงคณบดีค่ะ วิชานี้เลยมีนักศึกษามาเรียนครบทุกคน น้อยครั้งเหลือเกินที่จะขาดเรียน หากไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆนะคะ แถมวิชานี้เป็นวิชาเอกบังคับ ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้พ้นค่ะ ทีแรกอินคิดว่าวิชาเอกโลกเนี่ย เป็นวิชาเลือก ก็เลยกะว่าจะไม่ลงล่ะ แต่จะไปลงวิชาลีลาศของคณะศึกษาศาสตร์แทน เป็นอันหมดหวังค่ะ เพราะเวลาเรียนชนกันจังเบ้อเร่อเลย ถึงอยากเป็นสาวไฮโซแค่ไหน วิชาเมเจอร์ก็ต้องมาก่อนค่ะ
วิชาวรรณกรรมเอกของโลกนี่นะคะ จะเป็นวิชาที่เราสามารถเรียนรู้วรรณกรรมชั้นเอกจากทั่วทุกมุมโลกภายในระยะเวลาแค่ 1 เทอมเท่านั้นค่ะ ที่เอ่ยชื่อแล้วน่าจะรู้จักกันก็มี คีตาญชลี ปรัชญาชีวิต (The Prophet) โรเมโอกับจูเลียต ความฝันในหอแดง รามายณะ มหาภารตะ อะไรเทือกๆนี้ค่ะ อินเห็นเอกสารประกอบการเรียนวิชานี้แล้ว อินต้องขอคารวะอาจารย์ผู้สอนท่านจริงๆ ที่ท่านสามารถสรุปเรื่องราวมาให้นักศึกษาได้เรียนรู้ขนาดนี้
เริ่มแรกที่เรียนนั้น วรรณกรรมเอกเรื่องแรกที่นักศึกษาทุกคนต้องเรียนกันก็คือ อีเลียด นะคะ ในเอกสารประกอบการเรียนที่อาจารย์ให้มาจะเป็นเรื่องย่อ กับชื่อคนเขียน และก็ถ้อยคำสำนวนเด็ดๆ เท่านั้นค่ะ ส่วนเนื้อเรื่องจริงทั้งหมดนั้น เป็นหน้าที่ของนักศึกษาที่จะต้องขวนขวายหาอ่านเอาเอง ความจริงอาจารย์ท่านไม่บังคับเรื่องนี้หรอกค่ะ แต่อินมันเป็นประเภทเห็นหนังสือเป็นไม่ได้ต้องกระโจนเข้าใส่เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น เรื่องม้าไม้เมืองทรอย จึงเป็นเรื่องที่อินอ่านผ่านตามาหมดแล้วทั้งสิ้น ในช่วงเวลาที่เรียนวิชานี้ อินเป็นได้ทั้งชาวกรีก ชาวโรมัน ชาวจีน ชาวอินเดีย เรียกได้ว่าเป็นทุกชนชาติตามที่มีชื่อวรรณคดีปรากฏนั่นล่ะค่ะ เรื่องไหนที่อินพอจะอ่านภาษาดั้งเดิมของมันได้ และมีอยู่ในห้องสมุด อินก็จะอ่านดะมันอย่างนั้นล่ะค่ะ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แล้วค่อยมาหาภาคภาษาไทยอ่านเอาทีหลัง บางเรื่องอินก็เพิ่งหาต้นฉบับได้ในอินเทอร์เนตนี่ล่ะค่ะ อย่างรามายณะเป็นต้น
วรรณกรรมเอกของดลกที่เป็นเรื่องทอปฮิตติดชาร์ต ไม่ว่านักศึกษารุ่นไหนๆ ก็พากันติดอกติดใจ จนถึงขั้นท่องจำประโยคเด็ดๆ จากเรื่องเป็นว่าเล่นนะคะ มีอยู่สามถึงสี่เรื่องค่ะ อันดับหนึ่งที่มาแรงแซงโค้ง ถูกใจสาวเมเจอร์ไทยประเภทสองนักแล ก็ต้องเรื่องมหาภารตะค่ะ แต่ไม่ใช่ในส่วนของการรบ และเรื่องคัมภีร์ศรีภควัทคีตานะคะ แต่เป็นเรื่องแทรกที่ชื่อ ศกุนตลาค่ะ โดยเฉพาะบทชมโฉมนางศกุนตลาที่ว่า
ดูผิวสินวลละอองอ่อน
มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น
สองเนตรงามกว่ามฤคิน
นางนี้เป็นปิ่นโลกา
งามโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน
งามกรดังลายเลขา
งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า
งามยิ่งบุปผาแบ่งบาน
ควรหรือมานุ่งคากรอง
ควรแต่เครื่องทองไพศาล
ควรแต่เป็นยอดนงคราญ
ควรคู่ผู้ผ่านแผ่นไผท
แต่บทที่สองและสามนั้น พวกเธอทั้งหลายมิได้คิดจะใส่ใจจดจำกันหรอกนะคะ เธอจะจำถึงแค่นางนี้เป็นปิ่นโลกาเท่านั้นล่ะค่ะ แล้วก็คิดสรรท่าทางประกอบด้วยนะคะ ไม่ว่ารุ่นพี่หรือรุ่นน้องมาเห็นท่าของเธอเข้า เป็นได้ฮากันเป็นทิวแถวค่ะ คือน้องคนนี้ผิวเธอจะตรงข้ามกับนางศกุนตลาสักหน่อย คือนางศกุนตลานั้นจะขาวจนมะลิที่ว่าดอกขาวยังดูดำ แต่น้องคนนี้แม้มะลิที่ว่าขาวแล้ว กลับดูขาวยิ่งกว่าเมื่ออยู่ใกล้ผิวเธอน่ะค่ะ
ตอนที่เธอท่องบทชมโฉมนี้นะคะ มือของเธอก็จะกรายลูบที่ผิวของเธอไปมา ส่วนคำว่านางนี้เป็นปิ่นโลกา เธอก็จะจิกเท้าข้างหนึ่ง แล้วก็ทำหน้าเชิด 45 องศาพองาม และมือข้างที่เธอใช้ลูบไล้ผิวกายนั้น ก็จะชูขึ้นในท่าแบบที่นางแบบชอบใช้กันน่ะค่ะ (อินเรียกท่าประทานพร แคนอื่นไม่ทราบว่าเรียกกันอย่างไรนะคะ)
ไอ้ท่าที่อินว่านี้เป็นท่าฮอตฮิตประจำเมเจอร์อยู่พักหนึ่งทีเดียวค่ะ (อินเองก็พลอยเล่นไปกับเขาด้วย แต่อินได้เปรียบเรื่องสีผิวนิดหนึ่งว่าพอจะเป็นศกุนตลากับเขาได้) มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาจารย์คู่แค้นของอินท่านเดินผ่านมาเห็นน้องคนเดิมนี่ล่ะทำท่านี้เข้า ท่านว่าอย่างไรลองเดากันดูสิคะ
ถ้าผมเป็นท้าวทุษยันต์มาเห็นศกุนตลาคนนี้เข้า ผมคงวิ่งหนีแทบไม่ทัน
สิ้นเสียงอาจารย์ น้องเธอก็ร้องว้ายลั่นเลยค่ะ คือคำนี้แสบทรวงได้ใจเหมือนกันนะคะ ถ้าจะว่าไป แต่คงไม่มีใครคิดอย่างนั้นหรอกค่ะ เพราะอาจารย์ท่านพูดแบบยิ้มๆ และน้องเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้อาจารย์เห็น แค่เล่นกันเองเท่านั้น แต่ก็ทำให้เธอไม่กล้าเล่นท่านี้ไปอีกนานเลยค่ะ แล้วหลังจากนั้น การเล่นแบบนี้ก็ค่อยๆหายไปด้วย
ส่วนอันดับที่สองนั้น มีอยู่หลายเรื่องเหมือนกันค่ะที่คะแนนสูสี แต่อินชอบโรเมโอจูเลียตมากกว่า เพราะอินอ่านเชคสเปียร์มาตั้งแต่อยู่ ป.6 แล้วค่ะ (ป.6 นะคะ ไม่ใช่ ม.6 ออกจะแก่แดดเกินเด็กไปสักหน่อย) แต่ตอนที่เป็นหนังที่ลีโอนาร์โดเล่น อินไม่ได้ดูนะคะ บทที่อาจารย์ท่านให้จดและสาวๆชื่นชอบกัน บทแรกคือบทนี้ค่ะ
Love is a smoke made with the frame of sighs :
Being purged, a fire sparkling in lovers eyes ;
Being vexed, a sea nourished with loving tears.
What is it else? A madness most discreet,
A chalking gall, and a preserving sweet.
ซึ่งรัชกาลที่ 6 ได้ทรงแปลออกมาได้กินใจสาวๆ และผู้ที่อยู่ในห้วงรักให้เคลิ้มฝันไปได้พักหนึ่งทีเดียวค่ะ คืออินก็เคยแปลบทนี้เองนะคะ แต่แปลได้ไม่งามเท่าของท่านที่ว่า
รักคือควัน เกิดมีจากไอแห่งความถอนใจ ;
พัดขึ้น, เหมือนอัคคีที่แววตาผู้รักไซร้ ;
ข้อง, เหมือนสมุทรใหญ่เต็มน้ำตาแห่งผู้รัก ;
และเป็นอะไรอีก? เป็นความบ้าอันดีหนัก,
รสขมที่ขื่นนัก, และรสหวานสมานใจ
***มีต่อค่ะ
จากคุณ |
:
อินทรายุธ
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ส.ค. 52 17:34:37
|
|
|
|  |