บุญ... ความสุขอยู่ที่ใจ ไม่ต้องให้ใครมาสรรเสริญ
|
|
หลังจากที่ผมได้รับหนังสือเรื่อง บุญ จากพี่สาวคนหนึ่ง ผมก็คิดอยู่นานว่า จะเขียนบทความแนะนำหนังสือเล่มนี้ดีหรือไม่ ใจหนึ่งนั้นไม่อยากเขียน เพราะว่า การเขียนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรมมะนั้นเป็นเรื่องยาก เกรงว่าผมสามารถจะอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้ไม่ดีพอ อาจเกิดความเข้าใจผิด แต่อีกใจหนึ่ง ผมก็อยากจะบอกกล่าวถึง สิ่งดีๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ให้แพร่หลายเหลือเกิน เพราะนี่คือแนวคิด และวิถีทางที่ ถูกต้องตามวิถีพุทธ
หนังสือเรื่อง บุญ นี้ เป็นปาฐกถาธรรม ของอาจารย์ไชยวัฒน์ กปิลกาญจน์ เมื่อครั้งแสดงที่ มูลนิธิพุทธศาสนาศึกษา วัดบูรณศิริวาตยาราม เนื้อหาภายในนั้นอธิบายถึงการทำบุญ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่น บุญคืออะไร ต้องทำใจอย่างไรจึงจะเป็นบุญ การทำบุญมีอะไรบ้าง เป็นต้น วิธีการอธิบายนั้นเข้าใจได้ง่าย ปราศจากความซับซ้อน จึงเหมาะแก่ผู้อ่านทุกคน
และคงเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้อ่านง่ายย่อยง่ายนี่แหละครับ พอผมอ่านจบ ก็เลยรำพึงกับตัวเองว่า นี่ช่างเป็นหนังสือดีที่ควรบอกต่อเสียจริงๆ
สุดท้าย ผมจึงตัดสินใจเขียนบทความนี้ขึ้น ด้วยอยากให้ทุกท่านได้ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เพื่อประโยชน์และความเข้าใจในเรื่องการทำบุญให้มากขึ้นครับ
***คำเตือน: ข้อความที่จะอ่านต่อไปข้างล่างนี้ เป็นการสรุปย่อมาจากหนังสือ บุญ และนำมาปรับประยุกต์เข้ากับภาษาของผู้เขียนเอง หากมีข้อผิดพลาดใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
------------------------------------------------
บาป บุญ กรรม
ในหนังสือเล่มนี้ได้อธิบายประเด็นเรื่องความเข้าใจของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับ บาป บุญ และกรรม อย่างผิดๆ เอาไว้อย่างน่าสนใจมาก คือ คนส่วนใหญ่นั้นมักคิดว่า กรรม คือสิ่งที่ไม่ดี โดยหารู้ไม่ว่า กรรม คือ การกระทำ เป็นเพียงคำกลางๆ สามารถนำไปประกอบคู่กับความดี ความชั่ว จนเกิดเป็นกุศลกรรม และอกุศลกรรม ตามลำดับ
กรรมดี คือ การกระทำที่ดี จะส่งผลให้เป็นบุญ
กรรมชั่ว คือ การกระทำที่ชั่ว จะส่งผลให้เป็นบาป
ตรงนี้ ท่านที่รู้แล้วอาจหงุดหงิดและรำคาญนะครับ ว่า จะพูดอีกทำไม นี่เป็นเพียงแค่คำศัพท์ ไม่ส่งผลอะไรมากนักหรอก แต่ผมคิดไปว่า ถ้าหากเพียงแค่คำศัพท์ธรรมดาสามัญ ยังใช้กันไม่ถูก การที่จะเข้าใจหลักธรรมในชั้นต่อไป ก็จะเป็นเรื่องยากเสียแล้ว เพราะเมื่อความหมายของแต่ละคนไม่ตรงกัน ผิดเพี้ยนกัน เวลาสื่อสารกัน ก็ย่อมจะคลาดเคลื่อนไปได้ ตรงนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญครับ
แล้วบุญคืออะไร
บุญ มารากศัพท์มาจาก ปุญฺญ หมายถึง การชำระ ทำให้หมดจด
ในที่นี้จึงตีความได้ว่า บุญ คือการทำสันดานของให้หมดจดจากมลทินและเครื่องเศร้าหมอง อันได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ
ดังนั้น เมื่อพูดถึงเรื่องบุญ จึงควรเข้าใจว่า นี่คือการทำให้จิตใจเบิกบาน ปราศจากความเศร้าหมอง คิดกันอย่างง่ายๆ บ้านๆ ตามสไตล์ผม ก็จะคิดแบบนี้ครับ
การทำบุญ การทำให้จิตใจเบิกบาน ปราศจากความเศร้าหมอง
บุญ จิตใจที่เบิกบาน ปราศจากความเศร้าหมอง
อย่างนี้ เป็นต้น ...
แต่หลายๆ คนที่ผมเห็นมาไม่ใช่อย่างนั้น เวลาทำบุญไม่เคยคิดถึงว่าจะชำระล้างจิตใจหรือไม่ เห็นตะบี้ตะบันทำไป เพราะต้องการโน่นนี่ ที่จริง อานิสงส์จากการทำบุญนั้นมีจริงนะครับ แต่เมื่อไปคิดถึงตัวนี้ก่อน ก็ดูจะผิดวิธีคิดแบบพุทธไปหน่อย เพราะถึงทำไป จิตใจก็ยังถูกกักขังด้วยรัก โลภ โกรธ หลง ยิ่งทำยิ่งติด ยิ่งทำยิ่งไม่สะอาด ยิ่งทำใจยิ่งตกต่ำ อย่างนี้ การทำบุญนั้นก็ไม่ใช่การทำบุญ แล้วเมื่อไม่ได้บุญ อานิสงส์จะเกิดแก่เราอย่างเต็มที่หรือ...
การทำบุญ จึงควรใช้ปัญญาประกอบ อย่าไปคิดเชียวครับว่า บุญนั้นเป็นผลส้มผลมะม่วง คือทำปุ๊บมันก็จะไปหล่นปุอยู่ในคลังสมบัติของเรา ถ้าคิดแบบนี้ เราจะได้ตัวงกมาแทนบุญไปเสีย เพราะจะเกิดอาการ อยากสะสม เหมือนคนชอบหนังสือ ก็สะสมหนังสือ คนชอบแสตมป์ ก็สะสมแสตมป์ อันนี้ชอบบุญ เลยจะสะสมบุญ ซึ่งไม่ใช่... ถ้าชอบบุญ ก็ต้องขัดเกลาจิตใจตนเองให้ใสสะอาดยิ่งขึ้น... ยิ่งขึ้น... อย่างนี้จึงจะถูก
คิดแค่ว่า เราทำบุญนะ ทำแล้วเราเป็นบุญนะ คือมีใจที่สะอาดขึ้นนะ แล้วเดี๋ยวอานิสงส์ก็จะมาเอง ไม่ต้องไปคิดถึงจุดนั้น ถ้าตีเป็นสมการออกมาง่ายๆ ก็จะเป็น
ทำบุญ (ทำให้จิตใจสะอาด ปราศจากเครื่องเศร้าหมอง) => บุญ (จิตใจสะอาดแล้ว) => อานิสงส์ผลบุญ (ได้รับผลกระทบข้างเคียงจากจิตใจที่สะอาดหมดจด เป็นผลกระทบข้างเคียงในทางดี)
ย่อยออกมาแบบนี้แล้วคงง่ายขึ้นนะครับ
อุปมาเหมือนการปลูกต้นมะม่วง การที่เรานำเมล็ดมาปลูก นำกิ่งมาชำ สิ่งที่จะเกิดแก่ต้นไม้ในเวลาต่อมาแน่ๆ คือ ต้นมะม่วงสูงใหญ่ขึ้น และเมื่อมันโตขึ้น เจริญขึ้นไปเรื่อยๆ พอถึงจุดๆหนึ่ง ต้นมะม่วงก็จะออกดอกออกผล
การปลูกต้นมะม่วง จึงเทียบได้กับ การทำบุญ ส่วนการเจริญเติบโตของต้นมะม่วงนั้น เทียบกับ บุญ ส่วนผลมะม่วงที่ออกมาในกาลภายหลัง นั้นคือ อานิสงส์ หรือ ผลบุญ ต้องมาเป็นลำดับขั้นตามนี้
แต่บางคนไม่ล่ะครับ ไม่ชอบ ไม่คิดแบบนั้น พอเอาเม็ดลงดิน เอากิ่งมาปัก ก็คิดไปถึงผลเลย ว่าจะต้องดกอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องหวานด้วยนะ กรอบ อร่อย แค่เอาเม็ดมันลงดินก็ฝันหวานไปไกลแล้วว่าตนเองจะได้อะไรบ้าง โดยไม่ได้สนใจเลยว่าต้นไม้จะโตขึ้นมาหรือไม่ แล้วพอต้นไม้ไม่โต ผลไม่เกิด ไม่ได้ดั่งใจ พาลเลยทีนี้ บอกว่าปลูกต้นนี้ไม่ดี ไม่ควรปลูก เลิกปลูกไปเลยตลอดชีวิต... อย่างนี้ก็เห็นทีว่าจะช่วยให้มองเห็นสัจธรรมไม่ได้ล่ะครับ
อย่างที่บอก ว่าการทำบุญ คือทำจิตใจให้สดใสเบิกบาน ถ้าหากยิ่งทำยิ่งเศร้าหมอง ยิ่งทำยิ่งหลงติดไปกับโลภะ โทสะ โมหะ นี่ต้องลองคิดพิจารณาเสียใหม่
ทำบุญ ให้เป็น บุญ อย่าเพิ่งไปนึกถึงผลบุญเลยครับ ตอนนี้ขอแค่ให้เราทำใจให้ถูกที่ถูกทางก่อนนะ
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 52 11:27:04
จากคุณ |
:
PSlovebird
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ย. 52 11:13:14
|
|
|
|