Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปีกอ่อนในรังร้าว - 5  

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8254342/W8254342.html


บทที่ 5

  ชมชนกนั่งเท้าคางมองแม่ยุดากับส้มจัดกระเป๋าเดินทางด้วยความเบื่อหน่าย

  หล่อนลุกไปยืนที่ระเบียง กวาดตาไปรอบๆ พร่ำบอกตัวเองว่า ที่นี่ไม่ใช่บ้าน มันคือคุกสำหรับกักขังนักโทษ

  ผู้เป็นป้าทำท่าทางเหมือนไม่ใยดีหล่อนอีกเลย หลังจากที่ปะทะกันรุนแรงในห้องทำงาน

  หล่อนยังไม่ลืมเสียด้วยซ้ำว่า ฝ่ามือของเธอหนักหน่วงแค่ไหน ตอนมันกระแทกเต็มเหนี่ยวบนเนื้อนุ่มๆ

  นายติ่งกำลังช่วยนายน่วมยกร่องสวนข้างศาลาโปร่ง

  สรวงทิพย์ซื้อต้นไม้มาปลูกเกือบสิบต้น เธอทำทีเปรยๆ ให้เข้าหูหล่อนว่า

  "ต้นไม้น้อย บ้านก็เลยร้อนไปหน่อย เลี้ยงต้นไม้สิบต้น มันเลี้ยงง่ายกว่าเลี้ยงคนคนเดียวเป็นไหนๆ "

  สาวน้อยหันหลังให้กับทิวทัศน์จำเจ หล่อนถูกกักขังให้เดินไปเดินมาในบ้านนานกว่ายี่สิบวันแล้ว

  หลายครั้งที่หล่อนพยายามลอบติดต่อกับพลทักษ์ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ

  มารดาของเขาไม่ยอมให้พูดสายด้วย และอ้างว่าไม่อยากขัดใจกับผู้เป็นป้า

  "จะจัดไปทำไมเยอะแยะคะ แค่งานแต่งงาน คืนเดียวก็กลับได้แล้ว"

  ความหงุดหงิดทำให้ชมชนกกลับเข้ามาบ่นฉุนเฉียวกับแม่ยุดา

  แถมยังแย่งชุดที่ส้มพับเรียบร้อยแล้ว เหวี่ยงไปทิ้งกลางเตียง ก่อนจะกระแทกกายนั่งด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

  "ไม่เอาค่ะ อย่าฉุนเฉียวนักนะคะ"

  แม่ยุดาลูบไหล่ลูบหลังด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

  "คิดเสียว่าไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศไม่ดีกว่าหรือคะ ชุมพรก็มีที่น่าเที่ยวเยอะนะคะ พอไปถึงที่นั่นแล้ว คุณหนูชมลองอ้อนป้าหญิงให้พาเที่ยวก่อนกลับบ้านสิคะ"

  "เชอะ"

  สาวน้อยทำเสียงขึ้นจมูก

  "พูดเหมือนกับไม่รู้จักป้าหญิงนะคะแม่ยุดา รายนั้นชอบเที่ยวหรือ ในสมองมีแต่งานกับงาน ป้าหญิงน่ะ เป็นผู้หญิงที่ไร้เสน่ห์ น่าเบื่อ หนูชมเห็นด้วยจริงๆ ที่ลุงนพบอกเลิกเสียได้ เพราะแต่งงานกับป้าหญิง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการนอนกอดหมอนข้างอยู่ดี"

  "ไม่เอาค่ะ อย่าพูดเหลวไหลให้ร้ายป้าหญิงอย่างนั้น เดี๋ยวท่านมาได้ยินจะเสียใจนะคะ"

  "มีใจให้เสียด้วยหรือคะ หรือถึงมี ก็คงไม่ใช่สีแดงเหมือนพวกเรา ป้าหญิงน่ะใจร้าย ใจดำ คงถือตัวว่าใหญ่ที่สุดในบ้าน ไม่ใช่แม่ก็วางก้ามว่าเป็น บังคับทำโน่นทำนี่ แม้แต่ตัดอนาคตของหนูชม"

  "ฉันไม่รู้นี่ว่าแกอยากมีอนาคต"

  เสียงเข้มดังแทรกวาจาก้าวร้าวมาจากหน้าประตู ชมชนกสะดุ้งโหยง ใบหน้าแห้งลงทันที

  ส้มทำหน้าหวาดเสียวกับแม่ยุดา ที่อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะตะกุกตะกักถามว่า

  "เอ้อ คุณหญิงต้องการอะไรหรือคะ"

  "ไม่ต้องการอะไร จะเข้ามาดูว่าจัดกระเป๋ากันเรียบร้อยหรือยัง ไม่ต้องเอาไปมากก็ได้ แค่คืนเดียวเอง"

  แม่ยุดายิ้มแห้ง เมื่อได้สบตาสะใจของชมชนก หล่อนคะเนไว้ก่อนหน้านี้ น้ำเสียงหมิ่นแคลนก็จริง แต่ก็ไม่ผิด

  เพราะสรวงทิพย์บอกเสียงดังฟังชัดอีกว่า

  "แต่ก็ไม่แน่หรอก หากว่างานไม่ดึกนัก เราก็อาจกลับเลย มีงานทางนี้รออยู่เต็มโต๊ะ"

  "ป้าหญิงน่าจะส่งตัวแทนไปนะคะ ไม่เห็นจะต้องเสียสละเวลางานไปเองเลย ไม่ใช่คนกันเองสักหน่อย ก็แค่คู่รักที่หันหลังให้กันไปแล้ว"

  ชมชนกเปรยกระแนะกระแหนขึ้น

  "ก็เพราะว่าแกคิดได้แค่นี้ ฉันถึงต้องรีบตัดอนาคตแกเสียก่อน คราวนี้แกคงเข้าใจขึ้นบ้างแล้วสินะ"

  ผู้เป็นป้าย้อนกลับเสียงเรียบขรึม

  เธอไม่ได้อยู่ชื่นชมความสามารถของตัวเอง เธอออกจากห้องมาเลย และลงไปห้องทำงาน

  โดยไม่เห็นว่าแม่ยุดาหัวเราะคิกออกมาพร้อมกับส้ม

  ชมชนกกัดปากแง่งอน หน้าบึ้งหงิกจนปากกับจมูกจะทักทายกันได้ หล่อนยังส่งเสียงพาลอีกด้วยว่า

  "มีอะไรน่าขำนักหนา ก็แค่คนแก่บางคนไม่ยอมรับความจริง ขอให้ได้เถียงเท่านั้นเอง"

  แม่ยุดาส่ายหน้า ก่อนจะหันกลับมาเอาใจใส่กับกระเป๋าเดินทางของสาวน้อย

  นางไม่คิดจะลุกไปปลอบโยนสาวน้อยที่ลุกผลุนผลันไปตะโกนร้องคำว่าเบื่อดังๆ หน้าระเบียง

  วูบหนึ่งก็อดขำไม่ได้ หล่อนเองก็น่าจะรู้จักผู้เป็นป้าของตัวเองดีเช่นกันไม่ใช่หรือ

  สรวงทิพย์ปากไวและร้ายได้ตามความเหมาะสมของเหตุการณ์ เธอเป็นอย่างนั้นมานานแล้ว

  หลานสาวก็เคยโดนความร้ายกาจของเธอกำราบออกบ่อย แต่ก็ไม่รู้จักเข็ดหลาบ

  หาเรื่องยอกย้อนให้ตัวเองต้องฉุนเฉียวเองจนได้

  การเดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับนพฤทธิ์เริ่มต้นขึ้นประมาณบ่ายโมงเศษๆ

  ชมชนกกระฟัดกระเฟียดขึ้นรถตู้สีขาว หล่อนจงใจปรับเบาะเอนนอนไปตลอดทาง

  ไม่สนใจขนมหรือเครื่องดื่มที่แม่ยุดาหมั่นชวนหมั่นยื่น

  หล่อนจะหลับไปเลย ผู้เป็นป้าจะได้สำนึกได้ว่า เธอเป็นคนทำให้หลานสาวหมดสิ้นความสุข

  ไม่ว่าจะถูกกักขังในบ้าน หรือทำทีเมตตาพาหล่อนออกมาสูดอากาศภายนอกอย่างนี้ก็เถอะ

  นพฤทธิ์กับเจ้าสาวยืนเคียงคู่คอยต้อนรับอยู่หน้าบริเวณงานแล้ว ตอนรถตู้เลี้ยวเข้าไปจอดปะปนกับรถคันอื่น

  เจ้าสาวยังตรึงร่างโปร่งในชุดราตรีสีขาว พูดคุยกับแขกผู้ใหญ่

  แต่เจ้าบ่าวปรี่มารับหน้าสรวงทิพย์ตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างลงมา

  "นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่พี่ทำให้น้องหญิงแยกตัวจากงานได้สำเร็จ มันช่างเป็นการลงทุนแบบทุ่มหมดตัวทีเดียว"

  เขาสัพยอก แล้วจูงมือเล็กอย่างลืมตัว

  "ไม่ต้องจูงก็ได้ค่ะ หญิงคงไม่ทำเปิ่นกลางงานเศรษฐีชาวสวนให้พี่นพอับอายแน่ๆ ค่ะ"

  "อ้อ จริงสินะ พี่ขอโทษ"

  เขาออกตัวแล้วหัวเราะเก้อๆ ก่อนจะรีบปล่อยมือ

  ไม่มีใครทราบเลยว่า นพฤทธิ์ตัดรักแรกไม่ขาด เขาคิดถึงและอยากกลับไปขอคืนดีกับสรวงทิพย์ตลอดเวลา

  มันเป็นเพราะภาระหน้าที่ กับงานซึ่งมากมายก่ายกองของเธอนั่นเอง

  ที่คอยยับยั้งความปรารถนาจากใจให้หยุดเร่าร้อน

  เวลานี้ นพฤทธิ์ยังอยากจะบอกว่าเขารักเธอ แต่คงไม่ดีและไม่เหมาะ

  เพราะเขาได้เจอกับผู้หญิงที่เขาพอจะรักได้ แม้จะไม่มากหรือลึกซึ้งเท่ารักแรก

  มาหยาเป็นสาวในตระกูลเศรษฐีชาวสวน หล่อนจะเป็นบันไดทองให้เขาไต่เต้าจากที่ต่ำขึ้นสู่ที่สูง

  อีกไม่นานเขาจะลาออกจากงานประจำ เพื่อเริ่มต้นอาชีพนักธุรกิจที่ไม่เคยทำมาก่อน

  ทุกคนในแวดวงสังคมก็จะค่อยๆ รู้จักเขาในอีกรูปแบบหนึ่ง และรูปแบบใหม่นั้น

  จะทำให้เขามีหน้ามีตาเป็นที่ยอมรับและยกย่องมากกว่าตำแหน่งพนักงานรัฐวิสาหกิจต๊อกต๋อย

  "ไงจ๊ะหนูชม นี่ลุงดูไม่ออกเลยนะว่าพอโตเป็นสาวแล้ว หนูชมสวยถอดแบบมาจากแม่เลย"

  "จริงหรือคะ แม่หนูชมสวยมากเลยหรือคะ หนูชมเคยเห็นแต่ในรูปค่ะ"

  "สวยสิ ก็สวยเหมือนหนูชมในคืนนี้ไง เอ สงสัยลุงต้องทำหน้าเคร่งสักนิดแล้วล่ะ ไม่งั้นหนุ่มๆ ในงานจะไม่ยำเกรง เดี๋ยวก็เลี้ยวมาก้อร่อก้อติกหลานสาวไม่หยุดหย่อนกันพอดี"

  ชมชนกหัวเราะชอบใจ หล่อนสบายใจขึ้นมาบ้าง

  เมื่อได้มาเจอสีสันสวยงามของแสงไฟที่ประดับตกแต่งรอบบริเวณงาน

  ยิ่งมาฟังคำหวานจากเจ้าบ่าวหน้าเป็นเข้าอีก

  หัวใจไร้เดียงสาก็พองโต เกิดอาการเย่อหยิ่งยโสในความสวยขึ้นมาทันที

  "บ้านลุงนพหลังใหญ่จังเลยค่ะ เนื้อที่ก็กว้างมากเลย คงจะเป็นบ้านที่ร่ำรวยมากที่สุดของเมืองนี้กระมังคะ น่าอิจฉาจัง"

  "ไม่ใช่บ้านลุง ของป้ามาหยาต่างหาก มาเถอะ ลุงจะแนะนำให้รู้จักกับเจ้าสาว"

  นพฤทธิ์จูงมือเล็กของชมชนกเดินผ่านหน้าสรวงทิพย์ไปหยุดที่เจ้าสาว

  แม่ยุดายืนข้างเจ้านายสาว นางหมั่นลอบสังเกตปฏิกิริยาของเธอตลอดเวลา

  นางพอจะวางใจในเรื่องเก็บความรู้สึกมิดชิด

  แต่ไม่วางใจในความนิ่งเงียบที่มักจะซ่อนการเคลื่อนไหวร้อนแรง รอไว้ออกโรงในภายหลัง

  "ฐานะดีไม่ใช่เล่นนะคะคุณหญิง"

  นางพยายามหันเหความเงียบ ด้วยการชวนคุย

  "ก็คงงั้น แขกที่มาก็ดูจะเป็นคนใหญ่คนโตนะ มีตำแหน่งสำคัญทางการเมืองด้วย อย่างคนโน้น"

  เธอชี้มือประกอบ

  "ถ้าจำไม่ผิด ก็อดีตรัฐมนตรีช่วยที่เคยสร้างชื่อสมัยอยู่ในรัฐบาลชุดเก่า แต่อย่าไปสนใจเขานัก เพราะตอนนี้เขาลาออกอย่างถาวรแล้ว"

  สรวงทิพย์ปิดประโยคด้วยรอยยิ้มขรึม เธอกวาดตาสำรวจความโอ่อ่าของบ้านสวนอย่างสนใจ

  มันเป็นบ้านเศรษฐี ก็ต้องสนใจหน่อย เธอคิดขำๆ ขณะก้าวเท้าไปหยุดใกล้บริเวณซุ้มดอกไม้สด

  ซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมฟุ้งกลางแสงไฟหลากสี

  และกำลังส่องกะพริบวูบวาบ ทำให้เธอเห็นบ้านเรือนไทยสองชั้นหลังใหญ่มาก

  ก่อนจะถึงตัวบ้าน ถูกกั้นด้วยกำแพงสวนหย่อม ที่จงใจตกแต่งเป็นรูปครึ่งวงกลม

  โอบล้อมอ่างน้ำรูปพระจันทร์เสี้ยว ตอนนี้มองไม่ชัดว่าสีอะไร

  แต่เห็นน้ำพุพุ่งเป็นฝอย ส่องสวยตามสีที่วูบวาบอยู่ในงานนี่แหละ

  สนามหญ้าหน้าเรือนไม้กว้างขวางมากทีเดียว เท่าที่ดูก็สามารถจุคนได้ไม่ต่ำกว่าห้าร้อยคน

  โต๊ะที่จัดวางเป็นชุด แน่นขนัดเลยไปจนถึงริมสระน้ำ แขกส่วนใหญ่ที่มา ก็เป็นเศรษฐีบ้านสวน

  จึงไม่ค่อยพิถีพิถันกับการแต่งกายหรูหราเหมือนเศรษฐีชาวกรุงนัก

  "ขอบคุณที่คุณหญิงให้เกียรติมาค่ะ"

  เจ้าสาวมาพูดเบาๆ ข้างหู ทำให้สรวงทิพย์ต้องหยุดกวาดตาชั่วขณะ

  แล้วหันกลับมาพูดตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

  "ฉันยินดีด้วยค่ะ ดูจากสีหน้าในคืนนี้ ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเหมือนจะมีความสุขมากทีเดียว"

  "ค่ะ เชิญด้านในดีกว่าค่ะ ฉันให้เด็กจัดโต๊ะพิเศษให้แล้ว ใกล้ริมสระน้ำ ใกล้เวที เรามีการแสดงเล็กๆ น้อยๆ จากหลานๆ ค่ะ"

  "อุ๊ย พี่แต้ว นั่นพี่แต้วจริงๆ ด้วยค่ะ"

  นพฤทธิ์เหลียวมองตามร่างสาวน้อยที่สลัดข้อมือจากอุ้งมือของเขา

  แล้วโผไปกอดแขนเด็กหนุ่มที่เพิ่งลงจากรถตู้

  หล่อนทำท่าจะกอดเสียด้วยซ้ำ หากชายหนุ่มตัวสูงที่ลงมาทีหลัง ไม่รีบดึงตัวออก

  และคงเพราะมีแขกท่านหนึ่งเดินสวนมา ทำท่าจะชนสาวน้อย

  ชายหนุ่มคนนั้นจึงรีบโอบร่างน้อยแล้วกระเถิบไปชิดพ่อหนุ่มน้อยอีกที

  อืม แต่มองจากตรงนี้ คล้ายว่าชายหนุ่มกำลังกอดสาวน้อย เพื่ออวดความคุ้นเคยให้ใครต่อใครรับรู้

  "คุณหญิงคะ ใจเย็นๆ ค่ะ คุณหญิง ตายล่ะ คุณนพ เร็วค่ะ ตามไปช่วยห้ามที"

  แม่ยุดาร้องเสียงหลง นางไม่คิดมากต่อการฉุดมือเจ้าบ่าว

  แล้วรีบสาวเท้าตามหลังเจ้านายสาวซึ่งปรี่เข้าหาชายหนุ่มที่ทำท่าจะปล่อยหลานสาวอยู่แล้วเชียว

  "งามหน้านะหนูชม เข้างานไปก่อน"

  แม่ยุดาใจหายวาบ เมื่อชมชนกโดนเหวี่ยงวืดมาข้างหลัง ทันให้นางได้ยื่นแขนออกไปรับพอดี

  สาวน้อยตกใจ จนหลุดเสียงร้องออกมา

  "ป้าหญิงคะ"

  "เอ้อ ไม่มีอะไรนะคะ ใจเย็นๆ ค่ะ"

  นางปลุกปลอบไปเช่นนั้น และชายหนุ่มคนนั้นก็หันมาได้ยินพอดี

  เขาเกือบจะทักทายแม่ยุดาด้วยความเข้าใจผิด แต่สาวหน้าเข้มดุกำลังจ้องเขาตาขวางทีเดียว

  "เอ้อ ค่อยพูดค่อยจาดีไหมคะ เอ้อ นี่คือพี่อ้ายค่ะ เป็นพี่ชายของฉันเองค่ะ เป็นลุงของนายแต้ว"

  "ฉันทราบ"

  สรวงทิพย์หันขวับไปตอบรับเสียงอ้อมแอ้มของอินทร์ลดา

  "ฉันขอคุยกับเขา โดยไม่มีบุคคลที่สามสักครู่ พี่นพเชิญแขกเข้างานเถอะค่ะ ส่วนนายมากับฉัน"

  ไออินทร์เลิกคิ้ว เขาหันไปมองน้องสาวแวบหนึ่ง ไม่ทันได้พูดอะไรเลยจริงๆ

  เพราะสาวแปลกหน้าคนนี้ ตรงเข้าฉุดข้อมือ พาลากมาหยุดในเงามืดข้างรถใครก็ไม่ทราบ

  แต่มันห่างจากหน้างานพอสมควรทีเดียว

  ไออินทร์กำลังคิดว่า มันไม่ตลกเลย หากการเดินทางไกลจากนราธิวาส

  มาสมทบกับน้องสาวตอนเข้าเมืองชุมพร เพื่อมางานพร้อมกัน

  จะต้องมาเจอกับเรื่องประหลาด และสาวประหลาดคนนี้

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 20:26:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com