ความคิดเห็นที่ 1 |
มนตราบทที่ 2 : มันตราแห่งการรอคอย(2)
พายุทรายในภาพเงานิมิตยังโพยพัด...
ภาพเม็ดทรายเล็กๆถูกแรงดึงดูดมหาศาลเข้ามารวมกันทีละน้อย จนเกิดเป็นม่านกำแพงพายุทรายหนาลอยกลางอากาศ... แล้วเทกระจายลงมากวาดทุกสิ่งที่ขวางหน้าทลายราบ ชาวคาราวานพ่อค้าเร่ร่อนในรัศมีพายุวิ่งกันแตกตื่นหาที่กำบังวุ่นวายด้วยใบหน้าตื่นกลัว...
เพล้ง !
พลัน ! อ่างดินเผาบนหน้าแท่นบูชามหาเทพแห่งอนธกาลแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ! ภาพนิมิตวารีแหลกสลายเป็นหยาดน้ำสาดกระเซ็น ความรุนแรงที่สะท้อนกลับทำให้ผู้ยืนอยู่ต้องยกแขนป้องไว้ทันที! กระนั้น... หยดน้ำยังกระเซ็นเปรอะเปื้อนตลอดทั้งตัว จนเมื่อ...ทุกสิ่งสงบลง ดวงเนตรคมงามจึงแลกวาดสภาพที่เห็น
เวทย์มนตร์แห่งเซธ เทพแห่งความมืดมิดอันทรงอำนาจถูกทำลาย?! มนตราที่เพิ่งร่ายจบบท พายุทรายที่บรรจงสร้างขึ้นยังมิทันสำแดงความร้ายกาจ แต่กลับถูกทำลายลงง่ายดาย แล้วยัง...พลังเวทย์เล็กน้อยที่สะท้อนกลับมาทางผืนน้ำอีกเล่า...ราวกับมีผู้ใดขัดขวาง
ทำไม? เพราะเหตุใด?! เป็นไปได้อย่างไรกัน?!!
มหาเทพอามุน-เร ฤาปวงเทพองค์ใด...จักทรงยอมรับ ท่านผู้นั้น ประทานพระหัตถ์ช่วยเหลือเช่นนั้นหรือ? แม้ผู้ร่ายมนตราเคยทะนงตัวอยู่บ้าง อำนาจลึกลับอันน้อยคนนักที่รู้ ยังมิเคยมีผู้ใดจักหาญกล้าทำลาย ทว่าในความจริงขณะนี้...การลอบสังหารโดยมนตราแห่งพายุทรายใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป!!
เรียวปากที่เคลือบสีแดงเรื่อเหยียดยิ้ม...เอาเถิด ถึงแม้ เวทย์มนตร์ต้องห้าม ที่ส่งมาจากดินแดนอียิปต์ล่างไม่ได้ผล ก็เห็นจะเหลือวิธีส่ง กลุ่มนักฆ่า ไปจัดการต่อซะ...แม้ว่า การลอบส่งข่าวลับๆทำให้ฝ่ายอียิปต์ล่าง พอรู้ ความเคลื่อนไหวแห่งกองคาราวานเจ้าชายเซนทิส-เร อยู่บ้าง...ทำให้ฝ่ายนั้นส่งนักฆ่าไปหลายครั้งจะไม่สำเร็จเลยก็ตาม...
อุทยานหลวงยามบ่ายร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ อีกทั้งสระบัวขนาดใหญ่ที่ฟาโรห์โปรดให้ขุดก็เต็มไปด้วยดอกบัวงามบานสะพรั่งราวภาพเขียนอันวิจิตร... เจ้าหญิงไอร่า พระธิดาองค์สุดท้องแห่งฟาโรห์อาธีดอส นั่งแหงนพระพักตร์มองผืนฟ้าสีน้ำเงินเข้มแห่งอาณาจักรอียิปต์บนอย่างเหม่อลอย แต่กระนั้น...ยังรับรู้การเสด็จมาแห่งเจ้าหญิงไอซิสที่ประทับข้างขอบสระบัว
อีกกี่วันกันหนอ...เจ้าพี่เซนทิสจะกลับมา เสียงใสเจื้อยแจ้วเอ่ยเสมือนรำพึงกับองค์เอง นี่ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่ทรงรับโองการแห่งฟาโรห์ออกเดินทางไปอย่างลับๆ...
เจ้าเป็นคนรู้มากไปตั้งแต่เมื่อใดกัน ไอร่า ท้ายสุด ไอซิสทรงอดแขวะมิได้...เพราะแม้ยังเยาว์ชันษาหากทรง รู้เรื่องทุกเรื่อง ในวังหลวงไปหมด...เจ้าหญิงน้อยแค่หันพระพักตร์มายิ้มเจ้าเล่ห์
น้องยังเด็กจะรู้อะไรมากเท่าคนโตแล้วได้อย่างไรเพคะ แต่อย่างน้อย...น้องก็รู้ว่าหัวใจตนเองต้องการอะไร
ลมหายพระทัยไอซิสถึงกับสะดุด...แต่ก็เป็นเพียงแค่เล็กน้อย หากไม่สังเกตดีๆ
เหอะ ดูเจ้าชอบเชษฐาของเจ้ามากเหลือเกินนะ ถ้างั้นก็นั่งรอไปเถอะ อาจไม่ทรงกลับมาก็ได้ ป่านนี้คงถูกพายุทรายฝังกลบไปแล้วด้วยมั้ง
ไอซิสรับสั่งประชดแกมหยอก...ทีเล่นทีจริง ทว่าไอร่ากลับทรงยิ้มกว้าง ดวงเนตรกลมโตสดใส...
เจ้าพี่หญิงน่ะทรงไม่รู้หรอก ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนเย็นชาแห่งวังหลวงในสิบกว่าปีที่ผ่านมา...เจ้าชายเซนทิส-เร คือผู้เดียวที่ไม่เคยทิ้งพระองค์ให้อยู่ลำพัง แม้ว่า...จะด้วยโองการแห่งฟาโรห์ก็เถอะ
น้องมีความสุขกับการได้รอเพคะ...และน้องเชื่อว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าพี่เซนทิสต้องทรงปลอดภัยกลับมา
คำกล่าวนั้นไม่ได้เกินจริงเลย...ไอร่าน้อยทรงมีความสุขกับการได้เฝ้ารอคอยวันที่พระเชษฐาต่างพระมารดาเสด็จมาหาอยู่เสมอ แค่ได้อยู่เคียงข้างก็พอพระทัย...เพราะหทัยดวงน้อยนั้นรู้ดี
ไม่ว่าพระเชษฐาทรงให้ความสำคัญกับพระองค์มากเพียงไร หากเพียงผู้เดียวในพระทัยเจ้าชายเซนทิส-เร นั้นคือผู้อื่นเสมอมา...
เหยี่ยวทะเลทรายตัวโตโผบินขึ้นสูง สีขาวของมันตัดกับผืนฟ้ากว้างสีน้ำเงินสดอย่างน่าดู หนุ่มน้อยผิวสีน้ำผึ้งในชุดชาวทะเลทรายแหงนหน้ามองสมบัติเพียงชิ้นเดียวของเพื่อนอย่างชื่นชม และเมื่อทำท่าวิ่งหยอกล้อ มันก็บินไล่ตามอย่างไม่จริงจังนัก
ภายใต้ร่มเงาของกระโจมที่ทำไว้บนผืนทรายอย่างง่ายๆ เนเฟอร่านั่งมองนายน้อยเซนทิส และเหยี่ยวเฮรูด้วยสายตาเหม่อลอย...
จากแผ่นหลังกว้างน่ามองที่ขยับไปมาแห่งเซนทิส-เร ทำให้เนเฟอร่าอดนึกถึงใครบางคนขึ้นมาไม่ได้...
ในครานั้น... เรฟาก็ทรงหยอกเย้ากับเฮรู เหยี่ยวขาวของพระองค์คลับคล้ายกับเด็กหนุ่มผู้นี้
ในยามที่ข้าต้องไปกระทำหน้าที่อื่น เฮรู จะช่วยดูแลเจ้า เป็นหูเป็นตาแทนข้า แล้วท่อนพระกรก็ยื่นมาตรงหน้าเพื่อให้เนเฟอร่าน้อยได้ทำความคุ้นเคยกับ เฮรู เหยี่ยวขาวแสนรู้...
พระพักตร์แห่งองค์ฟาโรห์เรฟา มักประทานรอยยิ้มอันหวานละมุนให้เนเฟอร่าน้อยอยู่เสมอ...
และอ้อมพระกรกว้าง แข็งแกร่ง ก็ตามมาโอบประคอง ปกป้อง
เมื่อใด....วันคืนเหล่านั้นจะหวนกลับมา...
แล้วความคิดคำนึงของเนเฟอร่าก็ถูกเก็บเอาไว้ก่อน...เมื่อเสียงบุรุษที่เข้ามานั่งข้างๆเอ่ยทักขึ้น
หน้าเจ้าแดงนะ เป็นเพราะอากาศร้อนงั้นหรือ?
ราโฮเทปถามเพื่อเริ่มบทสนทนา เนเฟอร่าแค่ยิ้ม...และรอยยิ้มบางๆหากงามล้ำทำให้ชายหนุ่มถึงกับหายใจสะดุด...เกือบจะลืมความตั้งใจมา ซักประวัติ เพื่อตรวจสอบอันตรายที่มีต่อนาย
นายน้อยข้า ท่านมีคู่หมั้นรออยู่แล้วที่เมืองหลวง...เจ้าคงไม่ได้คิดอะไรเกินเลย..? เสียงห้าวราบเรียบเอ่ยขึ้นอย่างบอกกล่าว แต่ก็เหมือนถามเพื่อลองใจมากกว่า... เนเฟอร่ากระพริบตาปริบแล้วหัวเราะเบาๆ อันเป็นกริยาที่ราโฮเทปเห็นว่า...น่าเอ็นดู
ท่านเซนทิสเป็นเพื่อนข้า ท่านมีน้ำใจ ที่ข้ามองเป็นเพราะทำให้ข้าคิดถึงใครบางคนที่จากไป...
ท้ายๆเสียงแฝงรอยเศร้าลึก... มีผลให้ผู้ฟังนิ่งงัน หัวใจหล่นลงเหวลึกไปด้วย แต่กระนั้นยังตั้งท่าซักถามต่อ
ข้าขอบอกท่านว่า ข้ามิใช่ศัตรูของนายท่านแน่...ท่านราโฮเทป
ราวกับอ่านใจได้ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนคำถามจากปากชายหนุ่มพูดออกมา ราโฮเทปถึงกับอ้าปากค้าง และเนเฟอร่าก็หัวเราะคิก
เหยี่ยวตัวโตบินตรงเข้ามาในกระโจมแล้วหยุดข้างๆเนเฟอร่า พร้อมกับร่างปราดเปรียวของหนุ่มน้อยพุ่งเข้ามานั่งในร่มอย่างรวดเร็ว
ท่านน้า กำลังแกล้งอะไรเพื่อนข้าอยู่หรือเปล่า?
เสียงทุ้มนุ่มหยอกเย้าอย่างไม่ถือตัวแห่งนายน้อยเซนทิสทำให้ราโฮเทปยิ้มแห้งๆ
เซนทิส ท่านมาก็ดีแล้ว เพราะข้ามีเรื่องอยากบอกท่าน เสียงเนเฟอร่าเอ่ยเป็นงานเป็นการจนทำให้บุรุษทั้งสองตั้งใจฟังโดยทันที...จะว่าไปตั้งแต่วันที่เธอเดินทางมาด้วย ดูเหมือน...กองคาราวานนี้ได้รับการปกป้องจากอำนาจลึกลับบางอย่าง... แต่ก็เป็นแค่ความรู้สึกอันพิสูจน์ไม่ได้
ขอให้ท่านระวังให้ดี...คืนนี้ อาจมีกลุ่มนักฆ่าโจมตีคาราวานของท่าน
เจ้ารู้ได้อย่างไร ใครบอกเจ้าหรือ? เซนทิส-เร ทรงถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่แน่ใจ...
อ้าว...ก็คืนก่อน ท่านชวนข้าไปอ่านความหมายจากดวงดาวอย่างไรเล่า? และดวงดาวก็บอกข่าวมาเช่นนั้น...ท่านมิได้เห็นเป็นอย่างเดียวกับข้าหรอกหรือ?
เนเฟอร่าหัวเราะคิก นายน้อยเซนทิสถึงกับคิ้วขมวด แล้วแกล้งถอนหายใจ...จริงอยู่ การอ่านนิมิตจากดวงดาวจนเชี่ยวชาญย่อมทำให้ พอรู้ เหตุการณ์ล่วงหน้าบ้าง แต่ในกรณีเนเฟอร่า ดูเหมือนเธอจะรู้มากกว่าเขาหลายก้าว
นั่นสินะ...คงถึงเวลาที่ข้าต้องวางแผนรับมือ คนพวกนั้น อีกแล้ว
| จากคุณ |
:
อโณทัย ณ อนธกาล (นู๋ครีมสด)
|
| เขียนเมื่อ |
:
5 ก.ย. 52 06:17:52
|
|
|
|