บ้านสีขาว ประตูสีอิฐ และรั้วสีม่วง ตอนที่ 14 : เทอมสุดท้าย
|
|
ตอนที่ 14 : เทอมสุดท้าย
ช่วงเทอมสุดท้ายของอินนี่มีแต่เรื่องยุ่งๆ วุ่นวายเสียจนไม่มีเวลาแวบไปนั่งดริงค์อย่างเคยเลยค่ะ อ้าว!จริงๆนะคะ อินชอบไปนั่ง (ดูเพื่อนอิน) ดื่มเหล้ากันค่ะ ตั้งแต่สมัยที่อยู่ปีหนึ่งแล้ว ช่วงที่อินมาเรียนใหม่ๆนี่ การดื่มเหล้าในมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ละซุ้มตอนกลางคืนนี่จะมีแสงเทียนวอมแวมอยู่เป็นจุดๆ ก็เป็นที่รู้กันแล้วล่ะค่ะว่านั่นคือวงเหล้า จนพักหลังๆนี้หรอกที่ทางมหาวิทยาลัยกวดขันในเรื่องนี้ วงเหล้าเลยต้องยักย้ายเปลี่ยนที่ไป
เวลาเพื่อนอินตั้งวงเหล้ากันนี่นะคะ ส่วนมากพวกเขาไม่ค่อยชวนอินไปร่วมด้วยสักเท่าไหร่หรอกค่ะ นอกจากจะครึ้มอกครึ้มใจกันจริงๆ เพราะอะไรน่ะหรือคะ ก็เพราะอินเป็นประเภทเหล้าไม่เปลืองแต่กับแกล้มเปลืองน่ะสิคะ เพื่อนอินถึงกับตั้งบรรดาศักดิ์ให้อินว่า ขุนเผด็จเสร็จกับแกล้ม ทีเดียว ก็แหม นายไข่แห่งเรื่องสั้นชุดชาวเขื่อนยังมีบรรดาศักดิ์เป็น พระราชวริน (คือรินแต่เหล้าให้คนอื่น)ได้ แล้วทำไมอินทรายุธคนนี้จะเป็นขุนเผด็จเสร็จกับแกล้มไม่ได้ล่ะค่ะ (แต่ฉายานี้อินได้มาตอนเรียนกฎหมายค่ะ ไม่ใช่จาก มช. หรอก)
พูดถึงเรื่องดื่มเหล้านี่นะคะ มีอยู่ครั้งหนึ่งประมาณช่วงปีสองนี่ล่ะค่ะ พวกเราก็ไปนั่งดริงค์กันอย่างเคย อินก็จิบเหล้าดูเพื่อนไปเรื่อยๆ คนอื่นๆหมดไปไม่รู้กี่แก้วแล้วแต่แก้วแรกของอินยังพร่องไปไม่ถึงครึ่ง (ใหม่ๆอินไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ดื่มรวดเดียวหมดแก้วเหมือนกันค่ะ จนเพื่อนอินที่อยู่วิศวะต้องสอนว่าอย่าดื่มรวดเดียว ไม่อย่างนั้นจะเมาเร็วมาก ให้ค่อยๆละเลียดไป) แต่กับแกล้มหายไปเกินครึ่งค่ะ พอเมาได้ที่ก็ขี่รถกลับมานอนที่สโมสรของคณะ เรื่องที่อินจะได้กลับไปนอนที่หอนั้นอย่าหวังค่ะ ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งแล้วอย่างนี้ ต้องหาที่นอนเอาเองค่ะ
พอขึ้นมาถึงชั้นสองของสโมสรนะคะ พอเราเปิดประตูกระจกออกปุ๊บก็จะเห็นโซฟายาวอยู่ตัวหนึ่ง อินก็ดิ่งไปนอนทันใด ในขณะที่พวกผู้ชายไปนอนแผ่อยู่หน้าพระพุทธรูปตรงชมรมพุทธศิลป์ ซึ่งอยู่ห่างจากโซฟาที่อินนอนไปราวสิบห้าเมตร ส่วนเพื่อนอินที่เป็นผู้หญิงอีกสองคนก็แผ่อยู่บนพื้นใกล้ๆกับอินนั่นล่ะค่ะ ตอนนั้นอินเลยเหมือนเป็นเจ้าหญิงมีนางกำนัลนอนเฝ้าหน้าเตียงโดยปริยาย เพื่อนอินคงไม่ทันคิดอะไรหรอกค่ะว่าภาพมันจะออกมาประมาณนี้ ก็เมากันทุกคนนี่คะ มีแต่อินนี่แหละที่แค่มึนนิดๆ เลยไม่มีใครว่าอะไรที่อินไปนอนคนเดียวบนโซฟาอย่างนั้น
ถึงอินจะมึนนะคะ แต่อินก็นอนหลับไม่สนิทหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นอินจะรู้ตัวตลอดว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง พอเช้าปุ๊บอินก็ปลุกเพื่อนผู้หญิงของอินให้ตื่นขึ้นกลับหอ ส่วนพวกผู้ชายก็ปล่อยให้นอนกลิ้งอยู่ที่เดิมนั่นล่ะค่ะ แทนที่จะหมดเรื่องกันเท่านั้นนะคะ แต่ไม่ยักเป็นอย่างนั้น พอตอนสายที่มาเจอหน้ากัน เพื่อนผู้ชายของอินคนหนึ่งเดินตรงแหนวมาต่อว่าต่อขานอินแบบไม่ทันตั้งตัว
อิน เมื่อคืนแกนอนถีบหัวฉันตลอดเลยนะเว้ย
หา! พูดผิดพูดใหม่ได้นะเว้ยเฮ้ย เมื่อคืนแกนอนตรงไหน ฉันนอนตรงไหน
ฉันนอนใกล้แกนั่นแหละ
ไอ้ที่ว่าใกล้มันตรงไหนล่ะวะ
ก็หน้าพระไง
ไอ้บ้า ฉันนอนบนโซฟาโว้ย แล้วขาฉันจะยาวไปถีบหัวแกได้ไง
อยู่ๆมากล่าวหากันอย่างนี้ อินยอมไม่ได้ค่ะ ถึงเป็นผู้ชายก็เถอะ ความจริงตอนเถียงกันภาษาอินกับเขาไม่ได้สุภาพกันขนาดนี้นะคะ ขึ้นภาษาพ่อขุนเลยทีเดียว ถ้าต่อยกันได้ก็คงต่อยกันไปแล้วล่ะค่ะ
เรื่องเถียงกับผู้ชายนี่เป็นเรื่องปกติของอินมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้วค่ะ ที่โรงเรียนอินนั้น ไม่มีเพื่อนผู้ชายคนไหนมองอินเป็นผู้หญิงเลยสักคนเดียว ค่าที่อินคลุกวงในเล่นบาสกับพวกเขาชนิดถึงเนื้อถึงตัวทุกเช้า กลางวัน เย็น (ขนาดพวกนั้นจะเดินเข้าห้องน้ำแล้วเห็นอินยืนอยู่ ทายสิคะว่าพวกนั้นทำยังไงกับอิน พวกเขากวักมือเรียกอินให้ตามเข้าไปด้วยนั่นแน่ะ) นอกจากนานทีปีหนที่เขาจะเห็นอินดูเป็นผู้หญิงกับเขาบ้าง แต่เวลาที่อินเป็นผู้หญิงในสายตาพวกนั้นทีไร อินเป็นฝ่ายเสียเปรียบเกือบทุกที
ครั้งแรกที่เพื่อนอินเห็นอินเป็นผู้หญิง ก็ตอนที่อินอยู่ ม.5 ค่ะ สมัยนั้นที่โรงเรียนของอินจะให้คนที่เป็นหัวหน้ากับรองหัวหน้าห้องไปเข้าค่ายผู้นำ อินเป็นคณะกรรมการของห้องก็จริง แต่กินตำแหน่งสวัสดิการห้องค่ะ อินว่าไม่มีสวัสดิการห้องคนไหนที่ควบตำแหน่งได้ทุกตำแหน่งอย่างอินหรอกค่ะ วันไหนวิชาการห้องไม่มาก็อินทรายุธ หน้าที่นับแถวซึ่งที่จริงเป็นของหัวหน้ากับรองหัวหน้าก็อินทรายุธ วันที่หัวหน้ากับรองหัวหน้าไม่มาเรียนไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุติดธุระอะไรก็ตามแต่ คนที่จะต้องบอกนักเรียนเคารพอาจารย์ก็อินทรายุธ (ถ้าวันไหนที่มีเรียนทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส อินก็ต้องบอกเคารพครบสามภาษาทีเดียว บางทีบอกเคารพเกือบผิดภาษาก็มีค่ะ) ยังดีค่ะที่เขาไม่โยนตำแหน่งเหรัญญิกห้องมาให้อินอีกตำแหน่ง ปีนั้นหัวหน้ากับรองหัวหน้าห้องขี้เกียจไป มติคณะกรรมการก็ลงเสียงเป็นเอกฉันท์ให้อินไปแทน โอ้! พระเจ้าห้องอื่นชั้นอื่นเขาส่งหัวหน้ากับรองหัวหน้าไป แต่ห้องนี้ดันส่งสวัสดิการไป แถมไม่มีคณะกรรมการคนไหนยอมไปกับอินด้วยนะคะ ทั้งที่ค่ายนี้ห้องหนึ่งต้องไปสองคน อินเลยต้องใช้อำนาจตัวเองตั้งตำแหน่งผู้ช่วยสวัสดิการขึ้นมาซะงั้น และคนที่เป็นผู้ช่วยอินก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนใกล้ตัวอินนั่นล่ะค่ะ
ที่ค่ายผู้นำนี้อินเจอเพื่อนกลุ่มบาสของอินครบทุกคน ช่วงเย็นที่พี่ๆวิทยากรปล่อยให้เรากลับที่พักเพื่อไปอาบน้ำนั้น อินต้องเดินผ่านที่พักของพวกผู้ชาย ช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าฝนพอดีค่ะ แล้วเย็นนั้นก็ลมพัดแรงเสียด้วย ทันใดนั้นเสื้อตัวหนึ่งก็ปลิวเฉียดหัวอินกับเพื่อนสนิทไป พร้อมกับเสียงที่คุ้นหูเสียงหนึ่ง
อิน อินคร้าบ เก็บเสื้อให้เพื่อนหน่อยสิคร้าบ
อินเงยหน้าขวับขึ้นไปมองต้นเสียงทันที แล้วก็เห็นนายต้นยืนยิ้มแฉ่งอวดฟันขาวตัดกับสีผิวคล้ำๆของเขา เปลือยอกหราอยู่ที่หน้าต่างห้อง แต่ไหนแต่ไรมานายต้นไม่เคยพูดครับกับอินสักที วันนี้คงเป็นเพราะจะวานอินเก็บเสื้อให้แหง ถึงยอมพูดไพเราะกับอินได้ ในเมื่อลงทุนขนาดนี้ก็ต้องเก็บให้ล่ะค่ะ ทั้งที่อินอดสงสัยไม่ได้ว่าพ่อเจ้าประคุณบังเอิญหรือจงใจให้เสื้อปลิวตกลงมาให้อินเก็บให้กันแน่ ก็กลิ่นเหงื่อเขายังไม่จางไปจากเสื้อตัวนั้นเลยน่ะสิคะ แถมยังชื้นอยู่หน่อยๆด้วย แต่อินไม่ได้เก็บเอาไปส่งให้ถึงห้องหรอกนะคะ แค่ม้วนเป็นก้อนกลมๆแล้วโยนให้เท่านั้นเอง เพราะอินชักไม่ไว้ใจค่ะว่าถ้าอินไปถึงห้องนี่ พวกเขาคิดวางแผนแกล้งอะไรอินหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย อยู่ห่างไว้ก่อนได้เป็นดีค่ะ
เย็นวันเดียวกันนั้นเอง หลังจากกินข้าวเย็นกันแล้ว อินจำไม่ได้ว่านายต้นเขาล้ออะไรอิน แต่ที่จำได้คืออินโกรธจนไม่มองหน้าเขาตลอดเย็นและตลอดคืนนั้น จนเช้าอินก็ยังไม่หายโกรธ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรมาอินก็ไม่หันไปมองทั้งนั้น จนช่วงสายที่พี่ๆวิทยากรพาไปทัศนศึกษาภายในโรงไฟฟ้า พ่อเจ้าประคุณก็ยังไม่ยอมเลิกราที่จะตามง้ออิน ประจวบเหมาะกับที่ทางเดินตรงนั้นค่อนข้างแคบด้วย เขาก็เลยเดินมาขวางหน้าอินไว้ไม่ยอมให้ไปไหน (ฉากนี้คุ้นๆเหมือนเคยเห็นหรือเคยอ่านในนิยายไหมคะ นั่นล่ะค่ะ อย่างเดียวกันเลย ผิดกันแต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนี้ไม่ใช่นิยายแต่เป็นเรื่องจริง) ไม่ว่าอินจะหลบไปทางไหนเขาก็ตามขวางได้ตลอด เล่นเอาอินต้องขบริมฝีปากสะกดความโกรธสุดฤทธิ์ แล้วพูดเสียงห้วนๆ
ถอย!
ไม่ถอย จะทำไม ไม่ให้ไปเสียอย่าง
เพื่อนสนิทอินเขารู้อารมณ์อินดีค่ะ เจ้าหล่อนบีบมืออินแน่นคล้ายๆจะบอกให้อินใจเย็น แต่ไอ้คนตรงหน้ากลับไม่วายลอยหน้ายั่วยวนกวนโทสะ สุดท้ายอินยิ้มหวานหยดให้นายต้นทีหนึ่ง
ไม่ถอยใช่มั้ย ได้!
พร้อมกับคำว่าได้คำนั้น อินกระทืบเท้านายตัวแสบไปเต็มแรงทีหนึ่ง เล่นเอาเขาร้องจ๊ากทีเดียว ในขณะที่อินลากมือเพื่อนอินเดินหนีอย่างรวดเร็ว ตอนหลังๆเขาเลยไม่กล้าขัดใจหรือแกล้งอินอีกเลย คาดว่าคงเข็ดไปนานค่ะ
นั่นเป็นชัยชนะที่งดงามของอินค่ะ แต่เรื่องที่อินเกือบเสียทีก็มีนะคะ คือจะสู้ก็สู้ได้อยู่หรอก แต่สภาพเครื่องแต่งตัวทำให้อินแผลงฤทธิ์ไม่ได้น่ะสิคะ
*** มีต่อค่ะ
จากคุณ |
:
อินทรายุธ
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.ย. 52 16:50:08
|
|
|
|