Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หากย้อนเวลาได้  

เรือนไม้สักใต้ถุนสูง  ตั้งตระหง่านภายในเนื้อที่กว้าง   ร่มครึ้มไปด้วยไม้ขนาดใหญ่  และสนามหญ้าเขียวขจี   ดูสงบเงียบ เพียงแว่วเสียงนกร้อง   และลมพัดใบไม้ไหวเท่านั้น  

จันทนีหญิงสูงอายุ แต่กระฉับกระเฉง  งดงามอ่อนกว่าอายุจริงที่ย่าง 80 ปีแล้ว    กำลังทานอาหารเช้ากับหลานสาวน้องกิ่งวัย 7 ขวบ  
     
"จะ 7 โมงแล้วพ่อเราทำไมยังไม่มา   หรือรู้ว่าวันนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียน  "
   
 "เดี๋ยวหนูไปตามก็ได้ค่ะย่า "

สักพักน้องกิ่งรายงานย่าว่า  พ่อบอกปวดหัวมากยังมาไม่ไหว          ไม่นาน ดาแม่น้องกิ่งก็ขึ้นเรือนมานั่งทานอาหารเช้าเป็นปกติ              โดยที่เธอไม่เคยทำอาหารกินเอง  
เหมือน ๆกับที่ไม่เคยอยู่เลี้ยงลูกเอง  
ไม่เคยดูแลความสะอาด  หรือซ่อมแซมเรือนพัก
ซึ่งห่างออกไปราว 50 เมตรในบริเวณเดียวกัน  นับตั้งแต่แต่งงานกับตั้ม
ลูกชายของนางสิบกว่าปีมาแล้ว

จันทนีสังหรใจ   โดยไม่ได้พูดอะไร  นางหยิบกุญแจบ้านลูกชายและตรงไปทันที     เงียบราวกับไม่มีใครอยู่  
เมื่อเข้าไปเรียกตั้มที่ห้องนอน  ก็ต้องตกใจสุดขีด   ภาพที่เห็นคือตั้ม
นอนนิ่งอยู่กับพื้น  ปากเบี้ยวไปข้างหนึ่ง  นางรีบคลำหัวใจดู
โอ!  ยังเต้นอยู่     มีสติขึ้นมา
โทรเรียกรถพยาบาลด่วน    และโทรตามดาลูกสะไภ้ตัวดี

หน้าห้อง ไอ.ซี.ยู.ที่โรงพยาบาล  จันทนีนิ่งเฉย   ทบทวนสิ่งที่ผ่านมาพูนเพียรเพื่อนสนิทเฝ้าเตือนซ้ำ ๆ
   
"อย่าตามใจตั้มนัก  เธอแค่ดุด่าสั่งสอนไม่ได้หรอก"

จนมาจัดตั้มให้แต่งงานกับดาที่เธอนึกว่า   ตั้มจะได้มีความรับผิดชอบเสียที    เพื่อเธอจะได้ตายตาหลับ   พูนเพียรก็สะกิด
   
"ฉันไม่ชอบครอบครัวนี้เลย  ยังไงก็ไม่รู้  และยัยดาเหมือนจะกระด้าง ๆไม่เป็นผู้หญิงเอาซะเลย"  

เธอกลับเห็นว่านายตี๋เพื่อนสนิทตั้มดูเอาการเอางาน  น่านับถือ
ไป ๆมา ๆเขาก็มาเสนอว่าถ้าตั้มแต่งกับดาน้องสาวเขา  เขาจะได้ช่วยดูแลอีกแรง  
   
"เหมือนว่าความคาดหวังของเธอจะไปแขวนไว้กับคนอื่นนะ"

พูนเพียรไม่ได้คาดผิดเลย   แต่วันนี้จันทนีไม่อาจปรับทุกข์กับเธอได้อีก   เพราะพูนเพียรวันนี้จำใครไม่ได้แล้ว   สมองเสื่อมสภาพเสียแล้ว  

นับตั้งแต่เกิด ตั้มคือลูกชายคนเดียว   หลานชายคนโตของทั้งตายาย มีแต่ถูกเอาใจ  ตามใจ
มีเพียงพ่อของเขาเท่านั้นที่คอยเอ็ด  คอยสอนแต่ก็ต้านทานแรงตามใจของผู้ใหญ่ทั้งหลายยาก   และยังมาจากไปขณะที่ตั้มกำลังวัยรุ่น  
ตั้ม  ไม่เคยทำอะไรสำเร็จนับแต่เรื่องเรียน  เรื่องงาน
จะเป็นงานที่ไปทำกับคนอื่น  หรืองานในกิจการของปู่ย่า  ตายาย   ภาระการงานทั้งหลายจันทนีจึงรับภาระทำทั้งหมด  
ไม่ว่าจะเรื่องบริหาร  เรื่องคนงาน เรื่องเงิน จนถึงวันนี้  
แต่พูนเพียรก็บอกว่ามียาก  ดีกว่าจนยากนะเธอ  

จันทนีย้อนนึกไป   ตั้มก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด    ขอแต่ให้มีกินมีเงินให้ใช้  ไม่คิดทำอะไรใหญ่โตที่ต้องใช้เงินทองมาก ๆ  
อารมณ์ดี  ร่าเริงเสมอ ถึงจะคบหาหญิงสาวมากหน้าหลายตา  ก็ไม่เคยทำเรื่องเสียหาย   ถ้าคนไหนที่ดูดี   คบกันไปก็บอกลาตั้มเองก็มาก
จนแม่ขอร้องว่าแต่งเสียที   ก็ไม่ได้ค้านอะไร  

แต่นับแต่แต่งงานมา   การณ์ไม่เป็นอย่างที่คาด  
นายตี๋ก็ไม่ไปมาหาสู่เหมือนเดิม  เมื่อถามหาก็บอกยุ่ง ๆ ไม่ว่างเลย  
เรือนของตั้มเธอเคยต้องไปดูแลยังไงก็ยังต้องคอยจัดการให้เหมือนเดิม
ทั้งเรื่องความสะอาดและซ่อมแซม
เพราะถ้าไม่ทำทุกอย่างก็จะสกปรกรุงรังยิ่งกว่าเรือนคนงานอีก  
แถมเธอยังดูแลหลานเองอีก

   "แม่  หนูมีธุระ    แม่ดูน้องกิ่งด้วยนะ"  

ทุกเช้ายัยดาก็จะกระเตงลูกสาวมา  จนที่สุดก็

   "แม่ให้น้องกิ่งอยู่ที่เรือนนี้เถอะ  สะดวกดี"  

เป็นเช่นนี้ตั้งแต่น้องกิ่งยังไม่ครบขวบ
จันทนีก็ยังคิดไม่ตก   แม้ว่าหลังแต่งงานไม่นาน  ตั้มจะเปรย บ่อย ๆว่า
 
 "แม่ยัยดาเนี่ยมันใจคอกระด้าง  ร้ายลึกนะ"  

จันทนีออกจะเห็นด้วย แต่ปากก็จะค้านว่า

   "ก็เราทำตัวดีนัก   จะให้เขาดีกับเราแค่ไหน"

จันทนีไม่กล้าจัดการอะไร ๆเด็ดขาด   ลึก ๆจันทนีอับอายทั้งเพื่อน และญาติ ๆ   โดยเฉพาะครอบครัวน้องชาย   ที่วันนี้เหลือแต่น้องสะไภ้
เพราะน้องชายโกรธมากตอนที่พ่อหรือคุณตาของตั้มตาย   พินัยกรรมไม่ยกที่ดินผืนนี้ซึ่งมีราคาให้เขาหรือหลาน ๆ ลูกของเขา  
กลับยกให้พี่สาวคือจันทนีทั้งหมดทั้งที่ผืนที่เรือนตั้มปลูกอยู่ก็เป็นของ
ครอบครัวเธออยู่แล้ว    คุณตาเคยบอกว่าน้องชายได้ไปเยอะมากๆ แล้ว   ครอบครัวเขาใช้เงินกันเกินตัวมาก  
ถ้าได้ไปก็คงขายไปถูก ๆเพื่อให้ได้เงิน        ถ้าน้องชายไม่ด่วนจากไปหลังจากคุณตาเสียไม่นาน
คงมีการฟ้องว่าเป็นพินัยกรรมปลอมแน่   และเป็นเหตุที่หลาน ๆไม่เคยไปมากันเลย

จันทนีรู้สึกหดหู่ใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงคำพูดตั้ม
 
"แม่  ผมเบื่อยัยดามาก ๆ  นั่งด่าว่าผมทุกวัน ๆ"
 
"ค่อยพูดค่อยจากันซิตั้ม    ก็ตั้มขยันมาช่วยแม่ดูแลตึกที่ท้ายซอยแทนดาเขาบ้างซิ  ช่างเดินเข้าเดินออก  ดาเขาจะได้อยู่บ้านบ้าง "  

ทั้งที่รู้ว่าดาแค่ขับรถไปมาให้  แต่จะเอาเป็นธุระจริงไม่ได้เลย  
ถ้าตั้มยอมไปยังติชม  ให้แก้ตรงโน้นตรงนี้   ตามงานตามของบ้าง
และยังคำพูดของคนละแวกใกล้ ๆ และญาติ ๆที่ห่างออกไป  ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียว  
 
"ดีนะได้ลูกสะไภ้มาช่วย  ตั้มไม่เอาเรื่องอะไรเลย"  

หมอเดินออกมา   จันทนีมองหาลูกสะไภ้   ไปไหนของเขานะ  

 "คุณป้าครับ  คนไข้เส้นโลหิตในสมองแตกครับ  อาการทรง ๆ  ผลเอ็กซเรย์    พบว่าปริมาณเลือดออกไม่มาก   ต้องเจาะดูดออกหรือไม่กำลังปรึกษากันกับอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญครับ  ตอนนี้เรารอคนไข้รู้สึกตัว "
   
สามเดือนที่ยากนักหนาเพิ่งผ่านไป   วันนี้จันทนีพาตั้มกลับบ้านแล้ว   เธอตัดสินใจให้ตั้มนอนเรือนใหญ่   เพราะจะได้ดูแลด้วยตัวเอง  
ลูกสะไภ้คงดูจริง ๆ อย่างเดียว
หมอบอกว่า  ถ้าดูแลดี ๆ คนไข้จะค่อยเดินได้ด้วยตัวเอง  แต่อย่างอื่นก็แล้วแต่ว่าจะฟื้นได้แค่ไหน  
ที่เป็นอยู่คือ พูดรัว ฟังไม่รู้เรื่อง  การขับถ่ายควบคุมไม่ได้   ร้องไห้สะเทือนใจง่ายเหมือนเด็ก

เสียงลมพัดใบไม้ไหว  และนกร้องแว่วมา   นอกชานของเรือนไม้สักโบราณ  หญิงสูงวัยกำลังป้อนข้าวให้ลูกชายหนุ่มใหญ่  
แววตาของทั้งสองคนเศร้าหมอง   เสียงขึ้นบันไดเรือน
 
"น้องกิ่งเสร็จหรือยังแม่   เดี๋ยวหนูไปธุระไม่ทัน "  

แล้วผู้พูดก็มานั่งมองชายหนุ่ม   ด้วยความหงุดหงิด   พูดว่า
 
"เนี่ยเป็นอย่างนี้หนูว่า  ตายเสียดีกว่า"  

สิ้นเสียง นายตั้มก็น้ำตาไหลออกมา  

  "ทั้งอาทิตย์นี้หนูไม่อยู่นะแม่  กลับเดือนหน้าเลย "

จากคุณ : amnin
เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 52 17:50:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com