ลูกแก้วแห่งสันติภาพ -- ตอนที่ ๒ : เอซเวน ฟอน ลิมีนอฟ
|
|
ลูกแก้วแห่งสันติภาพ(๒) เอซเวน ฟอน สิมีนอฟ
กษัตริย์เพทรู รอซนอฟสกาแห่งเนเซฟยังคงทรงงานอยู่แม้จะล่วงเวลาค่ำแล้ว ปฏิกิริยาของกษัตริย์แห่งบีโอกราดมิได้ผิดไปจากที่พระองค์ทรงคาดไว้เลยแม้แต่น้อย และด้วยเหตุนี้เอง ในยามนั้นทั่วทั้งเนเซฟจึงวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวรบศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่านอกจากเรื่องนั้นแล้วก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่กษัตริย์แห่งเนเซฟต้องทรงขบคิด
"ธุระที่ข้าให้ท่านไปจัดการเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ท่านมาร์ซิน?" กษัตริย์ตรัสถามพ่อมดประจำราชสำนักที่เดินเข้ามา
"เรียบร้อยแล้วฝ่าบาท" พ่อมดทูลตอบ แต่ก็ยังมีท่าทางไม่สบายใจบางอย่างอยู่
"อย่ากังวลไปเลย ท่านมาร์ซิน" กษัตริย์ตรัสเมื่อทรงสังเกตเห็นท่าทางดังกล่าว "ข้าไม่กล่าวโทษท่านในเรื่องนี้หรอก"
มิคาอิลกับไอรีน่าใช้เวลานับสัปดาห์ในการเดินทางไปทางทิศตะวันตก เริ่มจากเลียบแม่น้ำโอราไปจนใกล้ถึงเขตกอร์ชอฟแล้วตัดข้ามแม่น้ำเพื่อวกลงมาทางใต้ซึ่งยิ่งเดินทางไปไกลเท่าไรก็ยิ่งสังเกตได้ว่าแนวเขาที่อยู่เบื้องหน้ายิ่งใกล้เข้ามาเท่านั้น พร้อมกับที่ผู้คนเริ่มเบาบาง หมู่บ้านทั้งหลายเริ่มห่างกันมากขึ้น และท้องทุ่งกสิกรรมก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยทุ่งเลี้ยงสัตว์และพื้นที่ร้าง
พวกเขามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในยามบ่าย ขณะนั้นไอรีน่ากำลังสวมหมวกคลุมอยู่เพราะแดดกำลังจัด หมู่บ้านแห่งนั้นไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนัก ที่ลานกลางหมู่บ้านมีกระดานตั้งอยู่แผ่นหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะใช้สำหรับประกาศเอกสารของบ้านเมือง มิคาอิลอ่านประกาศเหล่านี้ในทุกหมู่บ้านที่เดินทางไปเพื่อติดตามสถานการณ์ต่างๆ
ประกาศของทางการในเวลานั้นมีเพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องสงครามกับบีโอกราดและหมายเกณฑ์คนไปร่วมในกองทัพ ส่วนนอกจากนั้นก็เป็นประกาศจากขุนนางท้องถิ่นหรือไม่ก็หัวหน้าหมู่บ้านเองเป็นต้นว่า เรื่องเก็บภาษี หรือเรื่องการกักตุนอาหารในหมู่บ้าน
ไอรีน่าไล่สายตาไปตามเรื่องราวอันลานตานั้นแล้วก็สะดุดอยู่ที่ประกาศแผ่นหนึ่ง
"มิคาอิล ดูนี่" เธอสะกิดเขา
ชายหนุ่มละสายตามาดู ประกาศนั้นเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัวของใครคนหนึ่ง อาจจะเป็นเศรษฐีบางคน แต่ครั้นไล่สายตาไปจนถึงชื่อของเจ้าของประกาศนั้นแล้วเขากลับต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ชื่อนั้นเป็นชื่อของท่านมาร์ซิน ลูบัสกี้ พ่อมดประจำราชสำนัก...
ชายหนุ่มกวดสายตากลับไปอ่านประกาศนั้นโดยละเอียดอีกครั้ง ประกาศนั้นเป็นประกาศตามหาคน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือไอรีน่า เพราะทั้งชื่อและรูปพรรณสัณฐานก็บอกไว้อย่างชัดเจน และยังบอกอีกด้วยว่าหากมีใครแจ้งเบาะแสไปให้ท่าน ท่านก็จะให้รางวัลอย่างงาม ข้อความต่างๆ อ่านเผินๆ ก็ดูเหมือนการประกาศตาหาด้วยความเป็นห่วงธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มสงสัยคือการที่ท่านมาร์ซินได้เขียนไว้ในประกาศนั้นด้วยว่า "อาจเดินทางอยู่กับชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนหนึ่ง"
มิคาอิลหันไปมองไอรีน่า ผู้ซึ่งกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่กับตัวเองใต้หมวกคลุม และครั้นเธอเงยหน้าขึ้นมาใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
"ข้าพอจะใช้เวทมนตร์ปลอมตัวได้อยู่บ้าง มิคาอิล" เธอกระซิบ "แต่ระหว่างที่ข้ายังไหวอยู่เรารีบไปหาที่พักกันเถอะ"
ชายหนุ่มทำตามคำขอนั้น เขาถามหาโรงเตี๊ยมในหมู่บ้านจากคนแถวนั้นคนหนึ่งแล้วรีบพาไอรีน่าไป และหลังจากติดต่อเรื่องห้องได้เรียบร้อยแล้วก็รีบขนของเข้าไปทันที
ในห้องไอรีน่ากลับสู่ร่างเดิมอีกครั้ง พร้อมกับที่มิคาอิลพูดขึ้น
"ฝีมือท่านพ่อแน่ๆ!" เขาพูด
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง "แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดีหรือ?"
"ข้าก็ยังไม่รู้" มิคาอิลยอมรับ "ไอรีน่า เจ้าใช้เวทมนตร์ปลอมตัวแบบนี้ได้นานเท่าไหร่?"
"หนึ่งวันอย่างมาก" ไอรีน่าตอบ "แต่นั้นเป็นกรณีที่ข้าไม่ทำอย่างอื่นนอกจากใช้เวทมนตร์เลย การใช้ไม่ว่าแรงหรือเวทมนตร์ก็ทำให้เวลานั้นลดลงได้ด้วยกันทั้งนั้น"
"อย่างนั้นก็หมายความว่าเราไม่อาจใช้เวทมนตร์ของเจ้าปลอมตัวเพื่อเดินทางต่อไปได้ตลอดสินะ" มิคาอิลสรุป "ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้เจ้าสามารถใช้เวทมนตร์แปลงตัวได้นานเนเลยหรือ?"
"จริงๆ แล้วก็มีอยู่หรอก" หญิงสาวพูด "ยาคืนรูปที่คนแปลงอยู่ดื่มแล้วจะกลับสู่ร่างจริงนั้น ถ้าใช้ดื่มก่อนการแปลงก็จะช่วยให้สามารถแปลงตัวได้นานขึ้น แต่อย่างมากมันก็มีแค่ที่บ้านของขุนนางระดับเอิร์ลขขึ้นไปเท่านั้น"
"บ้านขุนนางอย่างนั้นหรือ..." มิคาอิลทวน แล้วเขาก็ต่อขึ้นด้วยความดีใจ "ข้ารู้แล้วหละ ตอนนี้เราก็ค่อยๆ เดินทางไปก่อนก็แล้วกัน อีกไม่ไกลก็จะถึงวัลตาวาแล้ว เพื่อนข้าคนหนึ่งอยู่ที่นั่น บางทีเขาคงพอช่วยอะไรได้บ้าง"
ฯลฯ
วัลตาวาเป็นเมืองหนึ่งในมณฑลตะวันตกของเนเซฟ มันตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำครุมม์ใกล้กับเทือกเขาที่เป็นพรมแดนระหว่างเนเซฟกับกอร์ชอฟ และไม่ไกลจากช่องเขาที่เป็นทางข้ามไปสวานเบิร์ก
ตามข้อตกลงระหว่างกษัตริย์แห่งเนเซฟกับบรรดาขุนนางหัวเมือง ขุนนางทั้งหลายจะต้องส่งบุตรของตนไปพำนักยังเมืองหลวงเป็นเวลาอย่างน้อยสามปี ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้ขุนนางหัวเมืองเหล่านั้นกระด่างกระเดื่อง ซึ่งขุนนางตระกูล ฟอน ลิมีนอฟ ที่เป็นเจ้าเมืองวัลตาวาก็ไม่มีข้อยกเว้น...
ฯลฯ
มิคาอิลและไอรีน่าไปถึงคฤหาสน์ลิมีนอฟในยามค่ำ ครั้นไปถึง มิคาอิลก็สั่นกระดิ่งที่ประตูหน้าอย่างแรง...
"พวกเจ้าเป็นใคร? มีธุระอะไร?" คนยามหน้าตาถXXทึงปรากฏตัวขึ้น
"ข้าต้องการพบกับท่านเอซเวน" มิคาอิลตอบเรียบๆ
"ท่านเอซเวนเรอะ" คนยามพูด "ไม่ยักรู้ว่าท่านเอซเวนนัดพบใครไว้คืนนี้ด้วย"
"อย่างนั้นหรือ" มิคาอิลว่าแล้วหยิบมีดสั้นขึ้นมาเล่มหนึ่ง "ถ้าเช่นนั้นโปรดนำสิ่งนี้ไปให้ท่านเอซเวน แล้วท่านจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าจะให้พวกเราพบหรือไม่"
คนยามรับมีดนั้นมาและพิจารณามันอยู่ครู่หนึ่ง
"กลัวอะไรอยู่ล่ะ" ไอรีน่าเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด "รับรองว่ามันไม่ทำอะไร ท่านเอซเวนของเจ้าหรอก"
คนยามจึงเดินตึงตังจากไป
ผ่านไปพักใหญ่จึงมีคนเดินออกมาจากคฤหาสน์กับคนยามอีกสองคน คนหนึ่งเป็นชายชรา ผมสีเทา ร่างผอม สูง และสวมชุดเรียบสีดำ เข้าใจว่าหัวหน้าคนรับใช้ของคฤหาสน์ลิมีนอฟ
ส่วนอีกคนหนึ่งแม้จะเป็นชายหนุ่ม แต่กะด้วยสายตาแล้วคงสูงเพียงระดับคิ้วของมิคาอิล ผมสีทอง นัยน์ตาสีเขียวมรกต และสวมชุดมีราคา
ชายคนหนุ่มพยักหน้าให้คนยามเล็กน้อย คนยามจึงเลื่อนประตูออก
"ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่..." ชายหนุ่มผมทองพูดได้เพียงเท่านั้น เพราะมิคาอิลถลาเข้าไปกอดเขาทันที
"ยินดีจริงๆ ที่ได้พบท่านอีก ท่านเอซเวน" มิคาอิลพูดเสียงดังขณะที่ใช้แขนทั้งสองข้างกอดเอซเวนไว้ ก่อนจะกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันสองคน "อย่าเพิ่งบอกชื่อข้า"
มิคาอิลคลายตัวออกและเอซเวนก็ยืนตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนโค้งให้ไอรีน่าและพูดตะกุกตะกัก
"ข...ข้า เอซเวน ฟอน ลิมีนอฟ ยินดีต้อนรับ...อ...ท่านทั้งสอง" เอซเวนบอก "ขอเชิญตามข้ามาก่อนเถิด"
ว่าแล้วเขาก็หันหลังเดินนำไปยังคฤหาสน์ทันที คนรับใช้สูงวัยกุลีกุจอถามเขาว่า "ไม่ทราบว่าท่านจะให้สหายของท่านพักห้องไหนหรือครับ"
"ห้องข้างห้องเราก็ได้ ห้องนั้นเตรียมไว้แล้วไม่ใช่หรือ"
"แล้วเครื่องดื่มล่ะครับ"
"ให้เราจัดการเองดีกว่า" เอซเวนพูด "วันนี้ท่านบริการเรามามากแล้วหละ"
ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้ มิคาอิลและไอรีน่าจึงถูกพาไปส่งที่ปีกของเอซเวน เอซเวนเดินไปส่งคนรับใช้ของเขาถึงประตูแล้วปิดห้องล็อค ก่อนจะมาชงชาจางๆ ให้แขกทั้งสอง
"ในยามค่ำเช่นนี้ การดื่มชาแก่ๆ ย่อมไม่เป็นผลดี" ชายหนุ่มเจ้าบ้านว่า "ในนี้เราสามารถคุยกันได้อย่างอิสระ เพราะนอกจากข้าแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอยู่ในปีกนี้ของบ้านอีก"
"ท่านอยู่ในปีกนี้เพียงคนเดียวหรือ" ไอรีน่าตกใจ "เป็นไปได้อย่างไรกัน?"
"อันที่จริงมันควรเป็นที่อยู่ของพี่น้องของข้าด้วย" เอซเวนว่า "แต่ว่าข้าไม่มีพี่น้อง"
ความเงียบโรยตัวลงปกคลุม ก่อนที่เอซเวนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
"ท่านมิคาอิล ท่านจะช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่านี่เกิดเหตุการณ์อะไรกันขึ้น ท่านจึงต้องมาหาข้าอย่างลับๆ พร้อมกับ" เขาผายมือไปทางไอรีน่า "ท่านหญิงผู้นี้"
ไอรีน่าผุดลุกขึ้นทันที
"ขออภัยที่ยังไม่ได้แนะนำชื่อกับท่าน" เธอพูด "ข้ามีนามว่า ไอรีน่า ลูบัสกี้ เป็นธิดาของพ่อมดประจำสำนัก"
"ธิดาของพ่อมดประจำราชสำนัก" เอซเวนทวนคำอย่างแปลกใจ "พ่อมดประจำสำนักของเรามีบุตรสาวด้วยหรือ หากมีข้าก็น่าจะรู้นี่"
"เจ้าไม่น่าจะรู้จักนางหรอก" มิคาอิลพูด "เพราะบิดาของนางเพิ่งมายังราชสำนักของเราหลังจากที่เจ้าออกจากเมืองหลวงไปแล้ว"
"จริงด้วยสินะ" เอซเวนจิบชา "ข้าก็เคยได้ยินเรื่องที่ท่านมีพ่อมดประจำราชสำนักคนใหม่ที่มาจากกอร์ชอฟ"
"ใช่แล้ว นั่นพ่อของนางหละ" มิคาอิลพูด แล้วก็เปลี่ยนเรื่อง "โชคดีที่ท่านยังจำตราบนมีดเล่มนั้นได้"
ไอรีน่าแทรกขึ้นมาทันที "ว่าอย่างไรนะ มีตราของท่านอยู่บนมีดหรือมิคาอิล ท่านบ้าไปแล้วหรือไง ป่านนี้คนรับใช้ในบ้านท่านเอซเวนมิรู้กันหมดแล้วหรือว่าท่านเป็นใคร"
เอซเวนหัวเราะ "ไม่ต้องห่วงหรอกท่านหญิง" เขาว่า "ตราที่อยู่บนมีดนั้นไม่ใช่ตราที่ใช้อย่างเป็นทางการหรอก แต่เป็นตราที่พวกเราสมัยเด็กๆ คิดขึ้นให้ตัวเอง"
"ที่เอซเวนว่านั้นถูกแล้ว" มิคาอิลรับ พลางหยิบมีดขึ้นให้ไอรีน่าดู "ตราของข้าบนมีดเล่มนี้เป็นรูปนกพิราบและกิ่งฮอลลี่"
"อย่างนั้นหรือ" ไอรีน่าหน้าม้านไปเล็กน้อย "แล้วตราของท่านเอซเวนล่ะ เป็นรูปอะไร?"
"ตราของข้าเป็นรูปดาวสิบสี่แฉก" เอซเวนตอบเพียงแค่นั้น
ในที่สุด มิคาอิลจึงเอ่ยขึ้น "ข้าว่าถึงเวลาที่ข้าจะต้องอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เอซเวนฟังแล้วหละ"
ฯลฯ
| จากคุณ |
:
เจรามี
|
| เขียนเมื่อ |
:
5 ก.ย. 52 20:00:46
|
|
|
|