Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สหรัฐตกยุค - สารขัณฑ์ครองโลก (บทที่5)  

(5)  การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มต้นจากบทเรียนที่เจ็บปวด   .

บทเรียนที่ 1
24 เมษายน 2552 สารขัณฑ์ดำเนินมาตรการทางการทูตทันที โดยยื่นฟ้องต่อองค์การสหประชาชาติด้วยภาพถ่ายของ ดร. เทวาว่า กัมพูชากำลังติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธระยะใกล้ อันเป็นภัยคุกคามต่อประเทศสารขัณฑ์โดยตรง  และขอให้สหประชาชาติมีคำสั่งให้กัมพูชายุติการกระทำนี้โดยทันที

ทว่า... ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ต่อข้อร้องเรียนนี้  ในทางตรงกันข้าม วันที่ 1 พฤษภาคม 2553 กัมพูชายื่นฟ้องกลับต่อศาลโลกว่า เขตน่านน้ำรวมถึงเกาะสารขัณฑ์เป็นของกัมพูชามาตั้งแต่สมัยขอมยังเรืองอำนาจ ขณะที่ชาวสารขัณฑ์เป็นเพียงผู้อพยพมาจากทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน และต้องการให้ศาลโลกตัดสินว่าพื้นที่น่านน้ำ 200 ไมล์ทะเลห่างจากผืนแผ่นดินใหญ่ รวมทั้งเกาะสารขัณฑ์ อยู่ในเขตปกครองของกัมพูชา

เป็นเพราะผลประโยชน์มหาศาลที่ชาติมหาอำนาจจะได้รับจากสัปทานขุดเจาะน้ำมัน ...แหล่งที่มีน้ำมันดิบสำรองมากเป็นอันดับสองของโลก  ส่งผลให้ชาติมหาอำนาจทำการล้อบบี้และสร้างความกดดันอย่างมากต่อศาลโลกให้เร่งไต่สวนและพิจารณาคดีอาณาเขตน่านน้ำกัมพูชาและเกาะสารขัณฑ์  ...วันที่ 23 ตุลาคม 2553 เพียง 6 เดือนเท่านั้น ศาลโลกก็ได้วินิจฉัยว่า แหล่งน้ำมันดิบที่อยู่ห่างจากชายฝั่งกัมพูชา 180 ไมล์ทะเลนั้น ยังอยู่ในอาณาเขตรัศมีน่านน้ำ 200 ไมล์ทะเลของประเทศกัมพูชา และให้เรียกชื่อแหล่งน้ำมันดิบตามที่ 4 ชาติมหาอำนาจได้ตั้งชื่อไว้แล้วว่า “แหล่งน้ำมันดิบกัมปงสม”  ดังนั้นผลจากมติศาลโลก  แหล่งน้ำมันดิบนี้ จึงเป็นของกัมพูชาตามกฎหมายน่านน้ำสากล  ส่วนเกาะสารขัณฑ์จะอยู่ในเขตปกครองของกัมพูชาหรือไม่นั้น ศาลโลกจะดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และจะกลับมาพิจารณาคดีใหม่อีกครั้งภายใน 9 เดือน นับจากนี้

ประเทศสารขัณฑ์ยื่นอุทรณ์ต่อศาลโลกทันที  ศาลอุทรณ์นัดพิจารณาคดีและฟังผลอุทรณ์อีกครั้งในวันที่ 9 ธันวาคม 2552 ส่วนข้อพิจารณากรณีเกาะสารขัณฑ์เป็นพื้นที่ดั้งเดิมของกัมพูชาหรือไม่ ให้เลื่อนการพิจารณาไปอีก 6 เดือนหลังจากศาลอุทรณ์โลกได้ตัดสินข้อพิพาทความขัดแย้งเรื่องพื้นที่น่านน้ำทะเลแล้ว

ชาวสารขัณฑ์ร่ำไห้เสียใจกันทั้งประเทศ  มีการลงขัณฑ์เพื่อหาเงินมาจ้างทนายความที่เก่งที่สุดของประเทศ เพื่อแก้ต่างคดีนี้ และประชากรชาวสารขัณฑ์พร้อมใจกันแต่งชุดดำนานนาน 3 เดือนเพื่อไว้ทุกข์แก่ศาลโลกต่อคำพิพากษาที่ขาดความยุติธรรมในครั้งนี้

นี่คือบทเรียนบทที่ 1 ของประเทศสารขัณฑ์ ที่เรียนรู้ว่า ผลประโยชน์ของชาติมหาอำนาจต้องมาก่อนเสมอ

*************************

บทเรียนที่ 2
หลังคำตัดสินของศาลโลก กัมพูชาแสดงตนฮึกเหิมและแสดงความเป็นเจ้าของของน่านน้ำทันทีโดยไม่รอคำพิพากษาจากศาลอุทรณ์อีก  วันที่ 26 ตุลาคม 2553 ...เรือรบ 6 ลำถูกส่งมายังน่านน้ำเพื่อพิทักษ์พื้นที่และคุ้มครองบริษัทต่างชาติที่ทั้ง 4 ที่ได้รับสัปทานขุดเจาะน้ำมันแหล่งนี้ ...ขีปนาวุธถูกเล็งมายังประเทศสารขัณฑ์โดยไม่ให้เหตุผลใดๆ  

การที่ศาลโลกตัดสินให้แหล่งน้ำมันดิบแหล่งนี้ ตกอยู่ภายใต้น่านน้ำประเทศกัมพูชา  ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศกัมพูชารุ่งเรืองสุดขีด ที่ดูได้จากจีดีพีของประเทศ เติบโตในอัตราร้อยละ 15 ในปี 2551 และคาดว่าจะเติบโตทุกปีในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ในปีถัดๆ ไป  จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า กัมพูชาสามารถที่จะทุ่มเงินได้ไม่อั้น ในอันที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กองทัพของตน ที่ขณะนี้กัมพูชามีกำลังกองทัพอันแสนยานุภาพเกือบจะต่อกรกับสารขัณฑ์ได้อย่างสูสีแล้ว

นายกฯ เกริกไกรเครียดต่อเหตุการณ์ครั้งนี้มาก เขาสั่งกองทัพสารขัณฑ์ ให้เตรียมพร้อมรับต่อการถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ ตลอด 24 ชั่วโมง  ...นับวันสถานการณ์ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น

27 ตุลาคม 2553 หนึ่งวันให้หลังจากกัมพูชาส่งเรือรบ 6 ลำมายังเขตน่านน้ำสารขัณฑ์ .....ฝูงบินรบ เอฟ 16 และเรือรบพิฆาต 3 ลำของสารขัณฑ์ได้รับคำสั่งให้ขับไล่เรือรบทั้ง 6 ของกัมพูชาออกนอกอาณาพื้นที่ 160 ไมล์ทะเลของสารขัณฑ์ทันที

สงครามย่อยระเบิดขึ้นแล้วอย่างดุเดือดและบ้าระห่ำ ระหว่างกัมพูชาและสารขัณฑ์  เสียงปืนต่อสู้อากาศยานของฝ่ายกัมพูชาดังแผดก้องทั่วผืนท้องทะเลไทย  ตามด้วยเสียงกัมปนาทสนั่นจากฝูงบินรบเอฟ 16 ของสารขัณฑ์พร้อมๆ กับเสียงปืนกลและจรวดขีปนาวุธดังทั่วท้องฟ้า ให้ได้ยินติดต่อกันแทบทุกวัน

ภายในห้าวันของการสู้รบ กองทัพสารขัณฑ์สามารถทำลายเรือรบกัมพูชาได้ถึง 4 ลำ ขณะที่สูญเสีย F-16 เพียงสามลำ

วันที่หกของสงครามตรงกับวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 ...กัมพูชายิงขีปนาวุธสก๊ด 6 ลูกขนาดห้าตัน ไปยังจุดยุทธศาสตร์ทางทหารของสารขัณฑ์ แต่ 5 ลูกถูกทำลายก่อนด้วยกระสุนต่อต้านขีปนาวุธ อีก 1 ลูกตกที่ฐานทัพอากาศภาค 4 ส่งผลให้ฐานทัพและอาณาเขตใกล้เคียงในรัศมี 5 กิโลเมตรราบเป็นหน้ากอง มีจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนประมาณกันว่าไม่ต่ำกว่า 20,000 คน และค่าเสียหายที่ประมาณนับค่าไม่ได้

สารขัณฑ์ได้รับคำขู่จากนายกสมเด็จฮุน เซนว่า เป้าหมายต่อไปของขีปนาวุธคือ เมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆ ของสารขัณฑ์ทั้งหมด  ส่งผลให้สารขัณฑ์ยุติการโจมตีเรือรบกัมพูชาทันที

สงครามครั้งนี้เป็นข่าวหน้าหนึ่งทั่วโลก แต่แปลกมากที่ไม่มีชาติมหาอำนาจใดเลย เข้ามาแทรกแซง ยกเว้นประเทศจีนเท่านั้น ที่กล่าวประนามอย่างรุนแรงต่อการยิงขีปนาวุธของกัมพูชาในครั้งนี้

บทเรียนที่สองของประเทศสารขัณฑ์คือ  มิตรของศัตรู ... คืออดีตมิตรของเรา ไปเสียแล้ว

*************************

บทเรียนที่ 3
กัมพูชารุกหนักยิ่งขึ้น ...เรียกร้องให้สารขัณฑ์ชดใช้เรือรบ 2 ลำที่ถูกยิงจมลง พร้อมค่าเสียหายอื่นๆ เป็นเงินสามแสนล้านขัณฑ์ และสั่งตั้งโต๊ะเจรจาทันที เพื่อให้สารขัณฑ์ยินยอมให้บริษัทต่างชาติของ 4 ชาติมหาอำนาจเข้ามาทำการขุดเจาะน้ำมัน ......เดือนกุมภาพันธ์ 2554 สารขัณฑ์จำต้องยินยอมลงนามข้อตกลงดังกล่าวด้วยความขมขื่น เท่านั้นยังไม่พอ... กัมพูชาเสนอ “ร่าง” ปกครองเกาะสารขัณฑ์ ที่ให้สถานะเกาะสารขัณฑ์เป็นเขตปกครองตนเองพิเศษ อันเป็นหนึ่งในรัฐของประเทศกัมพูชา ที่อ้างว่า อดีตเคยเป็นของขอมมาก่อน “ร่าง” สัญญานี้ สารขัณฑ์ทำได้เพียงทำการเจรจาเพื่องถ่วงเวลาเท่านั้น

บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่า  ประวัติศาสตร์คือ “คำโกหก” ของผู้ชนะ

*************************

บทเรียนที่ 4
9 กรกฎาคม 2553  ศาลโลกตัดสินให้สารขัณฑ์อยู่ในเขตปกครองของกัมพูชา ...มีการเฉลิมฉลองชัยชนะอันเอิกเกริกและยิ่งใหญ่สุดในรอบกว่า 2000 ปีของกัมพูชา  ขณะที่ดินแดนสารขัณฑ์มีแต่เสียงระงมร่ำไห้ทั่วทั้งแผ่นดิน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสารขัณฑ์ถึงขั้นปลิดชีพตัวเองเพื่อประท้วงคำตัดสิน

สารขัณฑ์ยื่นอุทรณ์อีกครั้ง ศาลอุทรณ์โลกนัดพิจารณาตัดสินคดีอีกครั้งในวันที่ 15 มีนาคม 2554

15 มีนาคม 2554  ศาลอุทรณ์โลกยืนคำพิพากษาศาลโลกชั้นต้น ...สารขัณฑ์ยื่นฎีกา และศาลฎีกาโลกนัดฟังคำพิพากษาคำฎีกาในวันที่ 25 เมษายน 2555

25 เมษายน 2555  ศาลฎีกายืน  ...สารขัณฑ์ไม่รับคำพิพากษา ถอนตัวออกจากสมาชิกสหประชาชาติและประชาคมโลก พร้อมๆ กับประกาศ “ปิดประเทศ” ทันที

27 เมษายน 2555 สารขัณฑ์โดนมาตรการแซงชั่นจากทั่วโลก ยกเว้นประเทศจีนและญี่ปุ่น  

บทเรียนสุดท้ายคือ ความยุติธรรมไม่มีบนโลกใบนี้  องค์กรสหประชาชาติเป็นเพียงเสือกระดาษ ที่เกรี้ยวกราดได้เฉพาะชาติเล็กๆ และยากจน  มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก มีความขัดแย้งที่หลีกเลี่ยงจะหาคำตอบ  เพราะประเทศไหนที่ข้ารักข้าชอบ และมีผลประโยชน์ให้ข้า ประเทศนั้นจะถูกตลอด  หากไม่ใช่พวกข้า จงอย่าหวังว่าเจ้าจะได้รับความยุติธรรม

*************************

การเหยียดผิว  ...เหยียดเชื้อชาติ  ...การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดา  ...สงครามอิรัค  ...สงครามทางการค้า ... ปัญหาผู้อพยพทั้งหลายทั่วโลก  ...ประชาชนชาวอัฟริกันโดยเฉพาะเด็กๆ ที่ตายเพราะขาดสารอาหาร และอื่นๆ อีกมากมายเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ...ทำไมพวกท่านถึงยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้

ชาวโลกที่รัก ... ความอยุติธรรมของพวกท่านคือบ่อกำเนิดของความวุ่นวายของโลกมนุษย์เสมอมา  มันคือธรรมชาติของพวกท่าน อันเกิดมาจากความโลภ ความโกรธ และความหลง  พวกท่านยังคงมีการแบ่งแยกที่ไม่มีวันสิ้นสุด  ข้าพเจ้าอยากช่วยให้พวกท่าน หลุดพ้นจากวัฏจักรของบ่วงอโคจรนี้เสียเหลือเกิน  ...แม้ความเจริญของพวกข้าพเจ้า จะเจริญล้ำหน้าพวกท่านไปอีกพันปี  ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถทำลายธรรมชาติข้อนี้ของพวกท่านได้  บทเรียนที่ชาวสารขัณฑ์ได้รับครั้งนี้ เป็นอุทาหรณ์อย่างดี ให้ชนเผ่าของข้าพเจ้า ต้องเรียนรู้ด้วยความเจ็บปวด  ......ข้าพเจ้าขอไว้อาลัยต่อชาวสารขัณฑ์ทั้งทหารและพลเรือน จำนวนรวมทั้งสิ้น 21,713 ชีวิต ที่สูญเสียชีวิตอันเกิดจากขีปนาวุธครั้งนี้  ...เราให้อภัยต่อชาวกัมพูชา ...ต่อผู้สั่งการ คือท่านสมเด็จฯ ฮุน เซน ... ต่อความ อยุติธรรมของศาลโลก และต่อทุกๆ สิ่ง  ...สุสานของพวกเขาได้ถูกฝังลึกเกินกว่าพวกท่านชาวโลกจะหยั่งถึง  ที่ได้รับการระลึกด้วยพิธีคารวะศพผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นประจำทุกปี ภายใต้ท้องสมุทรแห่งหนึ่งบนภิภพนี้

จากคุณ : จงหยาง
เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 22:12:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com