ความคิดเห็นที่ 1 |
"หากมิมีสิ่งใดแล้ว หลานใคร่จักกลับห้องแล้วหนาเจ้าคะ หน้าตายังมิได้ล้างฟันยังมิได้ถู ก็ถูกเรียกให้มารับรู้เรื่องน่าเศร้าเสียแล้ว" ร่างงดงามค่อยๆลุกเยื้องย่างห่างออกไปพร้อมพี่เลี้ยงทั้งสองที่เดินตามด้วยท่าทีอันมีพิรุธและมิยอมสบตาผู้ใด
พระยาราชครูหรือพระยาโหราธิบดีของเรือนรีบเดินตามหลังลูกชายเข้าไปในห้อง ร่างสูงใหญ่ที่เตรียมผลัดผ้าด้วยสำรับผ้าที่ทนายหน้าหอส่งให้ชะงักเมื่อเห็นร่างของผู้เป็นบิดาก่อนจะพยักหน้าให้ทนายหน้าหอออกจากห้องไปก่อนเพราะทราบดีว่าบิดาคงจะต้องการมากล่าวในสิ่งที่ไม่ควรให้ผู้อื่นต้องรับรู้ด้วยแน่ "พ่อเดช พ่ออยากจักขอ" "ผู้ทำผิดไยมิต้องรับผิดฤๅขอรับคุณพ่อ" ความเถรตรงของผู้เป็นลูกซึ้งอยู่ในใจมานาน ทำให้ท่านต้องถอนหายใจยาวอีกครา
"แม่หญิงผู้นี้เกิดมาอาภัพนัก พ่อแม่ตายเสียแต่นางยังไม่รู้ความเท่าใดนัก กว่าที่เราจักรับเข้ามาร่วมเรือนก็ต้องผจญกับญาติพี่น้องที่คอยทึ้งเสียยิ่งกว่าแร้งกา ออเจ้าอาจจะเห็นว่าพ่อเมตตาเธออยู่มากก็เพราะเหตุนี้ด้วย แต่..ผู้กระทำผิดก็ต้องได้รับผลการกระทำของตัวเอง ออเจ้าจำมนต์กฤษณะกาลีได้ฤๅไม่" แววตาขุ่นมัวของผู้เป็นลูกกระจ่างแจ้งในบัดดล มนต์บทนี้ตกทอดมาทางตระกูลของเขามาเนิ่นนานเปรียบดั่งคำสาปแช่งต่อผู้กระทำผิด เศษผ้าของอีแดงในวันที่ตายตกจะเป็นสื่อวิญญาณที่ชักนำให้ผู้ที่ทำร้ายนางต้องเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งมุ่งร้ายมากเพียงใดก็จะยิ่งต้องพบเจอสิ่งที่ยิ่งกว่าความตาย หลายครั้งหลายคราที่ใช้มนต์บทนี้แล้วผู้ที่กระทำความผิดถึงกับวิกลจริตวิปลาสบ้างก็ตายตกตามกันไปเลยทีเดียว
ความเชี่ยวชาญในด้านกสิณสมาธิของพระยาโหราธิบดีรวมไปถึงบรรพบุรุษแต่เก่าก่อนเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อบุคคลทั่วไปพอๆกับความสามารถด้านกาพย์กลอน จนสามารถถวายงานสนองพระเดชพระคุณเหล่ากษัตริย์หลายต่อหลายพระองค์ตั้งแต่พระเจ้าปราสาททองลงมา มีเพียงหมื่นสุนทรเทวาเท่านั้นที่ยังคงเก็บงำความสามารถเช่นนี้ อีกทั้งหน้าที่การงานที่มิได้เจริญรอยตามบิดาก็ยิ่งทำให้ผู้อื่นคาดคิดไม่ถึงว่าจริงๆแล้วกสิณสมาธิของผู้เป็นบุตรคนที่สองนี้กลับเชี่ยวชาญและแข็งกล้าเสียยิ่งกว่าผู้เป็นบิดาเสียอีกด้วยซ้ำ
"หากแม่การะเกดมิได้เป็นผู้สั่งการมุ่งหมายร้ายกับผู้อื่นมนต์นี้ก็มิอาจจักทำลายเธอได้ แต่หากเธอผิดจริงมนต์อันนี้ก็จักทำหน้าที่ของมัน!" "เมื่อใดฤๅขอรับ" "สวดศพวันสุดท้ายของอีแดง" ผู้เป็นพ่อกล่าวจบก็ก้าวช้าๆออกจากห้องไปด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง หากแต่ก็คาดหวังเลือนรางว่าหลานห่างๆของท่านจะมิได้เป็นตัวการ เพราะท่านมั่นใจว่ามนต์อันศักดิ์สิทธิ์จะมิทำอันตรายใดๆต่อผู้ที่บริสุทธิ์
เสียงมนต์แปลกประหลาดที่สวดตั้งแต่ยังไม่รุ่งสางสร้างความอึดอัดมากมายให้แก่แม่หญิงการะเกด แม้ใจจะบอกตัวเองให้เข้มแข็งเพียงใดหากความหวาดหวั่นก็มาเยือนเป็นพักๆ ใครจะรู้บ้างว่าตั้งแต่นางแดงตายไปเธอหลับไม่ลงแม้สักคืน ความผิดที่กระทำไปชั่ววูบได้กลับมาย้อนทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัสบัดนี้เธอรู้แล้วว่าสิ่งที่ทำลงไปร้ายแรงยิ่งนัก ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วก็ยิ่งทรุดหนัก นางผินและนางแย้มผลัดกันคอยดูแลทั้งวันทั้งคืนกลิ่นยาหม้ออบอวลไปทั้งห้องยิ่งทำให้พะอืดพะอมจนพาลกินข้าวกินปลาไม่ลงเข้าไปอีก
จวบจนวันนี้วันที่เธอรู้ว่าพระยาโหราธิบดีและหมื่นสุนทรเทวาจะทำพิธีสาปแช่งผู้ที่ทำให้นางแดงต้องตายก็ยิ่งพาให้หวั่นใจหนัก เสียงสวดเด่นชัดเข้ามาจนคนที่ร้อนรุ่มในใจสุดแสนจะทรมานเหงื่อที่โทรมตัวและความพยายามที่จะไม่กรีดร้องนั้นสร้างความตระหนกให้กับนางผินยิ่งกว่านางแย้ม ด้วยนางนั้นเป็นผู้ไปล่มเรือแม่หญิงจันทร์วาดกับมือตัวเอง
นางแย้มเองที่รับรู้เรื่องราวโดยตลอดก็พลอยประหวั่นพรั่นพรึงไปด้วย หากนางผินก็มิได้ป่วยไข้อันใดมีเพียงอกใจที่สั่นไหวกว่าปกติเพราะความร้อนตัวเท่านั้น พลันนางพี่เลี้ยงทั้งสองก็ต้องช่วยกันจับร่างกายอันแบบบางของแม่หญิงการะเกดที่เริ่มดิ้นรุนแรงและตาเหลือกค้าง "มัน..มันมาแล้ว มันมาแล้ว" "ผู้ใดเจ้าคะ ผู้ใดมา มิมีเจ้าคะ"
"อีแดง อีแดงมันมาเอาชีวิตกูแล้ว" เสียงหอบหืดๆของแม่หญิงการะเกดกับดวงตาที่เหลือกลาญทำให้สองบ่าวพี่เลี้ยงร้องไห้ระงมพยายามกอดขาและแขนของแม่นายของตนไว้อย่างสุดกำลัง ครั้นจะไปบอกกล่าวให้ผู้อื่นช่วยก็กริ่งเกรงว่าจะถูกมองอย่างจับผิดจึงได้แต่กล้ำกลืนไว้และสวดมนต์ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
"เหตุใดมิเป็นบ่าว บ่าวสงสารแม่นายท่านเหลือเกินแม่นายเจ้าขา บ่าวเป็นคนทำเองกับมือ เหตุใดมิเป็นบ่าว" นางผินร่ำไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดเมื่อเห็นความทนทุกข์ทรมานของผู้เป็นนาย จวบจนฟ้าสว่างคาตาทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้นกลับเลวร้ายลงเมื่อแม่หญิงการะเกดดิ้นด้วยแรงเฮือกสุดท้าย เสียงคร่อกในลำคอกับอาการเกร็งไปทั้งร่างจนความงดงามที่เคยมีแทบหมดสิ้นไป ทำให้นางผินและนางแย้มร้องไห้โฮใหญ่แต่ก็พยายามอุดปากตนไว้ เสียงร่ายมนต์กฤษณะกาลียังคงดังแว่วเข้ามาในห้องยิ่งสร้างความหวาดหวั่นให้แก่พวกนาง
ฟ้าที่สว่างพลันมืดมิดลงกับตาราวกำลังเกิดเหตุอาเพศ พร้อมกันนั้นร่างบางบนเตียงก็กระตุกเฮือกก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด นางผินหายใจหอบถี่เมื่อพยายามยื่นมือไปรออยู่ริมจมูกของนาย แล้วก็ต้องน้ำตาทะลักลงมาไม่ขาดสายเมื่อไม่รู้สึกถึงลมหายใจของแม่หญิงการะเกดอีกต่อไป นางส่ายหน้าให้กับนางแย้มฝ่ายนั้นถึงกับทรุดตัวร้องไห้อย่างสิ้นหวังไร้เรี่ยวแรง ต่างอยู่ในภวังค์ของความทุกข์จนไม่มีผู้ใดสังเกตว่า ณ ตอนนี้ท้องฟ้ากลายกลับมาสว่างเฉกเช่นเดิมแล้ว
"ทำเยี่ยงไรกันดี อีผิน พวกเราจักทำเยี่ยงไรดี" "ข้า..ข้าไม่รู้" "ไปแจ้งต่อแม่นายจำปาเถิด" "ไม่..อย่าเพิ่ง รอสักนิดเถิดหนา ข้ากลัว" สองบ่าวพี่เลี้ยงโผกอดกันร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวในโชคชะตาเบื้องหน้าของตัวเองและเศร้าโศกเสียใจที่บัดนี้นายของพวกนางได้มีอันเป็นไปเสียแล้ว!
******************************
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 52 13:47:49
| จากคุณ |
:
จอมนาง
|
| เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ย. 52 13:34:26
|
|
|
|