 |
ความคิดเห็นที่ 11 |
สองคนก็แนะนำตัวกัน แล้วเมิ่งจิ่วก็ขอตัวจากไปทันที ฮั่วชวี่ปิ้งก็ระเบิดใส่จินอวี้ว่า จินอวี้บอกมันแค่ว่านี่ชื่อดอกเงินทอง ไม่เห็นบอกมันเลยว่ามีอีกชื่อว่าดอกยวนยาง จินอวี้เลยพูดว่าเรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง ฮั่วชวี่ปิ้งเลยโมโหชกโครงที่ให้ต้นไม้นี่เกาะพังครืน ต้นไม้ตายเลย...
เรียกว่าสารภาพรักรอบสอง จินอวี้แห้วอีกแล้ว แถมหนนี้เฮิร์ตหนักกว่าหนแรก
แต่คนที่เฮิร์ตไม่ได้มีแต่จินอวี้ เมิ่งจิ่วเองก็เสียใจที่ต้องปฏิเสธไป และเพราะหลังจากนั้น จินอวี้ไม่แวะไปที่คฤหาสน์สืออีกเลย จนเมิ่งจิ่วล้มป่วยลง คนรับใช้เลยมาขอร้องให้จินอวี้ช่วยไปดูหน่อย จินอวี้เลยไป
จินอวี้ไปเยี่ยมแล้วก็บอกเมิ่งจิ่วว่า จินอวี้จะขอคำตอบเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนั้นใกล้วันตรุษจีนแล้ว จินอวี้บอกในวันตรุษจีนที่เมิ่งจิ่วเคยบอกว่าตั้งให้เป็นวันเกิดของจินอวี้ จินอวี้จะรออยู่ที่หอลั่วอวี้ฟัง จะรอที่นั่นทั้งวัน ถ้าเมิ่งจิ่วยินดีตอบรับความรู้สึกนี้ก็ให้ไปหา ถ้าไม่ จินอวี้จะไม่รบกวนเขาด้วยเรื่องนี้อีก
แต่วันนั้นจินอวี้ใส่ชุดที่ได้มาจากเมิ่งจิ่วตอนที่พบกันครั้งแรกนั่งรอทั้งวันจนเกือบเที่ยงคืน เมิ่งจิ่วก็ไม่มา กลายเป็นว่าฮั่วชวี่ปิ้งแวะมาเยี่ยม และพิราบสื่อสารของเมิ่งจิ่วเอาข้อความจากเมิ่งจิ่วมาให้จินอวี้ว่า "ขอโทษ"
จินอวี้สิ้นหวังเลยคราวนี้ พอวันรุ่งขึ้นมั้ง ก็ตัดสินใจว่าจะไปจากเมืองฉางอานเงียบๆ จึงเอาบันทึกความสุขที่บอกเล่าระบายความในใจของตัวเองที่มีต่อเมิ่งจิ่วที่เขียนเก็บเอาไว้ทุกวันไปให้เมิ่งจิ่ว ทีแรกกะจะเผาทิ้ง แต่เปลี่ยนใจ เพราะยังไงจินอวี้จะไปอยู่กับฝูงหมาป่าแล้ว บันทึกนี่เขียนถึงเขา ก้ยกให้เจ้าตัวไปก็แล้วกัน จินอวี้เลยเอาบันทึกไปให้เมิ่งจิ่วกับมือ แล้วเดินจากมา
เขียนจดหมายให้ฮั่วชวี่ปิ้งกับหงกูคนละฉบับ ฝากหงกูว่าให้รอจนจินอวี้ไปแล้วสักครึ่งเดือนค่อยเอาจดหมายไปให้ฮั่วชวี่ปิ้ง
เช้าวันที่จินอวี้ออกเดินทางนั่น เป็นเช้าวันที่ฮั่วชวี่ปิ้งต้องยกทัพออกรบพอดี และเขาชวนจินอวี้ไปด้วย ให้คนใช้ที่บ้านมาบอกจินอวี้ว่าวันนี้เขาจะออกเดินทางไปรบ แต่รอจนได้เวลาต้องไปเข้ากองทัพแล้วจินอวี้ก็ยังไม่มาหา ฮั่วชวี่ปิ้งเลยได้แต่ถอนใจ
จากนั้นไม่กี่วัน เพราะหงกูโมโหมากที่จินอวี้ไปแบบไม่บอกกล่าว เลยส่งคนเอาจดหมายไปให้ฮั่วชวี่ปิ้งแต่เช้า ฮั่วชวี่ปิ้งได้รับจดหมายเร็วมาก และเดาเส้นทางหนีของจินอวี้ได้ เลยปลีกตัวออกจากกองทัพมาดักเจอตัวจินอวี้ในโรงเตี๊ยม พาตัวเข้าไปอยู่ในกองทัพ
ข้างเมิ่งจิ่ว พอได้บันทึกมาก็นั่งอ่าน จนได้เจอข้อความหนึ่งที่ทำให้รู้ว่า เรื่องที่เขากังวลว่าจินอวี้จะรับไม่ได้ เลยปฏิเสธจินอวี้ไปนั่น ความจริงจินอวี้ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสำคัญเลย ก็ดีใจ รีบไปหาจินอวี้ที่หอนางโลม แต่จินอวี้ออกเดินทางไปแล้ว เขาจึงสั่งคนออกค้นตัวจินอวี้ทันที แต่จินอวี้โดนฮั่วชวี่ปิ้งพาตัวไปจากโรงเตี๊ยมเสียก่อน และเมื่อเมิ่งจิ่วส่งคนไปถามคนใช้ที่บ้านฮั่วชวี่ปิ้งว่าพบร่องรอยจินอวี้บ้างไหม พ่อบ้านของฮั่วชวี่ปิ้งก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ทั้งยังพูดจาดูถูกและแกล้งเมิ่งจิ่วด้วย แต่เมิ่งจิ่วก็ทน
ฮั่วชวี่ปิ้งรู้ว่าเมิ่งจิ่วตามหาตัวจินอวี้อยู่ จึงจับจินอวี้แต่งตัวเป็นผู้ชาย ให้อยู่แต่ในกองทัพเขา เมิ่งจิ่วจึงหาตัวจินอวี้ไม่พบ ระหว่างเดินทัพมุ่งหน้าไปชายแดนต่อ ฮั่วชวี่ปิ้งให้จินอวี้พักอยู่กระโจมของตัวเอง แล้วขู่ว่าวันไหนเขาตื่นมาเห็นจินอวี้หายไป เขาจะสั่งให้เสบียงของกองทัพเขาเปลี่ยนเป็นเนื้อหมาป่าให้หมด จินอวี้โมโหมาก แต่ก็เป็นคำขู่ที่ได้ผล เพราะทำให้จินอวี้ไม่กล้าหนี
ระหว่างเดินทัพผ่านหล่งซี ฮั่วพาจินอวี้แต่งเป็นผู้ชายออกมาเดินเที่ยวตลาดเล่น จินอวี้เห็นแผงลอยข้างทางวางขายมีดสั้นที่อวี๋ตัน เจ้าชายรัชทายาทของซยงหนู เพื่อนเล่นสมัยเด็กของนางเคยให้นางเป็นของขวัญ ก็บอกให้ฮั่วซื้อให้ มีดสั้นนี้เป็นมีดกลไก หากปลดสลักแล้วแทง ใบมีดจะหดเข้าไปในด้ามและถุงเลือดที่ซ่อนอยู่ในด้ามมีดจะแตก มีเลือดไหลออกมา ทำให้ดูเหมือนถูกแทงจริงๆ หลังจากได้มีดมา จินอวี้ก็แกล้งพูดว่า ดูซิว่าต่อไปเจ้ายังจะมีโอกาสรังแกข้าอีกหรือเปล่า ! จากนั้นแทงมีดใส่ตัวเอง ปรากฏว่าฮั่วชวี่ปิ้งตกใจจนหน้าซีดเผือด มือสั่นตัวสั่นไปหมด จินอวี้เห็นเลยนึกเสียใจว่าแกล้งหนักไป รีบหัวเราะออกมาว่าแค่ล้อเล่นหรอกน่า แต่ฮั่วชวี่ปิ้งโกรธมากจนเดินหนีไปเลย จินอวี้จึงเดินตามไปง้อ บอกว่านางรู้ว่าฮั่วชวี่ปิ้งไม่ได้โกรธที่นางล้อเขาเล่น แต่โกรธที่นางล้อเล่นกับชีวิตตัวเอง เกิดกลไกของมีดสั้นเสีย ใบมีดไม่ยอมหดกลับเข้าไปในด้ามขึ้นมาจะทำยังไง จากนั้นบอกว่ามีดสั้นนี้อวี๋ตันเพื่อนสมัยเด็กให้นางมา นางเคยเอาไปแกล้งพ่อเล่นมาแล้ว มีหรือจะไม่รู้จัก ฮั่วชวี่ปิ้งจึงถามอย่างประหลาดใจว่าจินอวี้มีพ่อด้วยหรือ ? จินอวี้บอก ใครบ้างเกิดมาไม่มีพ่อแม่ ฮั่วชวี่ปิ้งจึ งพูดอย่างเย็นชาว่า แต่เขามีพ่อก็เหมือนไม่มี
การรบหนนี้ ฮั่วชวี่ปิ้งวางแผนให้เป็นการรบแบบเน้นความเร็ว จึงทิ้งจินอวี้ไว้ให้ฝึกขี่ม้ากับทหารอายุประมาณ 15 ปีคนหนึ่งที่ขี่ม้าเก่งมาก ชื่อหลี่เฉิง และกองทหารคุ้มกันอีกหนึ่งกอง และขู่ว่าถ้าเขารบกลับมาแล้วฝีมือขี่ม้าของจินอวี้ไม่มีอะไรคืบหน้า เขาจะลงโทษหลี่เฉิงอย่างหนัก
ก่อนฉั่วชวี่ปิ้งจะนำทัพจากไป ข้าวของของจินอวี้ที่โรงเตี๋ยมซึ่งถูกฮั่วชวี่ปิ้งลักพาตัวมาก็ถูกส่งมาถึง รวมถึงกรงนกพิราบเสี่ยวเชียนกับเสี่ยวถาว
ในตอนแรกจินอวี้ไม่คิดจะหัดขี่ม้า แต่เมื่อตระหนักว่าตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในสมรภูมิแล้ว และถ้าขี่ม้าไม่เป็น จะเป็นตัวถ่วงให้คนอื่นต้องมาตายไปกับตัวเองด้วย จินอวี้จึงยอมหัดขี่ม้า
หลังฮั่วชวี่ปิ้งจากไปแล้ว หลี่เฉิงท่าทางเซ็งมาก จินอวี้ถามดูจึงได้ความว่า พ่อแม่ของหลี่เฉิงถูกพวกซยงหนูฆ่าตาย เขาจึงมาเป็นทหารเพื่อแก้แค้น แต่ฮั่วชวี่ปิ้งกลับให้เขารั้งอยู่สอนจินอวี้ขี่ม้า ไม่ให้ตามไปด้วย เขาจึงเซ็งมาก จินอวี้จึงสอนวิธีการต่อสู้ของตัวเองให้หลี่เฉิง และบอกว่า ถ้าสามารถสู้กับนางได้ถึงร้อยกระบวนท่า นางจะขอให้ฮั่วชวี่ปิ้งพาหลี่เฉิงไปรบด้วย หลี่เฉิงดีใจมากและกระตือรือร้นขึ้นทันตาเห็น
ศึกนี้ ฮั่วชวี่ปิ้งใช้เวลารบทั้งสิ้น 6 วัน จำนวนทหารที่นำไปคือ 10,000 นาย เป็นการรบโดยอาศัยความเร็วและยุทธการไปหาเสบียงจากศัตรู คือไม่ขนรถเสบียงติดตัวไปด้วย เร่งขี่ม้าทั้งวันทั้งคืน(ทหารแต่ละคนเอาม้าไปเปลี่ยน 2 ตัว)อ้อมไปดักโจมตีปีกและแนวหลังของซยงหนู
ด้วยการขี่ม้าแบบไม่หลับไม่นอนติดต่อกัน 6 วัน ทำให้สามารถขี่ม้าไปได้เร็วกว่าเผ่าซยงหนูที่เป็นชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนใช้ชีวิตอยู่แต่บนหลังม้าเป็นส่วนใหญ่ ขี่ม้าเป็นก่อนเดินได้ ทั้งนี้นอกจากความทรหดเหนือปกติแล้ว กองทัพของฮั่วชวี่ปิ้งซึ่งเป็นกองทัพอวี่หลินจวินที่ผ่านการฝึกพิเศษมาได้เอาชนะพวกซยงหนูด้วยการรบแบบยิงธนูบนหลังม้าซึ่งเป็นการรบที่ซยงหนูถนัดมากที่สุดอีกด้วย แล้วยังเป็นการรบในถิ่นของซยงหนูเองซึ่งแน่นอนว่าพวกซยงหนูย่อมจะมีความชำนาญชัยภูมิมากกว่า แล้วยังเป็นการยกทัพบุกเข้ากลางถิ่นของซยงหนูซึ่งเสี่ยงอย่างมากจากการถูกล้อมโจมตีจนตายหมดทั้งกองทัพ
ภายใต้ปัจจัยเหล่านี้ ฮั่วชวี่ปิ้งยังสามารถเอาชนะได้อย่างงดงาม ศึกนี้ซยงหนูถูกกองทัพของฮั่วชวี่ปิ้งจำนวน 10,000 นายฆ่าตายไป 8-90,000 คน เรียกได้ว่าพ่ายแพ้ยับเยิน แต่ทหารของฮั่วชวี่ปิ้งก็เหลือแค่ 3,000 คนเหมือนกัน
ชื่อ ฮั่วชวี่ปิ้ง เริ่มสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งแผ่นดินซยงหนูอย่างแท้จริงจากศึกนี้เอง ตอนนี้ฮั่วชวี่ปิ้งอายุ 19 ปี
หลังรบชนะ พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ที่ได้ทราบข่าวดีก็ดีใจมาก ประทานเหล้าชั้นดีมาให้ฮั่วชวี่ปิ้งถึงกองทัพที่ยังอยู่ในซยงหนู แต่ฮั่วชวี่ปิ้งถือว่าศึกนี้คนที่สร้างความชอบคือทหารทั้งกองทัพ ไม่ใช่เขาแค่คนเดียว จึงเทเหล้านี้ลงในน้ำพุของเมืองนั้น แล้วร่วมดื่มกับพวกทหาร นับแต่นั้นมาเมืองนั้นก็ถูกเปลี่ยนชื่อตามเหตุการณ์นี้เป็นชื่อ จิ่วเฉวียน (น้ำพุสุรา)
ฮั่วชวี่ปิ้งกลับมาถึงค่ายที่ทิ้งจินอวี้ไว้ ก็ล้มตึงลงนอนหลับไปทันทีเพราะอดนอนมาหลายวันมาก
หลังจากตื่นมาแล้ว ฮั่วชวี่ปิ้งก็บอก เขาจะนำคนส่วนหนึ่งกลับฉางอานไปรายงานผลการรบ จินอวี้ไม่อยากกลับฉางอาน เขาก็ไม่บังคับ จินอวี้จึงร้องขอฮั่วชวี่ปิ้งว่า อย่าบอกใครว่านางอยู่ที่นี่ ฮั่วชวี่ปิ้งก็ตกลง (น่าเสียดายที่จินอวี้ไม่รู้ว่าเมิ่งจิ่วตามหาตัวนางอยู่ ไม่งั้นคงไม่กำชับฮั่วชวี่ปิ้งแบบนี้แล้ว และฮั่วชวี่ปิ้งก็ไม่คิดจะบอกจินอวี้ด้วยว่าเมิ่งจิ่วกำลังระดมคนตามหาจินอวี้อยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย)
ระหว่างที่ฮั่วชวี่ปิ้งไปฉางอาน หลี่เฉิงก็สู้กับจินอวี้ได้ครบร้อยกระบวนท่า จินอวี้จึงรอฮั่วชวี่ปิ้งมา แล้วขอให้หลี่เฉิงเข้ารบในกองทัพด้วยตามที่ได้สัญญาไว้กับหลี่เฉิง ฮั่วชวี่ปิ้งก็อนุญาต หลี่เฉิงจึงดีใจมาก
จากคุณ |
:
Linmou
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ก.ย. 52 21:08:24
|
|
|
|
 |