ความตายอาจไม่ใช่เรื่องของอิสระหรือการหลุดพ้นกระมัง
|
|
เมื่อวาน เป็นวันเสาร์ มีคุณยายแก่ๆ เสียชีวิตเนื่องจากไตล้มเหลว วันนี้วันอาทิตย์ ครอบครัวเราซึ่งมีกันเกือบยี่สิบคนพากันไปอยู่ช่วยงานศพ
...งานศพ ...งานศพ ...งานศพ
งานศพที่น่าสับสน... คุณยายคนนั้นมีลูกหลายคน ครึ่งหนึ่ง...เป็นคริสเตียนโปรเทสแตนท์ อีกครึ่งเป็นพุทธ-มหายาน จะจัดงานศพแบบไหน ??? หน้าหีบศพ จะตั้งของเซ่น หรือ ตั้งดอกไม้ดี ศาสนาไหนๆ ก็น่าดูชมทั้งนั้นนี่นา จึงไม่แปลกที่ฟากหนึ่งของหีบศพก็มีแท่นพระคัมภีร์ตั้งให้อ่าน อีกฟากก็ตั้งถ้วยเล็กถ้วยน้อยของภัตตาหาร พร้อมธูปหอมที่ควันคละคลุ้งต่อเนื่อง
คนจีนรักกันดี แต่พอพวกเขาถกกันถึงเรื่องพวกนี้ เราเป็นคนนอก จึงดูออก... และรู้ดีว่าไม่มีใครยอมใคร ศาสนาของใคร ใครก็รัก นั่งฟังพวกเขาถกกัน รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เฮ่อ ฟังคนพูดภาษาเดียว ฉันยังมึนเลย นี่ปาไปห้าหกภาษา
...สรุปว่า...
หัวค่ำนี้ ...ฉันก็คงได้ยินเสียงสวดจากพระจีน สลับเสียงเคาะกลองดังก๊อกแก๊กชี้นำวิญญาณ พร้อมๆ กับเสียงเปียโน และนักร้องเพลงประสานเสียงร้องเพลงส่งคุณยายกลับคืนอ้อมแขนพระคริสต์
ผู้คนพึมพำกับวิธีการของตนเองในการส่งคุณยายไปยังที่ที่สงบสุข ในขณะที่รอบบ้านที่ใช้ทำพิธีกรรม ก็รายล้อมด้วยพี่น้องที่อยู่ในช่วงถือศีลอดตามแบบฉบับของมุสลิมทั่วโลก
อืม ฉันเป็นคนนอก...แม้เห็นความตายเป็นเรื่องของการพลัดพรากน่าเสียใจ แต่คุณยายเขาใช้ชีวิตมาแปดสิบกว่าปีแล้วนี่นา นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันปล่อยวาง ไม่โศกหนักไปกับคนที่ใกล้ชิดคุณยายที่นั่งน้ำตาไหลพรากๆ
ฉันคงเป็นคนเดียวกระมังที่แอบนั่งยิ้มให้กับเรื่องสับสนที่เกิดขึ้น มันตลกนี่นา ตอนยังไม่ตาย เราก็ต้องเลือกโน่นเลือกนี่ แต่เมื่อตายไปแล้ว ศพเดียว วิญญาณเดียว ก็ยังถูกส่งไปตามความเชื่ออีก ถ้าภพหลังความตายมีจริง คุณยายคงสับสนน่าดู ว่าจะไปทางไหนดี เสียงกลองหรือเสียงสวด
ตายแล้วอาจไม่ใช่ความอิสระหรือหลุดพ้น หรือว่า... ฉันกำลังใช้แว่นคนเป็น เฝ้ามองคนตายมากไป
ตอนที่เขียนเรื่องนี้ คนไร้มารยาทแบบฉันก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ตามเคย เมื่อหลานชายยายคนหนึ่ง เดินมาบอกว่า ศพคุณยายเผาพรุ่งนี้ ที่อีกรัฐหนึ่ง
สูภพที่สงบนะ คุณยาย
จากคุณ |
:
rainfull
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ส.ค. 52 14:22:05
|
|
|
|